№ 749 ไม่ข้าไม่ได้
ชายชราผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณจากตลาดมืดลอยตัวออกไปทันที ฝ่ามือรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณโจมตีไปยังผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดคนนั้น สองคนต่างเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิด สิ่งที่แตกต่างคือหนึ่งคนอยู่ขั้นสูงสุด อีกคนกลับเป็นเพียงชายชราที่อยู่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลางมานานไม่อาจบรรลุ
สองฝ่ามือต่อต้านกัน สองกลิ่นอายจู่โจมออกไปจากฝ่ามือเกิดเสียงดังสนั่น สองกระแสลมระเบิดออกโจมตีไปรอบๆ กลิ่นอายในอากาศสะเทือนเสียจนพรั่งพรูขึ้นมา
แข็งแกร่งกับอ่อนแอเทียบกันก็รู้ทันที เพียงเห็นว่าชายชราระดับกำเนิดวิญญาณจากตลาดมืดคนนั้นหลังจากสองฝ่ามือชนกัน ร่างกายก็โดนแรงปะทะชนไปด้านหลัง กระเด็นออกไปโดยที่อยากต้านทานยังทำไม่ได้ แล้วชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง
“ตุบ!”
“อั่ก!”
ภายใต้การโจมตีอันรุนแรง เขาร่วงลงกับพื้น ปากยังกระอักเลือดออกมา เพิ่งลุกขึ้นกลับยังเซไปข้างหน้าและล้มลงไป
ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นไม่ได้สนใจใครอื่น ในสายตาเขาจะมีคนอื่นหรือไม่ไม่สำคัญ มีแค่เฟิ่งจิ่วคนนี้ที่ไม่ฆ่าไม่ได้! จะปล่อยนางบรรลุขั้นอย่างราบรื่นไม่ได้เด็ดขาด หากบรรลุขั้นจริงภายหน้าจะยิ่งเป็นปัญหาที่แก้ยาก!
“ท่านอา!”
หัวหน้ากงเห็นเช่นนี้ก็ร้องอุทาน เห็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นโดนโจมตีล้มไป เสียงดังสนั่น เมื่อเขตอาคมชั้นแรกถูกทำลายแตกในขณะที่ทุกคนไม่ทันห้ามปราม เขากัดฟันกรอด มือถือกระบี่คมจู่โจมไปข้างหน้า ใครรู้ว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ข้างกายเขาก็โดนแขนเสื้อสะบัดกวาดออกไปไกลกว่าสามจั้ง
“ผัวะ!”
ร่างกายร่วงลงพื้นอย่างหนัก เลือดเอ่อล้นจากปากเขา แม้มีพลังระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด จะเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณก็ไม่ง่ายดายสักนิด
“บ้าเอ้ย!”
เขาทุบพื้นทันใด เช็ดเลือดตรงมุมปากและลุกขึ้นอีกครั้ง กำลังจะพุ่งเข้าไปสู้กับเขาต่อ กลับเห็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณอย่างผู้อาวุโสสี่คน เจ้าสำนัก และรองเจ้าสำนักจากสำนักศึกษาแบ่งเป็นสองแถวล้อมผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นไว้
ซ้ำยังท่านอาเขาไกลออกไปกว่าสามจั้งล้มอยู่บนพื้นสักพักยังไม่ลุกขั้นมา จึงพุ่งไปโดยเร็วทันที เพื่อประคองเขาขึ้นมา
“ท่านอา เป็นอย่างไรบ้าง? ยังดีอยู่หรือไม่?” เขาประคองคนขึ้นมา พลางเอ่ยถาม
“แค่กๆๆ…”
ชายชราพลันไอสองสามครั้ง ในปากมีเลือดล้นเอ่อ บอกว่า “ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด คิดไว้แล้วว่าต้องไม่ธรรมดา แม้แต่ข้าที่อยู่ระดับกำเนิดวิญญาณเหมือนกันยังต้านทางการโจมตีไม่ได้”
ขณะกำลังพูด เมื่อสายตาเคลื่อนไปเห็นเฟิ่งจิ่วภายในเขตอาคมใต้ต้นไม้ที่หมุนสองมือปล่อยกลิ่นอายพลังวิญญาณ ดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง
“กะ กลิ่นอายบนร่างเขา…”
พลังวิญญาณกับพลังเร้นลับหลอมรวมกัน เพราะกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาล้วนเป็นของเขาคนเดียว ซ้ำยังดูใกล้เคียงกันมาก ด้วยเหตุนี้เองพวกคนระดับหลอมแก่นพลังจึงมองไม่ออก มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณส่วนน้อยสองสามคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
หัวหน้ากงเห็นท่าทีเขาแปลกไป ดังนั้นจึงเอ่ยถาม “กลิ่นอายบนร่างนางทำไมหรือ?”
แม้จะแข็งแกร่งไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่น่าประหลาดใจกระมัง? ถึงอย่างไรแต่ละเรื่องที่เฟิ่งจิ่วคนนี้ทำล้วนทำให้คนตกตะลึง เช่นเรื่องวันนี้ หากไม่เห็นกับตาตนเองพวกเขาจะเชื่อได้อย่างไร ว่าผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณคนเดียวจะสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณได้จริงๆ เรื่องเช่นนี้จะอยู่ที่ไหนๆ ก็คิดว่าน่าเหลือเชื่อทั้งนั้น
บริเวณไม่ไกล โม่เฉินในชุดสีขาวยืนอยู่บนกิ่งไม้ มือไพล่หลังรับลมพลางมองเด็กหนุ่มคนนั้นที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นเตรียมจะบรรลุขั้น เห็นชุดสีแดงบนร่างเขามีรอยเปื้อนเลือด และมองท่าทางที่เขาหลับตา คล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ทว่าระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิด ในขณะที่คนพวกนั้นปกป้องเขา บนท้องฟ้าก็มีเมฆดำผืนใหญ่ลอยมา ก่อนจะมีเสียงฟ้าร้องลอยแว่วๆ มาจากชั้นเมฆ…
…………………