Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 821

№ 821 เรียกว่าอาจารย์

เฟิ่งจิ่วจะออกไปข้างนอก จึงกลับอาศรมมาเปลี่ยนจากชุดสำนักศึกษาเป็นชุดสีแดงของตน ทว่ายังไม่ทันออกจากภูเขาสำนักยาเซียนก็ถูกโอวหยางซิวขวางหน้าไว้

“เฟิ่งจิ่ว มาประลองกับข้า!”

โอวหยางซิวที่ร่อนกระบี่มาใช้แววตาเฉียบคมจ้องมองหนุ่มน้อยชุดแดง เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมสู้กับตนเอง ความคิดยึดมั่นนี้นับวันจึงมีแต่จะยิ่งฝังลึกในใจ หนำซ้ำยิ่งเขาไม่ยอมสู้ ความกระหายการต่อสู้ในร่างยิ่งกู่ร้องว่าอยากจะต่อสู้กับเขา

“เจ้าอีกแล้ว?”

เฟิ่งจิ่วหมดหนทาง มองชายหนุ่มที่ขวางอยู่เบื้องหน้า คิดว่าเขาช่างดื้อรั้นเสียจริง ทำไมต้องสู้กับเธอให้ได้ด้วย? ไม่รู้หรือว่าผู้ชายสู้กับผู้หญิงเป็นพฤติกรรมที่ไร้ศีลธรรมที่สุด?

เอ่อ เอาเถอะ อย่างน้อยคนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง นอกจากนั้นหากจะสู้หรือตามหาเธอ ด้วยกำลังวรยุทธ์ของเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

โอวหยางซิวจ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งบนหลังม้า เอ่ยว่า “เดิมทีเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่พอยิ่งเจ้าไม่อยากสู้ ข้ายิ่งอยากสู้กับเจ้า หากไม่อยากให้ข้ารบกวนเจ้าไปตลอดก็มาประลองกับข้าเถอะ! แค่พวกเราสองคน เจ้าวางใจเถอะ ถึงเจ้าแพ้ข้าก็จะไม่ไปบอกคนนอก”

“หึ!”

ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วหัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไม่ไหว คิดว่าคนคนนี้น่าสนใจ คนระดับสร้างรากฐานขั้นกลางบอกเธอว่าไม่เป็นไร ถึงเธอสู้แพ้เขาก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย? จะไม่ไปบอกคนนอก?

ยามนี้เธออดไม่ได้ที่จะสงสัย หากหมอนี่รู้ว่าแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเธอยังฆ่าได้ ไม่รู้จะมีความมั่นใจมากเพียงนี้และเอ่ยคำพูดน่าขันเช่นนี้ออกมาหรือไม่?

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จากคำพูดของเขาก็รู้ได้ว่าคนผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายอะไร เดาว่าเป็นแค่คนที่ค่อนข้างกระหายการต่อสู้

“อยากสู้กับข้าจริงหรือ?” เธอเลิกคิ้วมองเขา

“ถูกต้อง”

“แต่ข้าไม่ค่อยชอบลงมือกับใครโดยใช่เหตุ” เธอขบคิดในใจ มองสีหน้าเขาที่เคร่งเครียดขึ้นมาพลางยิ้มเอ่ยอย่างหยอกล้อ “แต่ให้สู้กับเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แค่ไม่รู้ว่าเจ้าจะกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”

“หากเจ้าแพ้จากนี้ไปข้าคืออาจารย์เจ้า หากข้าแพ้ต่อไปข้าจะเป็นคนรับใช้ให้เจ้า เป็นอย่างไร?” เธอสนใจขึ้นมาทันที โอวหยางซิวคนนี้รูปร่างไม่เลวเลย พรสวรรค์ก็ไม่แย่ หากมีคนเช่นนี้เป็นลูกศิษย์ ฮิๆ เหมือนว่าจะไม่เลวเลยจริงๆ

โอวหยางซิวได้ยินเช่นนี้ก็หลุดหัวเราะ “ข้าตอบรับ! แต่ว่าข้าขอเตือนเจ้า ข้าถึงระดับสร้างรากฐานขั้นสุดท้ายแล้ว”

“อืมๆ ข้ารู้แล้วๆ เจ้ายอมรับเป็นพอ” เธอพยักหน้า ยิ้มราวกับจิ้งจอกที่มีชัย เวลาต่อมาก็ลงมือทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด

โอวหยางซิวเห็นเช่นนี้ ขณะที่กลิ่นอายในร่างพลันพุ่งพล่านและกำลังจะสู้ตอบ ร่างกายกลับแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโตอย่างเหลือเชื่อ นัยน์ตายังมีแววยากจะเชื่อ…

“เด็กดี เรียกอาจารย์ให้ฟังหน่อยซิ” เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ด้านหลังเขา แขนข้างหนึ่งรัดคอเขาไว้พลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม

“เจ้า…”

สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นแดงเขียวสลับกัน ไม่นึกว่าตนเองจะต้านการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ครั้นเห็นเด็กหนุ่มที่ถอยห่างจากข้างกายกำลังจ้องมองเขาเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ยิ้ม เขาที่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็กัดฟันกรอด

“ท่านอาจารย์!”

“นี่ เด็กดี” เฟิ่งจิ่วหยีตายิ้ม มองคนที่วิ่งออกไปด้วยสีหน้าอับอายและท่าทางไม่มีหน้าไปพบใคร ก่อนจะหัวเราะร่าพลางมายังประตูข้างของสำนักศึกษา

“เกิดอะไรขึ้น?” เห็นคนเฝ้าประตูกำลังล้อมอยู่ด้านหน้า เธอจึงถามไถ่แล้วจูงเหล่าไป๋เข้าไปดูใกล้ๆ

มองครั้งนี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงโดยพลัน…

……………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version