№ 523 ผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิด!
ครั้นได้กลิ่นหอมยาที่เข้มข้นและทำให้จิตใจสั่นไหวนั้น อวี๋เหล่าพลันตกตะลึง สองตาเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจ ร่างกายลุกยืนขึ้นทันใด มองหนุ่มน้อยที่กำลังคนน้ำยาช้าๆ ด้วยความเหลือเชื่อ ดวงตาจ้องน้ำยาที่ไม่ระเบิดเสียหายเพราะสรรพคุณไม่เข้ากันอย่างยากจะเชื่อ
เป็น เป็นไปได้อย่างไร!
เขาทำได้อย่างไร? ผสมน้ำยาเข้าไปด้วยกันเช่นนั้น ทำไมถึงไม่ปรากฏภาพที่สรรพคุณยาขัดแย้งกัน มีตรงไหนที่เขามองพลาดไปหรือ? เขา เขามองไม่ออกเลยว่าปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่
เช่นเดียวกับอวี๋เหล่า อาจารย์คุมสอบสามคนข้างๆ ต่างมีสีหน้าตะลึง แต่จุดที่พวกเขาตะลึงไม่ใช่สถานการณ์ที่น้ำยาของเฟิ่งจิ่วไม่ขัดกัน เพราะฝีมือและขั้นตอนการกลั่นยาเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขามองแล้วจะเข้าใจได้ สิ่งที่ตกใจมีแค่ได้กลิ่นกลิ่นหอมยานั้น ไม่นึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะปรุงยาออกมาได้จริงๆ
แม้กลิ่นหอมยาเข้มจะตลบออกมา เฟิ่งจิ่วกลับยังไม่หยุดมือและเฝ้าสังเกตน้ำยา จากนั้นสกัดส่วนสำคัญสุดท้ายต่อไปด้วยวิธีการกลั่น
เวลาค่อยๆ ผ่านไป กลิ่นหอมยาที่ตลบกระจายอยู่กลางอากาศเจือจางลงทีละน้อย ชัดเจนว่าไม่มีกลิ่นหอมยาเช่นก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลิ่นอายหอมสดชื่นเหมือนจะยิ่งบริสุทธิ์กว่าเดิม
อวี๋เหล่าเห็นเฟิ่งจิ่วนำน้ำยาขั้นสุดท้ายที่เป็นรูปเป็นร่างออกจากเครื่องกลั่น เห็นเด็กหนุ่มหยิบขวดใสสองใบมาจากในแขนเสื้อ ใส่น้ำยาสีเขียวอ่อนจางๆ ลงไป เช่นนี้เขาจึงรีบเดินเข้าไปยังหน้าลานกลั่นยา
“เรียบร้อยแล้ว เชิญตรวจสอบได้ขอรับ!” เฟิ่งจิ่วหยิบขวดหนึ่งให้อวี๋เหล่าตรวจสอบ
หลังดูตั้งแต่เริ่มจนจบ อวี๋เหล่าเข้าใจชัดเจนยิ่งนักว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นนักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์! ฝีมือเช่นนั้นช่างไร้ที่ติ ซ้ำยังคล้ายว่าเขาจะชำนาญความรู้ด้านการกลั่นยาที่แม้แต่อวี๋เหล่ายังไม่เข้าใจด้วย ขณะมองน้ำยาตรงหน้า เขาถึงกับมั่นใจได้ว่านี่คือยาที่พอจะเทียบได้กับยาน้ำวิญญาณได้แล้ว
อีกทั้ง นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะกลั่นยาสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงสามชั่วยาม ความเร็วเช่นนี้เกินความคาดหมายนัก
เขาข่มความตะลึงและตื่นเต้นในใจไว้ หยิบน้ำยาหลอดเล็กออกมาตรวจสอบเปรียบเทียบ ประเมินจากสี และกลิ่น สุดท้ายเขาก็มองเฟิ่งจิ่ว พร้อมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างยากปิดบัง “สหายน้อย ขอบังอาจถามว่ายานี้มีสรรพคุณเช่นไร?”
“นี่เป็นยาน้ำที่ช่วยบรรลุขั้นวรยุทธ์ ข้าเพิ่มยาเป็นสองเท่า ดังนั้นอย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังหรือนักรบพลังเร้นลับระดับจักรพรรดินักรบถึงจะกินได้ ส่วนผลลัพธ์นั้น! ต้องดูที่สภาพการณ์ของแต่ละคน ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ” เธอพูดพลางยักไหล่ อย่างไรเสียก็รู้ว่ายาน้ำที่หยิบออกมามีปริมาณมากเพียงพอแล้ว
เห็นอวี๋เหล่าถือยาน้ำนั้นด้วยสองตาเป็นประกาย ผ่านไปสักพักกลับไม่พูดอะไรสักประโยค สามคนข้างๆ จึงถามทันควัน “อวี๋เหล่า เขาผ่านหรือไม่ผ่าน? สีและกลิ่นของยานี้ถูกต้องหรือไม่กัน?”
ได้ยินคำพูดนี้ อวี๋เหล่าถึงจะตั้งสติกลับมา สายตาที่เขามองเฟิ่งจิ่วราวกับกำลังมองสมบัติแวววาว สองดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ดีๆๆ! ดีเลย! นักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์อายุน้อยเช่นสหายน้อยผู้นี้ อย่าพูดว่าแคว้นระดับสามร้อยกว่าแคว้นไม่เคยปรากฏเลย เกรงว่าแม้เป็นแคว้นระดับสองก็ไม่เคยมี เจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดจริงๆ ผู้มีพรสวรรค์!”
ได้ฟังเช่นนี้ อาจารย์คุมสอบทั้งสามตาค้างโดยพลัน แทบจะตกใจจนอ้าปากค้าง หนุ่มน้อยคนนี้บรรลุถึงระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์แล้วจริงหรือ?
อวี๋เหล่าเห็นสามคนนิ่งอึ้ง จึงตะโกนบอก “พวกเจ้ายังอึ้งอะไรอีก รีบไปเสีย หยิบเหรียญตรายาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์มา! ข้าจะช่วยสวมให้น้องเฟิ่งด้วยตนเอง!”
………………………….