№ 643 สำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ได้เข้าก็ไม่เป็นไร
ดังนั้นไม่รอคนอื่นเอ่ยปาก เด็กหนุ่มคนนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามจริง สุดท้ายยังบอกว่า “หลังจากนั้นข้าเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงรีบวิ่งไปตามดูรอบๆ ว่ามีอาจารย์ท่านอื่นหรือไม่ พบอาจารย์ท่านนี้เข้าจึงลากมาด้วย หากอาจารย์ท่านนี้ไม่มาห้ามไว้ เดาว่าครั้งนี้เขาต้องถูกอาจารย์ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสแน่ ข้ามองออกว่าอาจารย์ท่านนี้จะลงมืออย่างไร้ปรานีเป็นแน่ขอรับ”
คนอื่นๆ เห็นท่าที ต่างพากันเล่าต่อว่า “ขอรับ เรื่องเป็นเช่นนี้ การโจมตีก่อนหน้านี้ของอาจารย์ท่านนั้นใช้แรงไม่ต่ำกว่าครึ่ง โชคดีที่หมัดนั้นชกโดนแขนเขา หากเป็นตรงอกเดาว่าคงลงจากเตียงไม่ได้ไปครึ่งเดือน หนำซ้ำที่ทำซี่โครงอาจารย์หักจะโทษเขาก็ไม่ได้ นั่นเป็นการป้องกันตัว เปลี่ยนเป็นใครก็คงทำเช่นนั้น”
สิ่งที่แตกต่างคือ พวกเขาไม่มีความกล้าและกำลังเช่นชายหนุ่มชุดดำเท่านั้นเอง
อาจารย์แซ่เหอข้างๆ ฟังต้นสายปลายเหตุ สายตามองยังกวนสีหลิ่นอย่างแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่นัยน์ตาของรองเจ้าสำนักยังฉายประกาย สายตาหยุดพินิจมองบนร่างกวนสีหลิ่น จากนั้นเอ่ยปากเสียงเข้ม
“สำนักศึกษาหมอกดาราเราสามปีจะรับสมัครนักเรียนหนึ่งครั้ง แม้กำหนดการรับสมัครมีแค่วันเดียว ต่อให้ท้องฟ้ามืดลงก็ไม่ควรปฏิเสธนักเรียนลงชื่อสอบประเมินที่เหลือข้างนอก เช่นนี้จะเสียแนวคิดเราที่จะรับสมัครยอดฝีมือจากทุกที่มาสอนสั่งให้เป็นผู้มีความสามารถ”
เสียงเขาหยุดไป บอกว่า “เช่นนี้แล้วกัน! อาจารย์เหอ เจ้ามาเปลี่ยนตัวแทน ช่วยนักเรียนพวกนี้ลงทะเบียนประเมินทีเถอะ”
“ขอรับ” อาจารย์เหอคนนั้นพยักหน้ารับ
เหล่านักเรียนได้ยินแล้วต่างยินดีในใจ ใบหน้าล้วนเผยรอยยิ้มออกมา
“ส่วนอาจารย์หวัง เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูก จึงต้องลงโทษด้วยการอุทิศตนหนึ่งปี เจ้าจะคัดค้านหรือไม่?”
อาจารย์แซ่หวังคนนั้นกัดฟันกรอด กลับทำได้เพียงตอบรับว่า “ขอรับ ข้าไม่คัดค้าน”
รองเจ้าสำนักพยักหน้า มองยังกวนสีหลิ่นพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “ในเมื่อเจ้าสู้กับอาจารย์ได้ ฝีมือพละกำลังถือว่าผ่าน ก็ไม่ต้องประเมินและเข้าสำนักพลังเร้นลับเสียเลยเถอะ! ส่วนแขนที่บาดเจ็บ ประเดี๋ยวให้อาจารย์เหอพาเจ้าไปจัดการ”
เขาคิดว่าจัดการและลงโทษเช่นนี้ใช้ได้แล้ว ยกเว้นการประเมินของเด็กหนุ่มชุดดำคนนั้นและรับเขาไว้ทันที คงเห็นอีกฝ่ายเผยท่าทียินดีเป็นแน่ ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มชุดดำกลับชำเลืองมองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ กล่าวว่า “มีคนต่ำช้าไร้ยางอายและไม่มีความเป็นครูเช่นนี้เป็นอาจารย์ สำนักศึกษาหมอกดารานี้ ไม่ได้เข้าก็ไม่เป็นไร”
ได้ยินคำพูดนี้ แต่ละคนต่างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงราวกับยัดไข่เป็ดไว้ในปาก ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มชุดดำจะทิ้งโอกาสหายากเช่นนี้และไม่เข้าสำนักศึกษาหมอกดารา หนำซ้ำตั้งแต่เมื่อครู่ยังไม่ปริปากแก้ต่างสักประโยค ตอนนี้เอ่ยปากเพียงหนึ่งประโยคก็ตรงเข้ากลางใจ พูดประโยคนั้นที่นักเรียนคนอื่นไม่กล้าเอ่ย
ไม่มีคุณสมบัติความเป็นครู
“จะ จะ เจ้า…”
อาจารย์หวังโกรธเสียจนหน้าแดงก่ำ มองเด็กหนุ่มชุดดำคนนั้นด้วยความขุ่นเคือง หากรองเจ้าสำนักไม่อยู่ตรงนี้เขาต้องจัดการเด็กหนุ่มอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน!
รองเจ้าสำนักมองกวนสีหลิ่นด้วยความตะลึงเช่นกัน ไม่นึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าเอ่ยคำนี้ออกมาจริงๆ หนำซ้ำกล่าวจบยังหมุนตัวเดินไป ยามกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเขาโยนของสิ่งหนึ่งลงบนพื้นโดยไม่หันหน้ากลับมา ขณะเดียวกันยังทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า
“ของสิ่งนี้ข้าคืนให้พวกท่าน”
แผ่นป้ายชิ้นหนึ่งร่วงลงพื้นเสียงดัง
รองเจ้าสำนักเห็นก็เบิกตาโตโดยฉับพลัน ก่อนจะรีบร้อนเข้าไปเก็บขึ้นมาดู จำได้ว่ามันคือป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดาราที่เขามอบให้หนุ่มน้อยชุดแดงนามเฟิ่งจิ่วนั่นเอง จึงรีบเรียกไว้ในทันที “ช้าก่อน”
………………………………….