№ 797 จะเก่งสักแค่ไหน
สายตาเฟิ่งจิ่วมองผ่านบนร่างพวกเขา มีเพียงยี่สิบเอ็ดคน อายุดูแล้วล้วนเป็นวัยกลางคน แต่อายุจริงแน่นอนว่าไม่ใช่แค่สามหรือสี่สิบ
ในนั้นมีสิบห้าคนวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน หกคนนอกนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง เทียบกับคนพวกนั้นที่เห็นก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้แม้มีกลิ่นอายกระหายเลือด กลับไม่ดุร้ายเช่นคนพวกนั้นก่อนหน้านี้ แต่บนร่างยังคงมีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงยิ่ง เช่นเจนว่ามือเปื้อนเลือดคนมาไม่น้อย
เธอพยักหน้า “ในเมื่อคนมาหมดแล้ว เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!” กล่าวจบก็สาวก้าวเดินไปยังในเมือง
ทว่าทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้กลับตกใจ หนึ่งคนในนั้นถามว่า “คุณชาย พวกเขาเข้าไปยังภูเขาร้อยปีแล้ว เราจะไม่เข้าไปหรือ?”
“ไม่เข้าไป” เธอเอ่ยโดยไม่หยุดฝีเท้าและไม่กันกลับไป
คนด้านหลังขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “ไม่เข้าไปพวกเราจะมาที่นี่ทำไม?” เดิมทีพวกเขาได้ยินผู้พิทักษ์เซี่ยงบอกว่านางมีความสามารถ ซ้ำยังเป็นลูกศิษย์เจ้าวังถึงคิดจะติดตาม ยามนี้เห็นก็แค่นี้เอง
เฟิ่งจิ่วด้านหน้าหยุดฝีเท้าลง หันกลับไปชำเลืองมองคนคนนั้น “เจ้ากำลังถามข้าหรือ?”
เซี่ยงหวาเห็นท่าทาง ก็รีบร้อนบอกว่า “คุณชาย อาเฉียงไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนางลงมือฆ่าคน และไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นท่าทางนางโหดเหี้ยม ด้วยเหตุนี้จึงรู้ว่าเกียรติของนางไม่ใช่สิ่งที่ก้าวล่วงได้ง่ายๆ
“ข้าเพียงอยากถาม ว่าทำไมเราไม่เข้าไป? เรามาที่นี่เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาฆ่าคนสุ่มสี่สุ่มห้าและใช้กำลังยึดพื้นที่ไม่ใช่หรือ?” ชายวัยกลางคนนั้นถามเสียงเข้ม และไม่สนใจที่เซี่ยงหวาให้สัญญาณ
“บังอาจ! คำพูดนายท่านแค่ทำตามเป็นพอ ไหนเลยต้องมีคำถามมากมายเพียงนั้น!” ตู้ฝานตะโกนเสียงดัง พร้อมกราดมองชายวัยกลางคนนามอาเฉียงคนนั้น
“พวกเราได้ยินผู้พิทักษ์เซี่ยงบอกว่าคุณชายเป็นลูกศิษย์ท่านเจ้าวังถึงตามมา ดูท่าคุณชายคงไม่ธรรมดา แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากเห็นจะผิดหวังนิดหน่อย หรือว่าคุณชายเห็นกำลังคนพวกเขามากมายก็กลัวเสียแล้ว? ไม่กล้าสู้กับพวกเขาหรือ? หากเป็นเช่นนี้ บอกจะรวบรวมวังกำเนิดสวรรค์เสียใหม่? จะกอบกู้ชื่อเสียงวังกำเนิดสวรรค์อะไรกัน”
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจเขา แต่หยุดสายตาบนร่างเซี่ยงหวา “นี่หรือคนที่เจ้าพามา?”
ได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยงหวาก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อย “ขอโทษด้วยขอรับคุณชาย” อธิบายอย่างไรล้วนเปล่าประโยชน์ ระยะห่างยิ่งห่างเหิน ทันใดนั้นก็เข้าไปยกขาถีบกดชายวัยกลางคนนั้นทรุดลงกับพื้น
“ขอโทษคุณชายซะ”
“ผู้พิทักษ์เซี่ยง ปล่อยข้า!” ชายวัยกลางคนนั้นขัดขืน “เจ้าเด็กนี่ไม่คู่ควรให้ข้าคุกเข่าเช่นนี้!”
ตอนที่เซี่ยงหวาตามพวกเขามา เพียงบอกพวกเขาว่าเฟิ่งจิ่วเป็นลูกศิษย์ฉู่ป้าเทียน และเป็นผู้ถือครองกระบี่คมพยับ เรื่องอื่นยังไม่ได้พูดกับพวกเขามากนัก ด้วยเหตุนี้จึงนึกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นผู้ชาย
เฟิ่งจิ่วเห็นภาพเช่นนี้ก็ยิ้ม บอกให้สัญญาณว่า “ปล่อยเขา”
เซี่ยงหวาเห็นท่าทางก็มองนาง ถึงจะปล่อยมือให้คนคนนั้นลุกขึ้นยืน ใครจะรู้นึกไม่ถึงว่าเขาลุกขึ้นมาก็เหวี่ยงหมัดโจมตีไปทางเฟิ่งจิ่ว ปากตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าอยากเรียนรู้เสียหน่อย ว่าเจ้าสืบทอดวิชาจากท่านเจ้าวังมาเท่าไรกันแน่!”
“อาเฉียง! ยะ หยุดนะ!” เซี่ยงหวาตกใจยกใหญ่ ขณะที่คิดจะเข้าไปกลับโดนคนอื่นกดไว้
“ผู้พิทักษ์เซี่ยง เจ้าคอยดูไปเถอะ! เจ้าบอกว่าพาพวกเรามาติดตามเจ้าหนูนี่ อย่างไรก็ต้องให้พวกเราดูเสียหน่อยว่าเขามีฝีมืออย่างไร คนเช่นนี้คู่ควรจะครอบครองกระบี่คมพยับ? และกลายเป็นเจ้าวังเราจริงหรือ?”
“ถูกต้อง ข้าก็อยากเห็นว่าเขาจะเก่งสักแค่ไหนกันแน่”
…………………