№ 774 ข้ามาจากตระกูลนักคุมสัตว์อสูร
“เหล่าไป๋! อธิบายยากเหมือนกัน” เฟิ่งจิ่วยิ้มพลางส่ายหน้า เห็นดินทรายบนร่างเขาก็บอกว่า “ข้างหน้าไม่ไกลมีลำธาร เจ้าจะไปอาบน้ำหรือไม่? เปลี่ยนเสื้อผ้า?”
“ได้ เดี๋ยวทำความสะอาดสักหน่อยพวกเราค่อยมาคุยกัน ตอนนี้สภาพเช่นนี้ ช่างเสียมารยาทจริงๆ” เขาเอ่ยด้วยความเกรงใจนิดหน่อย รีบไปถอดเสื้อผ้าและโดดลงอาบน้ำตรงลำธารนั้นตามทิศทางที่เฟิ่งจิ่วบอก
เฟิ่งจิ่วไม่ตามไปด้วย แต่อาศัยเวลานี้ที่เขาไปอาบน้ำจับไก่ป่ามาย่าง
“หอมมาก! เฟิ่งจิ่ว ข้าหิวมาทั้งวันแล้ว พวกเขาไม่หาอาหารให้ข้ากินเลย” เขาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เส้นผมยังมีหยดน้ำ มานั่งลงข้างกายเฟิ่งจิ่ว พร้อมจ้องมองเนื้อไก่ที่ย่างบนไฟนั้นอย่างน้ำลายสอ
“มา ดื่มเหล้าก่อนสิ” เธอหยิบเหล้าไหเล็กจากห้วงมิติมารินให้เขาครึ่งชาม
“พอแล้วๆ” เขารับชามไว้ด้วยสองมือ “ข้าดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่ง”
“ดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่งจะดื่มตอนท้องว่างไม่ได้ เช่นนี้แล้วกัน! รอเดี๋ยวก่อน ไก่นี้ได้ประมาณหนึ่งแล้ว” เธอยิ้มๆ แล้วเริ่มเพิ่มเครื่องปรุงรสอีกหน่อย พลางถามว่า “ทำไมทุกครั้งที่เจอกันเจ้าล้วนกำลังร่อนเร่? จะไปไหนหรือ?”
“ข้าไม่อยากไปไหน แค่ถูกคนในบ้านไล่ออกมา ให้ข้าออกมาฝึกวิชาเสียบ้าง แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียทุกที่” เขาพูดไปสองมือก็ถือเหล้า ดวงตาจ้องไก่ย่างไว้ตลอด พลางเล่าเรื่องที่ตนเองเจอมาหลายวันนี้ออกมา
“อ้อ? เจ้าเป็นคนในตระกูลนักคุมสัตว์อสูรหรือ?” เธอแปลกใจเล็กน้อย และเข้าใจในทันที ใช่สิ หากไม่ใช่คนจากตระกูลเช่นนี้ก็ไม่น่าได้ม้าประหลาดอย่างเหล่าไป๋มา
“อืม แต่ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ฝีมือข้าไม่ได้เรื่อง แค่คุมสัตว์อสูรได้ บางครั้งคุมสัตว์อสูรก็มักจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน อย่างเหล่าไป๋ม้าประหลาดเช่นนั้นข้ายังคุมไม่ได้ และสัตว์เลี้ยงคุณหนูของสองคนนั้นเมื่อครู่ ไม่รู้เป็นอะไรถึงกระโดดตะครุบวุ่นวาย ตะปบชุดใหม่บนร่างนายมันจนขาด ซ้ำยังข่วนหลังมือนางเลือดไหล”
เฟิ่งจิ่วใช้มีดหั่นน่องไก่ให้เขา “หมายความว่าตอนนี้เจ้าไม่มีที่ไปหรือ?”
“อืม คนในบ้านไม่ให้ข้ากลับไป บอกให้ข้ามาสร้างชื่อเสียงข้างนอก แต่การสร้างชื่อเสียงนั้นยากเกินไป ข้ากลัวว่าสูญเสียชีวิตน้อยๆ นี้ไป”
เขากลืนน้ำลาย รับน่องไก่มา เพราะยังร้อนเล็กน้อย มือจึงใช้ใบไม้เป็นฉนวนกันความร้อน เพิ่งกัดไปหนึ่งคำกลิ่นหอมเนื้ออันอบอวลก็กระจายไปในปาก ทำให้เขาเบ้าตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน เจ้าไม่รู้หรอก คนบ้านนั้นให้ข้าไปฝึกสัตว์อสูร ให้กินหมั่นโถวผักสดทุกวัน ข้าหิวเสียจนผอมลงไปรอบใหญ่ เมื่อวานยังไม่ให้ข้าวข้ากิน วันนี้ยังจับข้ามาฝังทั้งเป็นอีก จะเกินไปแล้วจริงๆ”
“เจ้าฝึกสัตว์อสูรเป็นจริงหรือ?” เธอสงสัยมาก ถึงอย่างไรตอนแรกที่พบกัน เขายังโดนเหล่าไป๋เหวี่ยงตกจากหลังม้าอยู่เลย
“แน่นอนว่าได้ แค่นานๆ ทีจะเกิดเหตุคาดไม่ถึง แต่ข้าฝึกสัตว์อสูรเป็นจริงๆ จริงๆ นะ” เหมือนกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ ไป๋เสี่ยวจึงเน้นย้ำอีกครั้ง
“ในเมื่อเจ้าไม่มีที่ไป จะติดตามข้าไปไหมเล่า?” เธอยิ้มด้วยใบหน้าไร้พิษสงราวกับหมาป่าอวดหาง “สถานที่ที่ข้าจะไปครั้งนี้ด้านในมีสัตว์อสูรไม่น้อย เจ้าจะได้ฝึกมือพอดี เป็นอย่างไร? ไปไหม?”
เขาได้ยินเช่นนี้ ยังไม่ได้ขานรับทันที แต่มองเขาด้วยสีหน้าจริงจังพลางถามว่า “หากเจ้าเห็นข้าโดนสัตว์ร้ายไล่ล่าจนไม่มีทางหนี เจ้าจะช่วยข้าใช่ไหม?”
เฟิ่งจิ่วตกใจเล็กน้อย จากนั้นค่อยหัวเราะร่าขึ้นมา…
……………………