№ 848 ท่านอาคุยโวถึงข้าหรือไม่?
“ท่านย่า ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” เฟิ่งจิ่วยิ้มบอก เห็นเด็กทารกไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยก็ถามว่า “ท่านอาตัวน้อยล่ะเจ้าคะ?”
“เมื่อครู่ร้องไห้ตลอด จึงให้แม่นมอุ้มไปแล้วละ” ท่านผู้เฒ่ากล่าว แล้วสั่งคนอุ้มลูกชายกลับมาให้เฟิ่งจิ่วดู
“องค์หญิง”
แม่นมอุ้มเด็กเข้าไป เฟิ่งจิ่วก็รับมาอุ้มไว้ในมือเบาๆ โดยไม่กล้าใช้แรง อาจเพราะเพิ่งกินอิ่มมา เด็กน้อยจึงกำลังลืมตามองเธอ เพียงโดนเธอหยอกก็หัวเราะขึ้นมา
“เอ๋? เร็วเพียงนี้ก็หัวเราะเป็นแล้ว? ดูท่าท่านอาตัวน้อยจะฉลาดมาก!” เธอหัวเราะเบาๆ พลางหยอกทารกน้อยในอ้อมแขนเล่น แต่ทารกง่วงง่ายเป็นพิเศษ หัวเราะสักพักก็หลับตาลงไม่สนใจเธออีก
“เหอะๆ… ท่านปู่ ท่านดูสิ หลับเสียแล้ว” เธออุ้มเข้าไปให้พวกเขาดูอย่างอดไม่ได้
“ใช่แล้ว เมื่อคืนตอนเกิดเด็กคนนี้ก็ร้องไห้ เช้านี้ตอนหิวก็ยังร้อง แต่เวลาอื่นๆ เลี้ยงง่ายมาก” สำหรับทารกคนนี้ พูดได้ว่าท่านผู้เฒ่ารักใคร่เช่นหลานชายก็ไม่เกินไป
ครั้นได้ยินเช่นนี้ เธอยิ้มถามว่า “เช่นนั้นท่านอาตัวน้อยชื่ออะไรเจ้าคะ ท่านปู่ตั้งเรียบร้อยหรือยัง?”
“อืม ตั้งเรียบร้อยแล้ว” เขากับซู่ซีมองหน้ากัน บอกว่า “เด็กเกิดตอนเที่ยงคืน ข้าจึงตั้งเป็นอักษรเดียวให้เขาว่าเย่ (กลางคืน) ชื่อเฟิ่งเย่”
“ท่านอาเฟิ่งเย่?” เฟิ่งจิ่วกระซิบเบาๆ จากนั้นค่อยยิ้มขึ้นมา “ชื่อนี้เพราะมากเจ้าค่ะ”
เธอคุยกับพวกเขาในตำหนักสักพักถึงจะออกไป มาถึงด้านนอกก็พบบิดาตนเหมือนกำลังจะเข้าไปดู ดังนั้นจึงขานเรียก
“ท่านพ่อ”
“เสี่ยวจิ่ว? เจ้าเข้ามาเช้าเพียงนี้เชียว” เขามองลูกสาว ใบหน้าเคร่งขรึมเผยรอยยิ้มออกมา
“เจ้าค่ะ เข้ามาดูท่านย่ากับท่านอาตัวน้อยเสียหน่อย ท่านพ่อก็จะเข้าไปด้วยใช่หรือไม่? ข้าว่าท่านเข้ามาเย็นหน่อยจะดีกว่า ท่านย่าเพิ่งหลับไป ท่านอาตัวน้อยก็เช่นกัน”
“โอ้ เช่นนี้เอง! อย่างนั้นเย็นๆ ข้าค่อยเข้ามาดูอีกที” เขาพยักหน้ากล่าว
“ท่านพ่อ พวกเราไปเดินเล่นกันไหมเจ้าคะ”
เธอคล้องแขนบิดาเดินไปในวัง พ่อลูกทั้งสองเดินเล่นรอบๆ คุยเล่นกันไป จนกระทั่งเวลาเที่ยง เมื่อจัดสำรับอาหารเตรียมจะกินด้วยกัน เฟิ่งจิ่วถึงนึกได้ว่าวันนี้เด็กน้อยหลับจนถึงตอนนี้แล้วเหมือนจะยังไม่เห็นหน้า ขณะกำลังจะส่งคนไปเรียก ก็เห็นเด็กน้อยสวมชุดคลุมสีดำตัวเล็กเดินเข้ามา
“ยมราชน้อยมาแล้ว? มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ” เฟิ่งเซียวเรียกยมราชน้อย อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
เขาคารวะไปทางเฟิ่งเซียวพร้อมขานรับ มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นถึงเดินไปข้างกายเธอ เพียงแต่เก้าอี้ค่อนข้างสูง เขาหันไปจะนั่งยังทำไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ตอนกำลังคิดจะปีนขึ้นไปถึงโดนอุ้มขึ้นมา
“นั่งสิ! มา นี่ให้เจ้ากิน” เฟิ่งจิ่วอุ้มเขามานั่งบนเก้าอี้ พลางเติมข้าวให้เขาเล็กน้อยและคีบอาหารให้บ้าง
เขาเหลือบมองเธอแล้วจึงหยิบตะเกียบกินข้าว ส่วนเฟิ่งจิ่วกับเฟิ่งเซียวสองพ่อลูกกินไปพลางพูดคุยกัน หลังมื้ออาหารพวกเขาออกไปเดินเล่น ดื่มชาสักพัก เฟิ่งเซียวก็กลับไปจัดการราชกิจ เหลือเพียงเฟิ่งจิ่วกับยมราชน้อย
สองคนสี่ตามองประสานกัน ดวงตาคู่ใหญ่จ้องมองดวงตาคู่เล็ก มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
“เด็กน้อย พูดมาเถอะ! ทำไมเจ้าถึงชอบตามติดข้าเพียงนี้?” มือข้างหนึ่งของเธอเท้าคาง เอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม
เขาได้ยินคำถามก็ถลึงมอง “ข้าตามติดเจ้าเสียที่ไหน?”
“ไม่ใช่หรือ ถึงแม้ข้าจะหน้าตาใครเห็นใครก็รัก แต่เด็กเล็กเจอข้าครั้งแรกน่าจะไม่ชอบตามติดข้า เจ้ากลับเป็นข้อยกเว้น ว่ามาตามจริงเถอะ ท่านอาคุยโวถึงข้าต่อหน้าเจ้าตลอดเลยใช่หรือไม่?” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย แย้มยิ้มถามด้วยคำพูดเจือความคาดหวังรอคอย
………………………