№ 499 หญิงผู้โง่เขลา
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะลั่นลอยมา ชายที่ดูแล้วอายุราวๆ สี่สิบกว่าสาวเท้าออกมา เขาสวมชุดคลุมสีดำเรียบง่าย ใบหน้าที่ปกติจะสง่างามยามนี้กลับผุดรอยยิ้มอย่างไม่อาจกลั้นไว้ โดยเฉพาะเมื่อแววตานั้นหยุดลงบนร่างหญิงงาม ยิ่งมีความจนใจบางส่วน
“ซู่ซี แบบนี้เจ้าจะทำให้ซานหยวนตกใจนะ”
ผู้มาใหม่คือผู้นำตระกูลหลินนามว่าหลินป๋อเหิง เป็นพี่ชายของหลินซู่ซีและพี่ชายร่วมสาบานของผู้เฒ่าเฟิ่ง
หลินป๋อเหิงคนนี้แม้อายุมากกว่าผู้เฒ่าเฟิ่ง แต่ใบหน้ากลับคงรูปลักษณ์ยามที่ดีที่สุดไว้ตลอด ดูแล้วเหมือนชายที่เพิ่งก้าวเข้าวัยกลางคน ไม่เห็นความแก่เลยสักนิด แต่ตัวเป็นถึงผู้นำตระกูลหลิน วรยุทธ์ย่อมไม่ธรรมดา ช่วงก่อนหน้านี้ก็เพิ่งบรรลุกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ
“พี่ใหญ่”
นางหันกลับไปเรียกอย่างจนใจ เมื่อมองประตูที่ปิดสนิทคิ้วงามก็ขมวดแน่น สีหน้าเป็นกังวล “ท่านดูสิ เขาหลบข้าเหมือนหนูเจอแมว ราวกับข้าเป็นเสือโคร่งดุร้าย ข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้นจริงหรือ?”
ระหว่างพูดก็ลูบบนใบหน้าตนเองอย่างอดไม่ไหว เป็นครั้งแรกที่เกิดไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ตนเอง ถึงกับคิดว่าการที่ปีนั้นนางกินยาคงรูปลักษณ์เพื่อรักษารูปโฉมไว้ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นถูกต้องจริงๆ หรือไม่? หากวันนี้นางแก่ลงเหมือนกัน เขาจะยอมรับนางอย่างง่ายดายหรือไม่?
ยามมองน้องสาวคนนี้ ดวงตาหลินป๋อเหิงเต็มไปด้วยความสงสาร พวกเขาสี่คนพี่น้องร่วมตระกูลมีน้องสาวคนนี้แค่คนเดียว ไม่เพียงพ่อแม่พวกเขาจะรักนางดั่งไข่มุกล้ำค่า แม้แต่พี่ชายทั้งสี่ยังปกป้องนางกับมือมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่
แต่นึกไม่ถึงว่าการที่เขาพาน้องชายร่วมสาบานที่รู้จักกันข้างนอกกลับมาบ้านในปีนั้น ผลลัพธ์คือเด็กคนนี้หลงรักเขาตั้งแต่แวบแรก ทว่าตอนนั้นซานหยวนแต่งงานแล้ว ซ้ำภรรยายังตั้งท้องลูกชาย ตอนนั้นทุกคนต่างแนะนำนาง แม้จะรวบรวมภาพเหมือนเด็กหนุ่มผู้โดดเด่นที่ยังไม่แต่งงานทั่วเมืองมาให้นางเลือกสรร แต่แม่เด็กคนนี้ก็ยังดื้อรั้น
เห็นนางยอมรับซานหยวนแล้ว เขาจึงเรียกคนทั้งตระกูลมารวมตัว เพื่อปรึกษากันว่าจะตามซานหยวนมาคุยเสียหน่อย พวกเขาไม่ถือสาที่เฟิ่งเซียวเป็นคนแคว้นระดับเก้า หวังเพียงว่าจะสามารถดูแลซู่ซีอย่างดี ให้เขารับซู่ซีไว้เป็นภรรยารอง
ใครจะรู้ว่าหลังจากแม่เด็กนี่รู้เข้าก็ปฏิเสธเรื่องนี้ทันที ตอนนี้เขายังจำได้อย่างชัดเจน นางในตอนนั้นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า ‘ข้าหลินซู่ซีไม่ผิดที่หลงรักเฟิ่งซานหยวน แต่จะไม่ยอมเป็นหญิงชั่วที่ทำลายครอบครัวใคร ความรักยากทนทานมือที่สาม ในเมื่อเขาแต่งงานกับภรรยาแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอ’
รอ หนึ่งคำว่ารอทำให้นางรอมาเต็มๆ หลายสิบปี
นางมองอยู่ห่างๆ โดยไม่ไปทำลายตระกูลเขาตามที่พูด ไม่ให้ภรรยาเขารู้ว่ามีผู้หญิงอย่างนางเฝ้ารออย่างโง่เขลา เห็นเขามีลูก เห็นความรักของภรรยาเขา เห็นลูกชายพวกเขาเติบใหญ่ และเห็นพวกเขามีหลานสาว…
การเฝ้ารออย่างโง่งมมากว่าสิบปีทำให้นางเหนื่อยใจ ชอกช้ำระกำใจ ภายใต้การแนะนำจากครอบครัว นางเก็บตัวฝึกตน เปลี่ยนความคิดถึงเป็นแรงจูงใจในการฝึกบำเพ็ญ ฝึกบำเพ็ญทั้งวันทั้งคืนไม่ฟังข่าวคราวภายนอก และไม่คิดถึงคนคนนั้น
กระทั่งช่วงนี้ออกจากการเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ นางรู้ว่าภรรยาเขาตายไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเรื่องที่นางส่งคนไปลักพาคนมา
นึกถึงตรงนี้แล้ว หลินป๋อเหิงก็ถอนใจเบาๆ “ซู่ซี ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ ซานหยวนเขารู้ใจเจ้าดี แต่ความละอายใจทำให้เขาไม่อาจสู้หน้าเจ้า กว่าสิบปีเจ้ายังรอได้ เวลาแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก”
…………………………….