№ 656 ราชาอสูรพิภพระดับเก้า
“กรร!”
เสียงคำรามเบาๆ ลอยมา ร่างหนึ่งในนั้นพุ่งไปทางเฟิ่งจิ่ว กรงเล็บแหลมคมวาดกระแสลมไปกลางอากาศ เฟิ่งจิ่วที่หันหลังรู้สึกถึงอันตรายด้านหลังจึงหลบถอยไปข้างๆ ทันทีและหันกลับไปอย่างรวดเร็ว มองไปก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“ข้าคิดอยู่ว่าคืออะไร! ที่แท้เป็นราชาอสูรพิภพระดับเก้านี่เอง!”
เธอยิ้มน้อยๆ สายตามองผ่านราชาอสูรพิภพหกตนที่ล้อมเข้ามาหาเธอ สัตว์พวกนี้รูปร่างคล้ายสุนัข กลับมีเขาเช่นวัว ฟันแหลมคมราวกับหมาป่า บนตัวยังมีเกล็ดสีดำเหมือนเกล็ดปลา สัตว์พวกนี้สูงประมาณหนึ่งเมตรกว่า ยามนี้กำลังเขม็งมองเธอ ซ้ำยังแยกเขี้ยวน้ำลายไหล
เวลาต่อมา ราชาอสูรพิภพสองตนด้านหลังก็กระโจนเข้ามาทันที ปากใหญ่อ้าออกเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมกัดมายังลำคอ ทันใดนั้นเธอหยิบกริชจากในรองเท้าออกมาพลางเขย่งปลายเท้ากระโดดไปบนหลังตัวหนึ่งในนั้น ส่งกลิ่นอายพลังเร้นลับสู่กริชในมือ แล้วแทงเข้ากลางเหนือหัวซึ่งเป็นจุดตายที่สุดของราชาอสูรพิภพอย่างแรง
“สวบ!”
“กรร!”
เสียงใบมีดคมที่แทงลงไปดังมาพร้อมกลิ่นอายรุนแรง เพียงเห็นราชาอสูรพิภพตนนั้นหอนเบาๆ และนอนลงไปเสียงดังตุบทันทีในตอนที่เฟิ่งจิ่วดึงกริชออกจนเลือดสาดกระเซ็น
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งพลันกระจายไปในอากาศ เธอมองราชาอสูรพิภพตนนั้น หลังจากชักดิ้นชักงอบนพื้นไปสักพักก็สิ้นลมหายใจ ดวงตาอสูรอีกห้าตนที่เหลือต่างแดงฉาน ก่อนจะเห่าหอนพร้อมพุ่งไปทางเฟิ่งจิ่วอีกครั้ง
ราชาอสูรพิภพระดับเก้าห้าตนนั้นแผ่แรงกดดันออกมา กลิ่นอายในอากาศยิ่งหนาแน่นขึ้น กระแสลมโหยหวนรุนแรงดั่งมีด ไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกตนระดับบรรพชนนักรบเลยสักนิด หากพบนักเรียนคนอื่นถูกราชาอสูรพิภพระดับเก้าห้าหกตนล้อมโจมตี เดาว่าคงทนไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว
แต่เฟิ่งจิ่วกลับอาศัยท่ากายและความเร็วแปลกๆ จัดการอยู่ในวงพวกมัน แค่ลงมือก็คร่าชีวิตได้ในเสี้ยววินาที ด้วยกำลังเธอจึงไม่ได้ยากเลยที่จะต่อกรกับราชาอสูรพิภพระดับเก้า
ทว่าราชาอสูรพิภพพวกนี้เห็นได้ชัดว่าแสนรู้นัก หลังจากอีกสี่ตัวถูกฆ่าตายเธอก็กระโดดขึ้นหลังอีกตัว มือหนึ่งจับเขาบนหัวมันไว้ อีกมือตวัดกริชกำลังจะแทง กลับเห็นว่าเขาของราชาอสูรพิภพตนที่พุ่งชนเข้ามากะทันหันอย่างไม่คิดชีวิตกรีดมือเธอบาดเจ็บ กริชในมือร่วงลงพื้นตามไป
เพราะถูกชนร่างจึงลื่นหล่นจากหลังอสูร และในเวลานี้ ราชาอสูรพิภพตนนั้นก็วิ่งพล่านขึ้นมา บ้างวิ่งบ้างเหวี่ยงสะบัดชนเสียวุ่นวาย คล้ายว่าคิดจะใช้แรงพุ่งชนเธอให้ตาย ไม่เพียงเท่านี้อสูรตัวด้านหลังยังไล่ตามเข้ามาชนอีก
ทันใดนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ถูก คิดจะถอนตัวยิ่งไม่มีทาง จึงทำได้เพียงจับเขาอสูรไว้แน่นและพยายามหยิบกริชออกมาอีก แต่ระหว่างที่ควบตะบึงก็ชนต้นไม้มั่วซั่ว ทำให้เธอไม่มีโอกาสจะประคับประคองตัวเลย ร่างกายที่ลื่นไปอีกข้างเล็กน้อย เธอยิ่งต้องยื่นมืออีกข้างออกไปจับเขาอสูรไว้แน่นๆ ถึงจะไม่โดนเหวี่ยงจนร่วง
“บ้าเอ๊ย!”
กิ่งไม้วาดผ่านร่างไป ทำให้ชุดสีฟ้าบนร่างขาดหลุดลุ่ย ความเจ็บปวดร้อนผ่าวถาโถมเข้ามา ขณะที่ผิวหนังมีเลือดไหล
ความเร็วในการวิ่งของราชาอสูรพิภพว่องไวยิ่งนัก มันอาละวาดพุ่งชนเพียงเพื่อสะบัดเธอออก หลังจากถูกราชาอสูรพิภพพาพุ่งออกจากป่าทึบ ข้างหูก็ได้ยินเสียงสายน้ำไหลแรงลอยมาจากที่ไม่ไกลรางๆ จึงเงยหน้ามองไป และตกใจโดยฉับพลัน
“บ้าเอ๊ย! รีบหยุดสิ!”
ตรงหน้าคือกระแสน้ำเชี่ยวกราก กระแสน้ำที่คลื่นเต็มไปด้วยโคลนขุ่นมองไม่เห็นก้นบึ้ง หากหัวทิ่มลงไปล่ะก็…
เธอตัดสินใจทันควัน กระโดดลงจากหลังราชาอสูรพิภพโดยต้องไม่คิด ทว่าในเวลานี้เอง ขณะที่เธอกระโดดลงมาราชาอสูรพิภพตนนั้นที่ตามท้ายมาตลอดก็พุ่งชนจากด้านหลังอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เธอตกลงไปยังกระแสน้ำเชี่ยวเบื้องหน้า…
…………………………