№ 800 นึกว่าเจ้าโดนผีลากไปแล้ว
เฟิ่งจิ่วที่ก้าวฝีเท้าสบายๆ เดินเข้าในเมืองยกมุมปาก แววตาเย็นเยียบ น้ำเสียงเฉยชา “เช่นนั้นต้องดูฝีมือพวกเขาแล้ว”
เซี่ยงหวาได้ยินเช่นนี้ใจก็คร่ำเครียด ดูฝีมือพวกเขา? พูดเช่นนี้ก็รอดยากน่ะสิ? ที่นั่นมีอะไรแปลกไปกันแน่? ทำให้นางไม่ไปเกี่ยวข้องได้ ถึงกับเอ่ยคำพูดนี้ออกมา?
ไม่พูดไม่จามาตลอดทาง กระทั่งถึงโรงเตี๊ยม ไป๋เสี่ยวที่รอตรงประตูโรงเตี๊ยมมาสามวันเต็มๆ แค่เห็นพวกเขากลับมา ก็ยกมือตะโกนทันทีว่า “คุณชาย คุณชาย ข้าอยู่ตรงนี้ขอรับ ตรงนี้”
เขาวิ่งเข้าไปพลางๆ มาถึงข้างกายเฟิ่งจิ่วก็มองหัวจรดเท้า “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เจ้าไม่กลับมาตั้งหลายวันเพียงนี้ ข้านึกว่าเจ้าโดนผีลากไปเสียแล้ว” คำพูดนี้กล่าวออกมาอย่างไม่ผ่านสมอง พลันแลกมาด้วยหนึ่งเคาะจากเฟิ่งจิ่ว
“ลากเจ้าน่ะสิ ไม่ลากข้าหรอก” เธอยิ้มด่า แล้วเคาะหัวเขาไปที “ได้ข้อมูลมาหรือเปล่า?”
เขาฉีกยิ้มกว้าง พร้อมลูบๆ หัว “ส่งมาเมื่อวานแล้วขอรับ”
“อืม เข้าไปคุยกัน” เธอยิ้มพยักหน้าพลางเดินเข้าไปยังห้องปีกที่จองไว้
ส่วนด้านหลัง เซี่ยงหวาที่ตามเข้ามาด้วยกันหลังจากได้ยินคำพูดไป๋เสี่ยว สายตาก็หดลงโดยทันที แล้วก้าวถอยหลังไปดึงตู้ฝานไว้ “ตู้ฝาน เจ้าเคยเข้าไปด้านใน ในนั้นจริงหรือเปล่า…”
“ข้าไม่เจอ แต่ด้านในไม่ปกติแน่นอน หนำซ้ำยังวางค่ายกลไว้ หากข้าไม่คุ้นเคยกับค่ายกล เกรงว่าคงเดินออกมาไม่ได้”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อย “ร่วมทางมาด้วยกัน นิสัยนายท่านเจ้าคงเข้าใจบ้างแล้ว คนพวกนั้นรนทาที่ตาย โทษนายท่านไม่ได้แม้แต่น้อย ดีที่สุดเจ้าอย่าเสียระเบียบจะดีกว่า อย่าลืมว่าเจ้าออกมาจากที่นั่นอย่างไร”
เซี่ยงหวาได้ยินเช่นนี้ ดวงตาเผยความจริงจัง เอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าแยกแยะความสำคัญได้”
สองคนคุยกันก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ขึ้นตึกเข้าห้องปีกนั้นไป
ตรงโต๊ะห้องปีก ไป๋เสี่ยวช่วยเฟิ่งจิ่วรินน้ำชา พลางบอกว่า “ข้าเห็นเจ้ายังไม่กลับมาจึงอ่านข้อมูลบนนี้ก่อนแล้ว ภูเขาร้อยปีนั้นสำหรับโลกภายนอกเป็นเพียงภูเขาธรรมดา แต่อ่านจากข้อมูลบนนี้กลับมาก อย่างกับภูเขาผีสิงจริงๆ”
เขานั่งลงข้างกายนาง กล่าวว่า “บนนี้บอกว่าพวกชาวบ้านทั่วไปเข้าไปแล้วยังเดินออกมาได้ อย่างไรก็เข้าไปข้างในไม่ได้ แต่ผู้ฝึกตนบางคนเข้าไป กลับไม่ได้ออกมาอีก”
“หนำซ้ำยังบอกว่า เวลากลางคืนที่นี่ค่อยข้างน่ากลัว มีดวงไฟวิญญาณลอยไปมารางๆ เดาจากข้อมูลบนนี้ ที่นี่น่าจะเป็นหมู่บ้านผี หรือว่าคนตระกูลนี้จะเลี้ยงผีไว้ สรุปว่าเป็นสถานที่อันตรายก็แล้วกัน”
เฟิ่งจิ่วอ่านข้อมูลบนนั้น พลางฟังไป๋เสี่ยวเล่าอย่างตื่นตระหนกยกใหญ่อยู่ตรงนั้น ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “แม้อันตรายเจ้ายังเดินออกมาจากข้างในได้ ตอนนั้นไม่โดนลากไป เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”
“ตอนนั้นคนคนนั้นจ้องมองเจ้าตลอด ข้าเดาว่าหากเจ้าไม่อยู่ ข้าคงโดนลากไปแน่ๆ” นึกถึงคนชุดคลุมดำที่เจอกันข้างในนั้น เขาก็ตัวสั่นโดยฉับพลัน
ผ่านไปเนิ่นนาน หลังจากเฟิ่งจิ่วปิดเอกสารก็ยื่นให้ไป๋เสี่ยว
“คนวังกำเนิดสวรรค์ร้อยกว่าคนนั้นเข้าไปยังออกมาไม่ได้ พอดีเลย จะได้ไม่ต้องลงมือเสียเอง”
เธอลุกขึ้นมาปัดๆ เสื้อคลุมพลางบอกพวกเขาว่า
“พวกเจ้าหาห้องพักผ่อนกันเองเถอะ พวกเราจะพักอยู่ที่นี่สักสองวัน ลองดูสถานการณ์หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่อยไป” ระหว่างพูดก็ให้สัญญาณพวกเขาออกไป
“ขอรับ” ทั้งสามขานรับ ถึงจะเดินออกไป
……………………