№ 697 จะปล่อยไปได้อย่างไร?
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองพวกเขา และตามไปด้วยกันโดยไม่ปฏิเสธจนมาถึงเรือนแห่งหนึ่ง พอเข้ามาข้างในก็เห็นว่านอกจากอาจารย์หลี่ว์ที่เธอคุ้นเคย ยังมีอาจารย์คนอื่นอีกสี่คน เยี่ยจิงก็อยู่ในนั้นด้วย
“เฟิ่งจิ่วคารวะท่านอาจารย์ทั้งหลาย”
เธอเข้าไปคารวะ จากนั้นเงยหน้ามองไปยังเยี่ยจิง ทว่าเวลานี้เอง เสียงตะโกนดุดันดังออกมาจากปากอาจารย์คนหนึ่งในนั้น และยังมีแรงกดดันจากอาจารย์คนนั้นแผ่มาพร้อมเสียงตะโกน
“ช่างกล้านักเฟิ่งจิ่ว เจ้ารู้ความผิดหรือไม่!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น มองอาจารย์คนนั้นด้วยท่าทีเช่นตอนแรก ถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”
“หมายความว่าอย่างไร? เจ้าจะไม่รู้เรื่องได้หรือ?” อาจารย์คนนั้นแค่นเสียงหยันอย่างขุ่นเคือง “ข้ามาถามเจ้า ข่าวที่ลือกันในสำนักศึกษาเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นข่าวลือในสำนักศึกษา ในเมื่อเป็นข่าวลือ เช่นนั้นก็ต้องไม่จริงแน่นอน จะเป็นเรื่องจริงไปได้อย่างไรขอรับ?” เธอกล่าวอย่างไม่แยแส แล้วมองยังเยี่ยจิงข้างๆ พลางเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ากับเยี่ยจิงถือว่าสนิทกัน เรื่องเช่นนั้นพวกเราสองคนเป็นต้นเรื่อง ย่อมรู้แจ้งกว่าไม่ใช่หรือ?”
ยามนี้บนหน้าเยี่ยจิงยังมีความโกรธเคือง เธอมองไปทางเฟิ่งจิ่วแล้วกล่าว “เรื่องนี้ข้าอธิบายกับท่านอาจารย์ทั้งหลายแล้ว แต่พวกเขาไม่เชื่อ จึงต้องบังคับเจ้าเข้ามาสอบสวนอย่างเข้มงวด”
“อืม ต้องสอบสวนอย่างเข้มงวด” เฟิ่งจิ่วพยักหน้าเอ่ย แล้วกล่าวท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเยี่ยจิง “คนคนนี้ใส่ร้ายพวกเราสองคนก็เรื่องหนึ่ง ซ้ำยังทำให้ชื่อเสียงสำนักศึกษาเสื่อมเสียอีก เรื่องนี้ต้องสอบสวนจริงๆ”
อาจารย์ทั้งหลายเห็นเช่นนี้ ในใจก็นึกสงสัย หรือว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง? หากไม่ใช่เรื่องจริง ทำไมถึงไม่ลือเรื่องอื่นแต่ลือเรื่องของพวกเขาสองคน?
“เฟิ่งจิ่ว เรื่องนี้แค่มีคนใส่ร้ายพวกเจ้าสองคนจริงหรือ?” อาจารย์หลี่ว์ขมวดคิ้วถาม แม้เฟิ่งจิ่วจะเข้าเรียนแค่ครั้งเดียว แต่เขาประทับใจเด็กหนุ่มคนนี้มาก สายตาเขาไม่น่าจะมองผิดไป เด็กหนุ่มไม่ใช่คนแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยจิงยังบอกเองว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงเชื่อจริงๆ
“ขอรับ ไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน ข้ากับเยี่ยจิงเป็นเพื่อนกัน ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นข้าเฟิ่งจิ่วเป็นคนประเภทนั้นหรือ?”
อาจารย์หลี่ว์ได้ยินคำพูดเด็กหนุ่มก็พยักหน้า มั่นใจว่าเห็นเฟิ่งจิ่วไม่ใช่คนเช่นนั้น
ดังนั้นเขากับอาจารย์คนอื่นจึงกระซิบคุยกัน และกำลังจะจบเรื่องนี้ ใครเลยจะรู้ว่าอาจารย์คนก่อนหน้านั้นกลับเอ่ยด้วยเสียงเกรี้ยว “หากไม่มีเรื่องเช่นนี้คนจะเล่าลือกันได้อย่างไร ข้าได้ยินว่าเจ้ายังไม่ได้เข้าสำนักศึกษาก็เจอกับเยี่ยจิงแล้ว ตอนนั้นเจ้ายังเอาเปรียบนางทั้งที่คนเต็มถนน เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้?”
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิงมองหน้ากัน หากบอกว่าก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวลือนี้ไป เช่นนั้นหลังจากอาจารย์คนนี้กล่าวมา ทั้งสองก็พอจะนึกได้แค่คนเดียว
ภายในสำนักศึกษา คนที่รู้เรื่องนี้ซ้ำยังบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ ก็มีแค่คนคนนั้นไม่มีใครอื่น
เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือดอกไม้ขาวดอกน้อยนั้น เฟิ่งจิ่วไม่รู้สึกแปลกใจ ทว่าเยี่ยจิงกลับเป็นอีกอย่าง ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่รู้จักกันมาหลายปี ยามนี้มาทำเช่นนี้กับนาง คิดๆ แล้วก็น่าใจหาย
อาจารย์คนนั้นที่ตะคอกเสียงดังเห็นทั้งสองยังยักคิ้วหลิ่วตาต่อหน้าพวกเขาก็อดโมโหไม่ได้ “ยังบอกว่าไม่มีอีกหรือ? พวกเจ้าสองคนจะปฏิบัติตนขัดประเพณีเกินไปแล้วจริงๆ! ชื่อเสียงพวกเจ้าแปดเปื้อนก็ช่างเถอะ แต่ยังทำให้ชื่อเสียงสำนักศึกษาเสื่อมเสียไปด้วย นักเรียนอย่างพวกเจ้าจะปล่อยไว้ภายในสำนักศึกษาต่อไปได้อย่างไร?”
………………………………….