Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 754

№ 754 ปิดปากเงียบ

เนี่ยเถิงเห็นภาพเช่นนี้สีหน้าก็คร่ำเครียดทันใด สายตาถมึงทึงจ้องมองร่างที่ห่างออกไปไกลในพริบตา มุมปากเหยียดเม้มเป็นเส้นตรง สุดท้ายก็เรียกพลังขึ้นตามติดพวกเขาไปยังสำนักศึกษา…

สีหน้ากวนสีหลิ่นไม่ค่อยดีเท่าไร เดิมทีย่อเข่าลงครึ่งหนึ่งกำลังจะแบกน้องสาวตน ใครรู้ว่าจะถูกโม่เฉินอุ้มไป หากเปลี่ยนเป็นใครก็ไม่ชอบใจทั้งนั้น ยามนี้จึงโยนกระดานผังแปดทิศไล่ตามพวกเขาไปโดยเร็ว

มีเพียงเซียวอี้หานที่ยืนนิ่งกับที่อย่างอึ้งๆ เขายังไม่ได้สติกลับมาจากคำพูดของเฟิ่งจิ่วก่อนหน้านี้ ก็เห็นเฟิ่งจิ่วถูกโม่เฉินอุ้มไปเสียแล้ว

เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักสองคนมองหน้ากัน นึกแปลกใจเล็กน้อย พวกเขาเข้าใจโม่เฉิน เขาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเช่นนี้ ทำไม…ถึงอุ้มเฟิ่งจิ่วไปโดยไม่พูดอะไรสักประโยคเดียว?

“อะแฮ่ม!”

เจ้าสำนักกระแอมไอ แววตาน่าเกรงขามมองไปยังทุกคน ก่อนสั่งว่า “ในเมื่อเฟิ่งจิ่วแต่งตัวเป็นชาย และไม่อยากให้คนอื่นรู้ตัวตนว่าเป็นหญิง หลังจากกลับไปก็อย่าเอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับที่นี่แม้สักคำ”

อาจารย์คนหนึ่งลังเลสักพัก ถึงถามว่า “ท่านเจ้าสำนักขอรับ กระบี่เล่มนั้นที่นางถือไว้เมื่อครู่…หรือจะเป็นคมพยับ กระบี่เทวะในตำนาน?”

เจ้าสำนักได้ยิน แววตาคร่ำเคร่งก็หยุดลงบนร่างอาจารย์คนนั้น เอ่ยเสียงเข้มว่า “เป็นกระบี่คมพยับ กระบี่เทวะในตำนานไม่มีผิด นางต้องมีวาสนาเป็นแน่ถึงได้กระบี่มา กระบี่เล่มนี้เกี่ยวพันกับอะไรหลายอย่าง เรื่องที่เห็นและได้ยินที่นี่ก็เอ่ยถึงอีกไม่ได้เช่นกัน”

“ขอรับ พวกเราทราบแล้ว”

ทุกคนพยักหน้าขานรับอย่างตั้งใจจริง และรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่ยิ่ง หากทำพลาดไป ไม่เพียงจะสร้างปัญหาให้เฟิ่งจิ่ว ยังจะนำหายนะมาให้สำนักศึกษาพวกเขาด้วย

“เจ้าได้ยินหรือยัง?” สายตาเจ้าสำนักหยุดลงบนร่างเซียวอี้หานที่ยังเหม่อลอย

เซียวอี้หานดึงสติกลับมา ทำสีหน้าจริงจังบอกว่า “ท่านเจ้าสำนักโปรดวางใจ ข้าจะไม่พูดแน่นอน”

ในใจเขามีเพียงความประหลาดใจ ไหนเลยจะคิดพูดเรื่องนี้ออกไป ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่เจอวันนี้ทำให้เขายากจะเชื่อเกินไปจริงๆ คนที่ถูกเขาเรียกว่าน้องชาย นึกไม่ถึงว่าจะมีกำลังพอต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณได้เพียงลำพัง หนำซ้ำยังเป็นผู้หญิงอีก

“ดี กลับไปเถอะ! คนที่บาดเจ็บไม่มากประคองคนบาดเจ็บหนักด้วย” เจ้าสำนักกล่าวจบถึงจะนำออกไปก่อน ให้รองเจ้าสำนักพาคนอื่นด้านหลังกลับไป

ส่วนอีกด้านหนึ่ง โม่เฉินที่อุ้มเฟิ่งจิ่วร่อนกระบี่สายตามองไปด้านหน้า หัวใจกลับสั่นไหวเล็กน้อย ร่างกายแข็งทื่อ เพราะตั้งแต่ถูกเขาอุ้มมาคนในอ้อมแขนก็จ้องมองเขาตลอด สายตาพินิจมองนั้นชัดเจนไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย ทำให้เขาไม่อาจผ่อนคลายลงได้

“คุณชายโม่เฉิน?” เฟิ่งจิ่วจ้องมองเทพจุติที่กำลังเม้มริมฝีปาก

เขาได้ยินเช่นนี้แต่ไม่ก้มหน้าลง เพียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มีอะไรก็พูดมา”

“ท่านกอดข้าแน่นเกินไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วกล่าวอย่างหยอกล้อ

โม่เฉินตัวแข็งไปนิดแล้วก้มหน้าลงทันที จึงสบกับสายตาเย้าหยอกของอีกฝ่ายเข้าพอดี เขามองนางแวบหนึ่งถึงจะละสายตาออกไป แขนที่กอดนางไว้จึงคลายลงไปบ้างตามร่างกายที่ผ่อนคลาย

เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ค่อยๆ สบายขึ้น หลับตาลงบอกว่า “ข้าเหนื่อยนิดหน่อย จะหลับสักพัก” หลังผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมา สิ่งที่เหลือมีเพียงบาดแผลกับความเหนื่อยล้า ผ่านพ้นวิกฤตร่างกายก็อ่อนปวกเปียก แล้วผล็อยหลับไป

เนิ่นนานโม่เฉินถึงค่อยก้มหน้าลงมองสาวน้อยที่หลับไปในอ้อมแขนเขา ในดวงตาฉายแววสับสน

ไม่ต้องถามเขาก็รู้ คนคนนั้นที่เขาตามหาก็คือนาง

แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะพบนางตั้งแต่แรก และยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง

……………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version