№ 68 ผู้แข็งแกร่งทั้งสองท่าน
นึกไม่ถึงเลยว่าเงินรางวัลของเธอจะอยู่สามอันดับแรก จิ๊ๆ ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง!
ขณะกำลังคิด พลันได้ยินเสียงพูดคุยลอยมาข้างหู
“ทำไมรูปเหมือนสาวคนนั้นขึ้นมาอยู่สามอันอับแรกได้เล่า? ไม่คิดเลยว่าเงินรางวัลจะถึงห้าแสนเลยรึ?”
“เจ้าเพิ่งกลับมายังไม่รู้หรอก ตอนนี้ไม่มีทหารรับจ้างคนไหนกล้ารับภารกิจตามล่านี้แล้ว”
“เพราะเหตุใดรึ?”
“เพราะทหารทุกคนที่รับภารกิจนี้ออกไป ไม่เคยมีชีวิตรอดกลับมา ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือนก็มีทหารรับจ้างไม่น้อยที่พ่ายแพ้แก่นาง”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน เห็นชายหนุ่มชุดแดงยืนอยู่หน้าป้ายรายชื่อ ก็แปลกใจอยู่เล็กน้อย หนึ่งในนั้นจึงถามว่า “ใต้เท้าต้องการลงภารกิจไว้รึขอรับ?” ถึงอย่างไร คนที่รับภารกิจบนนี้ มีเพียงทหารรับจ้างตลาดมืดเช่นพวกเขาที่รับได้
เฟิ่งจิ่วดึงสายตากลับมามองสองคนนั้นแวบหนึ่ง เธอส่ายหน้ายิ้มๆ หางตาชำเลืองเห็นชายวัยกลางคนเดินออกไปด้านนอก จึงสาวเท้าก้าวตาม
รอจนนางจากไป ทหารรับจ้างตลาดมืดในตำแหน่งสามก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงเบา “ดูเหมือนคนผู้นั้นจะมาเป็นครั้งแรก กลิ่นอายบนร่างช่างน่าดึงดูดนัก ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดกัน?”
“อย่าสนใจเลยว่าเขาจะมาจากที่ใด ไปเถอะ ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าเอง” อีกคนหนึ่งอ้าแขนกว้างโอบไหล่พาเดินไปด้านนอก
ชายวัยกลางคนที่เดินไปโรงเตี๊ยมพลันชะงักย่างก้าวลงเล็กน้อย มองไปด้านหลัง และขมวดคิ้วเบาๆ อย่างอดไม่ได้ เขาเร่งฝีเท้าเลี้ยวเข้าตรอกแล้วหยุดก้าวลง ตะโกนไปเสียงเข้ม
“ใครน่ะ! ออกมานะ!”
เงาร่างสีแดงสาวเท้าก้าวนวยนาดออกมาอย่างผ่าเผย ยังคงเป็นชุดสีแดงแพรวพราว เส้นผมสีดำใช้เพียงริบบิ้นแดงผูกไว้ จะแตกต่างก็แค่ ที่สวมบนใบหน้าคือหน้ากากสีทองที่มีดองลำโพงแห่งแดนนรกเบ่งบานอยู่
เมื่อเห็นผู้นั้นเดินกรีดกรายออกมา แววตาเขาหรี่ลง ในหัวก็คาดเดาขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่กลับปฏิเสธอย่างทันควัน
ไม่ คงไม่ใช่สาวน้อยคนนั้น ชายหนุ่มชุดแดงเบื้องหน้าสูงกว่าสาวน้อยอยู่บ้าง คงไม่ใช่นางหรอก
“ไม่ได้เจอกันนานมากจริงๆ”
น้ำเสียงเฟิ่งจิ่วช่างเอื่อยเฉื่อย มันมีทั้งความหยอกล้อ เย็นชา และแรงอาฆาต
“เป็นเจ้า!”
หลังจากได้ยินเสียงอันคุ้นเคย สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงล้วนสั่นเทา ความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณทำให้เขาถอยไปสองเก้าในคราแรก ร่างกายเตรียมป้องกันตัวอย่างตึงเครียด ยังไม่ทันลงไม้ลงมือ ก็กลับเหงื่อออกซกเสียแล้ว
ไม่แปลกใจที่ปรมาจารย์นักรบผู้ทรงเกียรติเช่นเขาจะเกรงกลัวนักรบอย่างนาง เพราะเขาเคยประมือกับนาง จึงรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจ เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่เกือบตายในเงื้อมมือนาง และนึกถึงแขนที่เสียไป ในใจก็เกิดความขลาดกลัวขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไปลงภารกิจตามล่าไว้ที่ตลาดมืด แต่กลับไม่กล้าสู้กับนางตรงๆ
พอเห็นปฏิกิริยาเขา เฟิ่งจิ่วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “ในเมื่อท่านกลัวข้าเสียขนาดนี้ ทำไมถึงยังลงภารกิจตามล่าไว้เพื่อฆ่าข้าด้วยเล่า?”
เธอเดินเยื้องย่างออกหน้าเข้าใกล้ไปทีละก้าวๆ “เดิมทีข้าเกือบลืมว่ายังมีคนเช่นท่านนี้อยู่ ใครจะรู้ ว่าท่านยังวิ่งมาตรงหน้าข้าด้วยตัวเอง”
สิ้นเสียงนั้น ก็ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลัง เธอเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วดึงสายตามองไป
จึงเห็นชายวัยกลางคนกับชายแก่ที่ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวกันด้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสองท่านกลิ่นอายแรงกล้า แววตาเผยคมเฉียบแหลม แรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากร่างสองท่าน แรงอาฆาตที่กำลังเอ่อล้น ท่วมท้นอยู่ในตรอกเล็กแห่งนี้
“ฮ่าๆๆ! อยากฆ่าข้ารึ? งั้นจะดูว่าเจ้ามีปัญญาหรือไม่!” ชายวัยกลางคนแปรผันความตื่นตระหนกและหวาดกลัวก่อนหน้า มามองสองท่านนั้นด้วยสายตาที่มีความลิงโลดใจ
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ และผู้อาวุโสสี่ เป็นเจ้านี่ คือนังคนที่ฆ่าเผิงเอ๋อร์!”
…………………………………….