Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 753

№ 753 อุ้มพาไป

เฟิ่งจิ่วที่นั่งขัดสมาธิได้ยินคำพูดนี้จึงกะพริบตามองโม่เฉินตรงหน้า เห็นท่าทีบนใบหน้าเขา รวมถึงสายตาตกตะลึงจากทุกคนรอบข้าง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปเกี่ยวเส้นผมสีหมึกที่ลู่ลงปรกแก้มขึ้นมาพลางชำเลืองมอง ทัดไว้หลังใบหูอย่างลวกๆ แล้วถึงจะจับกระบี่คมพยับข้างกายลุกยืนขึ้น

ทว่าเพราะบาดแผลตรงไหล่และแผลอื่นๆ บนร่าง แม้แต่ยืนขึ้นร่างกายยังสั่นเทาเล็กน้อย

เวลานี้ทุกคนเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นคมพยับเล่มนั้นในมือนาง แต่ละคนต่างนิ่งอึ้ง ความเหนือคาดอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขาไม่รู้จะตอบโต้เช่นไร

“ขอบคุณท่านทั้งหลายมากที่มาช่วยเจ้าค่ะ เฟิ่งจิ่วขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย”

แม้สีหน้าของเฟิ่งจิ่วซีดเซียวเล็กน้อย แต่ยังคงถือกระบี่ในมือพลางคารวะไปทางพวกเขา สายตามองผ่านร่างอาจารย์แต่ละคนที่ได้รับบาดเจ็บรวมถึงสามคนนั้นจากตลาดมืด เมื่อสายตามองผ่านเนี่ยเถิงก็หยุดลงพักหนึ่ง จากนั้นค่อยหยุดลงบนร่างเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนัก

“ท่านทั้งหลายอาจไม่ค่อยรู้จักตัวตนข้า” เธอเผยรอยยิ้ม “ข้าคือองค์หญิงจากราชวงศ์เฟิ่งหวง แคว้นระดับเก้า ดังนั้นก็เป็นผู้หญิงจริงๆ เจ้าค่ะ”

ประโยคสุดท้ายเธอมองไปยังโม่เฉินคนนั้น คล้ายว่ากำลังพูดกับเขา

ทั้งป่าทึบพลันเงียบลง ดวงตาแต่ละคู่ต่างหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว เธอที่สวมชุดสีแดงในเวลานี้เส้นผมปล่อยสยาย แม้สีหน้าขาวซีดแต่กลางหว่างคิ้วยังมีความสง่าภาคภูมิ เจ้าเล่ห์มั่นใจ ทว่าไม่มีใครคิดอีกแล้วว่านี่เป็นเด็กหนุ่ม เพราะจะมองซ้ายหรือขวา มองอย่างไรก็เป็นสาวน้อยงามเลิศที่ทรงเสน่ห์

“ตะ แต่ที่กรอกไว้บนตารางลงชื่อเจ้าเป็นชาย…”

อาจารย์คนหนึ่งกลืนน้ำลาย เพียงรู้สึกว่าเหลือเชื่อ องค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง แคว้นระดับเก้า? เฟิ่งจิ่ว? เป็นผู้หญิง? แล้วทำไมต้องแต่งตัวเป็นผู้ชายด้วย?

“ใช่เจ้าค่ะ!”

เธอพยักหน้า กล่าวว่า “เพราะเป็นผู้ชายจะเดินเหินสะดวก หนำซ้ำ…”

เสียงเธอชะงักไป ดวงตาที่แวววาวราวดวงดาวหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ท่ามกลางรอยยิ้มอิ่มเอมยังเจือความหยอกล้อและเจ้าเล่ห์ ยิ้มเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริงว่า “หนำซ้ำรูปโฉมข้างามเลิศล่มเมือง งามสง่าทั่วหล้าไร้คนเทียบเคียง หากแต่งตัวเป็นหญิงไปเดินข้างนอก ผู้ที่หลงใหลข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ข้ารับไม่ไหวจริงๆ ทว่าแต่งตัวเป็นผู้ชายจะแตกต่างกัน มีอิสระ สุภาพอ่อนโยน และหล่อเหลาไม่ธรรมดา ทำให้หญิงสาวนับหมื่นนับพันต้องหลงใหล ดีกว่าแต่งเป็นผู้หญิงมากนักจริงๆ”

หน้าผากทุกคนมีเงาดำวาบผ่าน มุมปากกระตุกพร้อมๆ กัน และละสายตาไปอย่างหมดคำพูดไปบ้าง

อันตรายครั้งนี้เพิ่งคลี่คลาย นางก็กลับมามีท่าทางไม่เอาไหนเช่นวันวาน ยามนี้ไหนเลยจะมีความโหดเหี้ยมดุดันอย่างตอนที่สู้กับผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณเพียงลำพังและได้รับความช่วยเหลือ หรือมีความน่าเกรงขามสุดสะพรึงเช่นก่อนหน้านี้สักนิด?

เฟิ่งจิ่วคนนี้ อาจารย์ส่วนใหญ่ที่ไม่เคยพูดคุยด้วยรู้เพียงว่านางนิสัยแปลกๆ วันนี้มาเห็นถึงได้พิสูจน์คำวิจารณ์ที่ทุกคนในสำนักศึกษามีต่อนาง

แต่ตามที่พวกเขารู้ ต่อให้นางแต่งตัวเป็นผู้ชายแล้วยังหล่อเหลาสง่างาม แต่ท่ามกลางนักเรียนชายและนักเรียนหญิงไม่น้อยก็ยังคงมีคนตั้งฉายาให้เฟิ่งจิ่วว่าเจ้าหน้าอ่อน…

ครั้นเห็นสีหน้าทุกคนแปลกไป เธอยิ้มเจื่อนๆ คำอวดโอ้หลงตัวเองทำให้เธอเขินอายเกินกว่าจะกล่าวต่อไปอีก ดังนั้นจึงเก็บกระบี่คมพยับขึ้นมา มือหนึ่งเกาะไหล่กวนสีหลิ่น ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“พี่สีหลิ่น ท่านแบกข้ากลับไปแล้วกัน! บาดแผลเต็มตัวข้าเจ็บแทบตายแล้ว”

ทว่าสิ้นเสียงเธอ ขณะที่กวนสีหลิ่นกำลังจะแบกเธอขึ้นหลังกลับเห็นร่างสีขาวเข้ามา อุ้มเฟิ่งจิ่วขึ้นมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน แล้วเหินกระบี่มุ่งไปยังสำนักศึกษา…

…………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version