Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 62

№ 62 ทำลายร่างมลายสิ้น!

เมื่อเห็นเงาร่างนั้นวิ่งหนีกลับไป เฟิ่งจิ่วก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปเลย!”

สิ้นคำพูดนั้น เงาร่างสีแดงก็โผตัวออก เธอพุ่งไปหาทั้งสองคนนั้นราวกับภูตผีในยามวิกาล กริชที่ถือไว้ในมือสะท้อนแสงเย็นเยียบที่มีความกระหายเลือดอยู่ท่ามกลางค่ำคืน เวลาต่อมา ก็เห็นร่างเธอแฉลบผ่านร่างทั้งสองคนไป สิ่งสีเลือดกระเซ็นออก เงาร่างที่เผ่นหนีของสองคนนั้นแข็งทื่อขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนจะล้มตัวตรงลงไปด้านในลานบ้าน

“ฟุบ ฟุบ!”

ไร้ร่องรอยการต่อสู้ และไม่รบกวนผู้ใด ทหารรับจ้างจากตลาดมืดทั้งสี่นายจบชีวิตอยู่ในเงื้อมมือเธออย่างเงียบเชียบทั้งแบบนี้…

เฟิ่งจิ่วที่ยืนรับลมอยู่กำลังหรี่ตาลง เธอมองร่างทั้งสี่ศพบนลานกว้างของเรือน แววตาเธอสั่นไหวอยู่น้อยๆ

ผู้มีพลังเร้นลับ นอกจากฝึกฝนพลังเร้นลับแล้ว ก็ยังต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วย การผสมผสานของทั้งสองสิ่งถึงจะสามารถสำแดงพละกำลังของนักรบผู้มีพลังเร้นลับออกมาได้ ส่วนเธอ ด้วยพลังเร้นลับที่บรรลุถึงระดับนักรบที่มีพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้น ควบคู่กับทักษะการลอบสังหารและการต่อสู้ที่เธอชำนาญมาแต่เดิม การต่อกรกับพวกนักรบพลังเร้นลับของหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเลย

แต่หากจากลาหมู่บ้านนี้ไป พลังเพียงน้อยนิดของเธอก็ยังต้องพัฒนาขึ้นอีก มิเช่นนั้น ถ้าวันหนึ่งได้พบกับคนที่มีกำลังแกร่งกว่า เธอก็ทำได้เพียงอยู่เฉยๆ ให้คนอื่นเฉือดฆ่า

พอกระโดนลงมาในลานบ้าน เธอก็เดินไปที่ข้างศพพวกนั้นเพื่อรื้อค้น บนร่างพวกเขาเธอค้นเจอเพียงแผ่นป้ายสีดำชิ้นหนึ่งที่เหมือนๆ กัน บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘ทหารรับจ้างตลาดมืด’

“ตลาดมืด?”

เธอพึมพำเสียงเบา แล้วค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดมืดในหัว

ทว่าเฟิ่งชิงเกอคนก่อนคลุกคลีกับเรื่องทำนองนี้ไม่บ่อยนักอย่างเห็นได้ชัด ในหัวเธอจึงมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตลาดมืดอยู่เพียงน้อยนิดมาก

“ดูท่า ข้าจำเป็นจะต้องไปลองดูที่ตลาดมืดซะแล้ว” ริมฝีปากเธอยกยิ้ม เธอหยิบน้ำยาที่ปรุงไว้หลังจากกลับมาเมื่อตอนบ่ายออกจากห้วงมิติ มาสาดลงบนร่างทั้งสี่ศพนั้น

ได้ยินเพียงเสียงซ่าๆ ดังขึ้น ทั้งสี่ศพมีฟองเล็กๆ สีขาวและควันไฟพวยพุ่งออกมา ก่อนจะกลายเป็นเลือดนองกองหนึ่งอย่างรวดเร็ว เหลือแค่เสื้อผ้าสีดำหลายตัวกำลังยับยู่ยี่อยู่ตรงนั้น…

วันรุ่งขึ้น

กวนสีหลิ่นเดินนวดๆ คอออกมา เมื่อคืนนี้มันแปลกๆ อยู่นิดหน่อย ทำไมตัวเองถึงหลับลึกได้ขนาดนั้นนะ?

เมื่อปรายตามองไป เขาเห็นเฟิ่งจิ่วกำลังฝึกวิชาหมัดที่ช่างอ่อนพลิ้วอยู่ในลานบ้าน จึงฉีกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวจิ่ว หมัดนี้ไม่ได้ชกแบบนี้”

เขาพูดพลางก็เดินมาข้างๆ เธอ ก้าวย่อขาลงอย่างมันคง กล่าวว่า “ดูไว้ การจะชกหมัด รากฐานต้องมั่นคง กำหมัดให้แน่น ออกหมัดต้องมีแรง และต้องแผดเสียงออกไป เรี่ยวแรงทั่วร่างจะขึ้นมาที่หมัด หมัดที่ชกออกแบบนี้ถึงจะแข็งแรง หากทำเหมือนเจ้าเช่นนั้น พอโดนคนชกมาเจ้าก็ล้มแล้ว”

เขาในตอนนี้ เหมือนจะลืมความไม่เกรงกลัวของเธอยามเมื่อเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าตัวคนเดียวในวันนั้น และลืมความดุร้ายราวปีศาจของเธอในยามที่ได้คร่าชีวิต

เขาจำได้เพียงว่าเธอเป็นเด็กสาว เป็นแค่เด็กสาวอายุสิบห้าคนหนึ่ง แม้เธอจะมีมุมที่บ้าคลั่งและโหดร้าย แต่ในใจเขา เธอเป็นเพียงน้องสาวที่ต้องให้เขาคอยปกป้อง

เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำพูดเขา จึงยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ท่านพี่ วิชาหมัดของท่านเป็นแบบที่ผู้ชายเขาฝึกกัน ต้องใช้ความแข็งแกร่ง วิชาหมัดของข้า ต้องอาศัยพลังโจมตี แบบสี่ตำลึงปาดพันชั่ง”

ขณะที่พูด ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงถามว่า “ท่านพี่ ข้าจำได้ ท่านบอกว่าที่ท่านฝึกฝน คือวิชาพลังภายในของบ้านตระกูลกวนสินะ?”

“ใช่แล้ว เป็นวิชาพลังภายในของตระกูลกวน ศิลปะการต่อสู้ก็ด้วย เสี่ยวจิ่ว เจ้าอยากเรียนหรือไม่? พี่จะสอนเจ้าเอง”

เธอส่ายหน้ายิ้มๆ “เปล่าหรอก ข้ามีวิชาพลังภายในม้วนหนึ่งที่เหมาะจะให้ท่านฝึกมากๆ เลย” เธอนำถุงห่อฟ้าดินที่กำจัดตราประทับวิญญาณไปแล้วยื่นให้เขา

“อยู่ด้านในนี้แหละ ช่วงนี้ท่านตั้งใจอ่านด้วย หมัดก็ไม่ต้องฝึกแล้ว มาฝึกวิชาพลังภายในม้วนนี้ก่อนเถอะ”

…………………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version