Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 678

№ 678 พวกเจ้าบังคับข้า!

“ตุบ!”

หมีดำตัวใหญ่กระโจนลงพื้นอย่างแรง เฝ้าอยู่ด้านหน้าอาศรมพลางแยกเขี้ยวแหลมคมจ้องเหล่านักเรียนโดยรอบที่ถอยห่างด้วยความรวดเร็ว กลิ่นอายอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างจู่โจมไปพร้อมกับเสียงคำรามทุ้มต่ำ นักเรียนพวกนั้นตกใจเสียจนสีหน้าขาวซีด หวาดกลัวไม่สิ้นสุด

“สวรรค์! ทำไมที่นี่ถึงมีหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยล่ะ!”

เหล่านักเรียนที่เดิมทีปิดล้อมอาศรมไว้สีหน้าซีดเผือดไม่กล้าเข้าไป ด้วยวรยุทธ์พวกเขาสู้อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แน่นอน แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ควรอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นอสูรทำไมถึงวิ่งมาที่นี่?

“กรร!”

หมีดำตัวใหญ่คำรามด้วยความโมโห กลับไม่ได้กระโจนเข้าไป เพราะเฟิ่งจิ่วเคยสั่งไว้ว่าอยู่สำนักศึกษานี้จะทำร้ายคนด้านในไม่ได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงแค่ขู่พวกเขา

บริเวณไม่ไกลเหล่าไป๋ย่างกีบม้าเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เงยหน้ากวาดมองนักเรียนรอบๆ จมูกพ่นลมหายใจสองสาย เห็นในหมู่พวกนั้นไม่มีแม้แต่สาวงาม จึงสะบัดหางอย่างเบื่อหน่าย แล้วหาที่นอนหมอบลง

“เจ้าบ้า! นั่นม้าประหลาดอะไรกัน? ภายในสำนักศึกษาทำไมถึงมีของเช่นนี้?”

“ดูสิ! ทางเข้าอาศรมยังมีหมาน้อยด้วย!”

นักเรียนคนหนึ่งอุทานขึ้น พลางชี้อสูรกลืนเมฆาที่ก้าวเท้าเล็กสั้นเดินออกมาจากในอาศรม และนอนลงตรงทางเข้า อสูรกลืนเมฆาตัวน้อยขนปุกปุยดูไม่มีอันตรายเช่นนี้ ใครก็มองไม่ออกว่ามันเป็นสัตว์เทวะ

“ที่นี่เป็นที่พักในสำนักยาเซียนของเจ้าหนูนั่นจริงหรือ? ไม่ใช่สถานเลี้ยงสัตว์หรือ?”

ยามนี้เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดสีฟ้าประดับขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นไว้ตรงเอวเดินออกมา มองคนกว่าร้อยคนนั้นแล้วยิ้มๆ “นี่พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

“เจ้าหนู เจ้ายังกล้ายิ้มอีก!” หนึ่งคนในนั้นเห็นเฟิ่งจิ่วเดินออกมา ก็มองอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าไปอวดโอ้ถึงสำนักพลังเร้นลับ วันนี้พวกเราไม่ปล่อยเจ้าแน่!”

“จริงด้วย! เจ้าหนู เจ้าออกมา พวกเราต้องท้าประลองกับเจ้า!”

“ใช่! ต้องทำให้เจ้ารู้ถึงความร้ายกาจของพวกเรา!”

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเบาๆ สองแขนกอดอกพิงอาศรม

“ช่างมันเถอะ! พวกเจ้าอ่อนแอเกินไปจริงๆ จะสู้กับพวกเจ้าก็น่าอายเกินไปหน่อย รีบๆ กลับไปเสีย! เสี่ยวเฮยของข้าจะได้ไม่โกรธ ข้าเองยังรั้งไม่ไหว”

“กรร!”

ราวกับยืนยันคำพูดเฟิ่งจิ่ว หลังสิ้นเสียงเธอหมีดำตัวใหญ่นั่นก็คำรามเสียงต่ำ

ลูกศิษย์สำนักพลังเร้นลับพวกนั้นที่กำลังจะเข้าไปเห็นยังถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที ทั้งขุ่นเคืองและไม่ยอมอยู่บ้าง พร้อมจ้องมองหนุ่มน้อยชุดฟ้าคนนั้นอย่างมีความเคียดแค้น

“เข้ามาให้หมด! พวกเราไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเจ้าหนูนี่ไม่ได้!” นักเรียนคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง และเป็นผู้นำพุ่งเข้าไป

คนอื่นๆ เห็นท่าทางแต่ละคนจึงกำหมัดพุ่งไปข้างหน้า คนครึ่งหนึ่งล้อมโจมตีหมีดำตัวใหญ่นั่น ส่วนอีกครึ่งกลับทำลายเขตอาคมของอาศรม

เห็นภาพด้านนอกที่วุ่นวายไปหมด เฟิ่งจิ่วยังสะดุ้งใจจริงๆ รีบตะโกนไปว่า

“พวกเจ้าอยากตายจริงหรือ? เสี่ยวเฮยของข้าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แค่หนึ่งฝ่ามือก็มากพอจะกินพวกเจ้าในหม้อเดียวแล้ว”

“หึ! แค่ต้องกำราบเจ้า! แล้วจัดการอสูรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น! หากพวกเรามาเสียเที่ยว เช่นนั้นถึงจะขายหน้า!”

“จริงด้วย! แค่ต้องกำราบเจ้า!”

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ถลึงตา

“พวกจะ พวกเจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”

มีอย่างที่ไหนคนกว่าร้อยล้อมโจมตีเธอคนเดียว? คนพวกนี้ทำเกินไปแล้ว คิดว่าจะรังแกเธอได้ง่ายๆ จริงหรือ?

“ได้! พวกเจ้าบังคับข้า เช่นนั้นก็อย่ามาโทษกัน!”

เธอเอ่ยอย่างฉุนเฉียว พลางม้วนแขนเสื้อขึ้นคิดจะพุ่งออกไปซ้อมพวกเขาสักยก แต่ในเวลานี้เอง มีเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังมาจากฟากฟ้า ……………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version