Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 54

№ 54 จากลาป่าเก้าหมอบ!

แสงแดดอันอบอุ่นสาดลงมาในผืนป่า มันสะท้อนไปบนใบหน้ากวนสีหลิ่นที่หลบอยู่ใต้ต้นไม้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยอยู่สักพัก นิ้วมือข้างซ้ายก็ขยับเบาๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แล้วมองแสงแดดน้อยๆ เหนือศีรษะที่ส่องทะลุผ่านใบไม้ลงมาอย่างงุนงงนิดๆ

“ฟื้นแล้วรึ?”

น้ำเสียงอ่อนโยนดังลอยมา ทำให้กวนสีหลิ่นชะงักลงชั่วขณะ “น้องชาย?” อยากจะลุกขึ้นนั่ง แต่กลับกระเทือนถึงบาดแผลบนตัว เขาเจ็บซะจนต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง

“บนตัวเจ้ายังมีแผลอยู่ อย่าเพิ่งขยับซี้ซั้วซิ”

เฟิ่งจิ่วกดร่างเขาไว้ เธอมองเขาด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนจะถามว่า “เจ้าน่ะ ขนาดข้าชื่ออะไรก็ยังไม่รู้ ทำไมถึงปกป้องข้าด้วยชีวิตเช่นนั้นอีก?”

“น้อง น้องชาย เจ้า เจ้าโกรธข้ารึ?” เขามองเธออย่างกระวนกระวายน้อยๆ

“ตอบข้ามาสิ”

เห็นท่าทางเธอจริงจัง เขาจำต้องพูดว่า “ข้าโตกว่าเจ้า หนำซ้ำเจ้าเป็นน้องชายข้า หากเจ้ามีอันตราย แน่นอนว่าข้าก็ต้องปกป้องเจ้า”

เฟิ่งจิ่วอึ้งเล็กน้อย ไม่นึกว่าจะเป็นเพียงเหตุผลง่ายๆ เช่นนี้

“น้องชาย…”

“ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว” เธอปริปากทันใด สายตาเธอจับจ้องที่ใบหน้าตกตะลึงของเขา “และอีกอย่าง ข้าเป็นผู้หญิง”

“หา? ผู้ ผู้ ผู้หญิงรึ?”

ครั้งนี้เขาตกใจ พูดจาตะกุกตะกัก เพราะเธอดูยังไงก็ไม่เหมือนผู้หญิงเลย ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าต่อกรกับหมาป่าเป็นฝูงด้วยตัวคนเดียวเช่นเธอเล่า?

หนำซ้ำ ตลอดมาเขานึกว่าเธอเป็นผู้ชาย แต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยนึกเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง

พอมองเขาที่ทำท่าทางซื่อบื้อ แววตาเธอก็เป็นประกายอยู่น้อยๆ เธอเอ่ยว่า “กระดูกไหล่ขวาเจ้าโดนเจ้าสัตว์ร้ายนั่นกัดจนหักแล้ว”

“อ้อ” เขามองเธอแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงตอบรับ

“ความหมายของข้า คือแขนขวาเจ้าพิการแล้ว”

รอบนี้ เขาชะงักลงเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลับตาลง “อืม”

“เสียใจหรือไม่?”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น กวนสีหลิ่นมองไปทางเธอ เขาส่ายหน้าพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่เสียใจ ถ้าไม่ไปขวางไว้ หากเจ้าโดนกัด ก็คงจะไม่รอดแน่ ข้าเป็นผู้ชาย ซ้ำยังมีร่างกายแข็งแรง แค่เสียแขนไปข้างเดียวเท่านั้น ไม่เป็นอะไรหรอก ถึงแขนขวาข้าจับกระบี่ไม่ได้ จากนี้ข้าก็ฝึกใช้แขนซ้ายเอา”

พอได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วก็นิ่งไปนานมาก ผ่านไปสักพักถึงจะผุดรอยยิ้มออกมา “เจ้าเป็นคนโง่อย่างที่ข้าคิดไว้เลย”

“น้องชาย ไม่ซิ เสี่ยวจิ่ว ข้าไม่ได้โง่ ข้าแค่ออกจะเถรตรง” ปากเขาฉีกยิ้มแหะๆ ไม่ได้ท้อแท้เพราะเสียแขนขวาไปเลยแม้แต่น้อย

“คนที่เถรตรงจะพูดว่าตัวเองเถรตรงรึ?” เธอเลิกคิ้วมองเขา ในใจเธอแอบหมายมั่นกับตัวเอง ว่าจะต้องรักษาแขนขวาเขาให้หาย

“เสี่ยวจิ่ว เจ้าไปเก็บยามา ได้พบอันตรายใดหรือไม่? ทำไมถึงไปนานนัก?”

เมื่อนึกถึงที่เขารออยู่ตรงนั้นทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เห็นเธอกลับมา ยังคิดว่าเธอไปเจอกับสัตว์ร้ายอีก ถึงได้ออกวิ่งตามหาเธอ คิดไม่ถึงว่าจะถูกหมาป่ากับเสือล้อมโจมตี

“มีอุบัติเหตุนิดหน่อย เผอิญถูกหมีสองตัวไล่ต้อนจนต้องวิ่งเข้าไปในป่าทึบ เจ้าหิวรึยังล่ะ? ข้าจะไปล่าสัตว์ป่าสักตัวมาย่าง”

เธอพูดอยู่สองสามประโยคที่เกี่ยวกับเรื่องที่เธอพบเจอมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้คิดจะพูดอะไรมาก

“ข้าหิว แต่เจ้าก็อย่าเดินไปไกลนักล่ะ” เขาพูดด้วยความกังวลน้อยๆ

“ข้ารู้แล้ว” เธอยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปรอบๆ

อีกไม่กี่วันให้หลัง ในป่าเก้าหมอบ

ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนี้ทำให้ทั้งสองคนยิ่งสนิทกัน พอรู้ว่าเฟิ่งจิ่วอยู่ตัวคนเดียว กวนสีหลิ่นจึงลั่นวาจารับเธอเป็นน้องสาว

เฟิ่งจิ่งที่เหลือทนกับเขา รู้สึกว่าการรับเขาเป็นพี่ชายก็ไม่เลว ดังนั้น ทั้งสองจึงจัดพิธีสาบานอย่างง่ายๆ ขึ้น เพื่อยืนยันถึงความสัมพันธ์พี่น้องต่างสายเลือด

“เสียวจิ่ว พวกเราไปหมู่บ้านป่าหินกันเถอะ!” พอเลือดที่คั่งอยู่หลังศีรษะสลายไป ความทรงจำจึงฟื้นคืน ทว่าเขาก็ยังไม่อยากกลับบ้าน

…………………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version