№ 629 ลานประลองตลาดมืด
ท่าทางน่าขันที่หนีกระเจิดกระเจิงบนถนนใหญ่ การนั่งเงียบขมวดคิ้วครุ่นคิดในลานบ้านของโรงเตี๊ยม ความอิสระซุกซนบนโต๊ะเหล้า กลิ่นอายสูงศักดิ์และความใจเย็นในทุกท่าทาง ทำให้เซียวอี้หานไม่เข้าใจเท่าไรว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนเช่นไรกันแน่?
แค่สิ่งเดียวที่มั่นใจได้คือ หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนแรกที่เขาชื่นชมตั้งแต่มาถึงเมืองซิงอวิ๋นนี้ และเป็นคนแรกที่เขาตั้งใจเข้าไปทำความรู้จักด้วยตนเอง
“น้องเฟิ่ง เจ้ารู้จักกับคนคนนั้นหรือ?”
ระหว่างพูด เซียวอี้หานก็ให้สัญญาณ สายตาหยุดลงบนร่างชายคนนั้นที่เปียกปอนไปทั้งร่าง เห็นอีกฝ่ายเนื้อตัวกระเซอะกระเซิง ดวงตาคู่นั้นหลังจากเห็นเฟิ่งจิ่วก็ละสายตาไปอย่างร้อนรน แต่กลับยังมองมาอย่างอดไม่ได้ น่าแปลกเสียจริง
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองคนคนนั้น เห็นว่าเขาละสายตาออกอย่างลนลานและเร่งรีบไปยังห้องปีก ไม่นานนักหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดแห้งออกมา ตอนที่ลงไปชั้นล่างฝีเท้าก็หยุกชะงัก ประสานมือคารวะมาทางเธอตรงนี้ แล้วจากไปด้วยความร้อนรน
“ไม่รู้จัก” เธอตอบช้าไปครึ่งจังหวะ
เห็นเขาไม่กินต่อแล้ว เซียวอี้หานจึงเรียกเสี่ยวเอ้อมาเก็บเงิน ก่อนจะเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปพร้อมกับเฟิ่งจิ่ว “น้องเฟิ่ง เวลาตอนนี้ยังเช้า พวกเราไปดูการประลองที่ตลาดมืดเป็นอย่างไร?”
“ได้ยินว่าการประลองที่ตลาดมืดโหดร้ายที่สุด ข้าอยากลองไปดูตั้งนานแล้ว”
“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขาหัวเราะเสียงดัง แล้วไปยังตลาดมืดพร้อมกับเฟิ่งจิ่ว
เข้าตลาดมืดไม่ต้องใช้เงิน เข้าลานประลองชมการประลองต้องจ่ายค่าเข้าชม ดังนั้นเมื่อเซียวอี้หานกำลังจะจ่ายเงิน เฟิ่งจิ่วก็ยื่นไปเสียก่อน จากนั้นยิ้มเดินเข้าไปท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของเขา
เห็นเช่นนี้เซียวอี้ก็หานยิ้มๆ แล้วตามเข้าไปด้วย พอเข้าไปลานประลอง ก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากด้านนอกทันใด
นอกจากเสียงโห่ร้องดังสนั่นด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านของผู้ชมที่นั่งล้อมวงชมโดยรอบ ยังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายอยู่ในอากาศ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และกลิ่นอายที่เอ่อล้นของสองคนที่ประชันกันบนเวที ก่อเกิดเป็นการต่อสู้ การโจมตีและต่อสู้ที่ป่าเถื่อนซึ่งมาพร้อมกับเลือดและหยาดเหงื่อ ทำให้ทุกคนทั้งลานประลองตื่นเต้นเสียจนเลือดร้อนเดือดพล่าน
ภายใต้การนำของผู้นำทาง ทั้งสองคนนั่งลงตรงที่นั่งด้านหน้าและชมการประลองบนเวที
“คุณชายทั้งสอง จะวางเดิมพันหรือไม่? ตอนนี้ยังวางเดิมพันได้นะขอรับ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งยกถาดเดินเข้ามาถาม
เฟิ่งจิ่วมองถาดนั้น ด้านบนวางสองป้ายหนึ่งดำหนึ่งแดงแยกกันไว้ ระบุว่าเดิมพันขั้นต่ำสุดคือหนึ่งร้อยเหรียญเงิน
“ห้าร้อยเหรียญเงิน ซื้อฝ่ายแดงชนะ” เซียวอี้หานบอกกับชายวัยกลางคน จากนั้นค่อยมองยังเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ข้าไม่ค่อยชอบเล่นอะไรพวกนี้”
ดังนั้นขณะที่ชายวัยกลางคนถอยออกไป ก็สั่งคนส่งน้ำชาสองถ้วยกับขนมอบหนึ่งชุดไปให้สองคนที่นั่งแถวหนึ่ง
บนเวทีมีทั้งเหงื่อและเลือดไหลหยด ด้านล่างเวทีรื่นเริงนัก เห็นหน้าสองฝ่ายโดนซ้อมจนบวม กระดูกแขนโดนตีจนหัก แววตาเฟิ่งจิ่วยิ่งคร่ำเครียด
นี่คือการเอาชีวิตมาสู้อย่างเต็มที่ เพียงเพื่อเงินจากหยาดเหงื่อหยาดเลือดที่น้อยนิดจนน่าเวทนา
เสียงที่ดังขึ้นข้างหูคือเสียงกู่ร้องโดยรอบ ทว่าสิ่งที่กระเซ็นบนเวทีกลับเป็นเลือด เห็นการเปรียบเทียบที่เด่นชัดระหว่างบนและล่างเวที อารมณ์เธอยิ่งหนักอึ้งขึ้นมา
“พี่เซียวดูไปก่อน ข้าจะไปทำธุระนิดหน่อย” เธอลุกยืนขึ้นบอก แล้วให้คนตลาดมืดนำทางไปหาผู้ดูแล คิดจะสอบถามเสียหน่อยว่าตลาดมืดที่นี่มีข่าวพี่ชายเธอหรือไม่
เซียวอี้หานมองเขาเดินจากไป ทันใดนั้นความเคร่งเครียดในดวงตาหนุ่มน้อยก็สะท้อนเข้าสู่สายตา ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย
………………………………….