№ 850 เส้นลมปราณเอ็นก่อร่างใหม่
ไม่นานนัก เหลิ่งหวาก็เดินตามเหลิ่งซวงเข้ามา เห็นนายท่านเดินไปมาอยู่ในลานบ้าน ปากกำลังพึมพำคำพูด สองคนมองหน้ากันแวบหนึ่งถึงค่อยเดินเข้าไป
“นายท่าน” เหลิ่งหวาขานเรียก มองนางพลางถาม “ท่านตามหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”
“มาๆๆ” เมื่อเฟิ่งจิ่วเห็นเขาก็ลากมานั่งลง แล้วหยิบยาอายุวัฒนะออกมา “เจ้ากินนี่ให้ข้าดูหน่อย”
“ขอรับ”
ไม่ถามไถ่หรือสงสัย ซ้ำยังไม่มีความกังวลและกระวนกระวาย เพียงนางเอ่ยออกมา ไม่ว่านั่นจะเป็นยาอายุวัฒนะอะไร เขาก็รับมากลืนลงไป ไม่สนใจสักนิดว่าตนเองกลายเป็นคนลองยา
ทว่ากินยาอายุวัฒนะลงไปแล้ว เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ เหลิ่งหวาที่นั่งอยู่ก็มีเหงื่อเม็ดเท่าถั่วไหลจากหน้าผาก ร่างกายแข็งตึง สองมือกำแน่น คล้ายสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง
เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ก็มองเขาอย่างเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่กลับไม่พูดอะไรเหมือนกัน เพราะรู้ว่านายท่านจะไม่ทำร้ายน้องชายนาง
“อึก อ๊าก!”
ในที่สุดก็อดกลั้นความเจ็บรุนแรงราวกับถูกฉีกทึ้งในร่างกายไม่ได้ เขาผลุงขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วกลิ้งไปมาบนพื้น เสียงร้องเจ็บปวดแต่ละเสียงลอยออกจากปากเขา เหลิ่งซวงมองแล้วปวดใจเป็นที่สุด อยากจะเข้าไปหาก็กลับโดนเฟิ่งจิ่วขวางไว้
“กินขมในขม ถึงจะเป็นคนเหนือคน”
เฟิ่งจิ่วมองเหลิ่งหวาบนพื้น สังเกตปฏิกิริยาของเขา เห็นเขาร้องลั่นอยู่บนพื้น เสื้อคลุมบนร่างเปียกเหงื่อ เมื่อผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามและผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ความเจ็บรุนแรงก็ทำให้เขาหมดสติไป ยามนี้บนร่างเขามีของเหลวสีดำไหลออกมา ส่งกลิ่นเหม็นเล็กน้อย
“ส่งเขากลับเรือนไป สั่งคนอาบน้ำให้เขาเสียหน่อย ตื่นแล้วค่อยพาเข้ามาพบข้า” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ
“เจ้าค่ะ”
เหลิ่งซวงขานรับ มองน้องชายที่นอนนิ่งบนพื้นพลางเร่งฝีเท้าเข้าไปประคองเขาทันที โดยไม่สนใจว่ากลิ่นเหม็นพวกนั้นบนร่างเขาจะติดตัวเอง
เห็นเหลิ่งซวงประคองเขาออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วลูบๆ คาง แล้วมองสภาพที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ก่อนจะกลับเรือนไปสั่งคนให้เตรียมอ่างอาบน้ำ
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลังอาบน้ำเสร็จเธอยังสั่งห้องครัวผัดอาหารสองสามอย่างมาให้กิน ขณะที่กินอิ่มประมาณหนึ่ง ก็เห็นเหลิ่งซวงพาเหลิ่งหวาที่ตื่นขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามา
“นายท่าน” ทั้งสองขานเรียก
เธอมองๆ เขา พินิจมองจากบนลงล่าง ถึงค่อยเอ่ยว่า “บอกข้าหน่อย ความรู้สึกหลังกินยาอายุวัฒนะไปเป็นอย่างไร?”
“ขอรับ”
เหลิ่งหวาขานรับ บอกว่า “ตอนแรกในท้องจะร้อนๆ จากนั้นความร้อนนี้ก็แผ่ออกไปอย่างช้าๆ ราวกับไฟ กระจายไปในเส้นลมปราณเอ็นทุกเส้นของร่างกาย เส้นลมปราณเอ็นนั้นราวกับถูกกระแสลมที่มีเปลวไฟฉีกทึ้งและหลอมรวมกันใหม่ เจ็บเสียจนข้าร้องไม่ออก พอถึงช่วงท้ายข้าสลบไปก็ไม่รู้เรื่องแล้ว แต่หลังจากตื่นมาความรู้สึกทั้งร่างแปลกมาก เหมือนผ่านการชะล้างด้วยน้ำสะอาด สบายตัวมากขอรับ”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า หยิบกระดานพลังวิญญาณสำหรับทดสอบฐานพลังวิญญาณออกมาจากในห้วงมิติ ก่อนจะพูดเปรย “มา ข้าจะช่วยเจ้าทดสอบ”
สองพี่น้องได้ยินคำพูดนี้ต่างอึ้งไป มองนางอย่างมึนงง
“นายท่าน ข้าไม่มีฐานพลังวิญญาณไม่ใช่หรือขอรับ ก่อนหน้านี้เคยทดสอบแล้ว” เหลิ่งหวาเอ่ยขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เคยทดสอบ รู้ว่าฝึกบำเพ็ญไม่ได้ นายท่านถึงสอนไทเก๊กให้เขาไว้เสริมสร้างร่างกายรวมถึงป้องกันตัว
“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลูกกลอนห้าธาตุของข้าไป เส้นเอ็นจะก่อร่างใหม่และชะล้างร่างกาย ยามนี้จึงฝึกวิชาเซียนได้แล้ว แต่ข้าต้องช่วยเจ้าทดสอบเสียหน่อย ว่าฐานพลังวิญญาณโดยกำเนิดของเจ้าเป็นธาตุอะไร”
………………………………….
[1] ดอกท้อเน่า เปรียบเปรยถึงคนไม่ดีหรือคนไม่น่าไว้ใจที่มาตามติดเกี้ยวพาราสี