Skip to content

เล่ห์ลีอา 4

Chapter 4 เข้าที่พำนักราชา

เสียงถามเสียงต่ำแบบที่เจ้าชายอิสมินทราบดีว่าเสียงแบบนี้พายุบังเกิดแน่ๆ หากได้ฟังเรื่องราว(ความเข้าใจผิด)จากปากหญิงสาว  เจ้าชายอิสมินทนฟังต่อไปไม่ได้ที่จะถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย รีบเสด็จเข้าไปในห้องโถงทันทีเพื่อแก้ต่าง “เสด็จพ่อครับ ไม่เป็นความจริงเลยนะครับ ลูกไม่ได้ลักพาตัว…เอ๋! เสด็จพ่ออยู่ไหนล่ะ?”

“อ่ะ! อิสมินหน้าบูด! มาได้ไงอ่ะ?” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นบุคคลที่กำลังพูดถึงโผล่พรวดพราดเข้ามา

“อุ้ย! เจ้าชายอิสมิน!” นางกำนัลสองนางสะดุ้งตกใจมองเจ้าชายของพวกตนตาค้าง

ภายในห้องโถงมีเพียงหญิงสาวนางนั้นสวมชุดเดรสลำลองสีขาวกับนางกำนัลสองนางอยู่เท่านั้น ไม่มีแม้แต่เงาของกษัตริย์อัมมานเลยแม้แต่น้อย สร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าชายอิสมินมาก ๆ

องครักษ์ทั้งสามต่างก็งุนงงไม่แพ้เจ้านายของตนเอง

“เสด็จพ่อล่ะ? ฉันได้ยินเสียงของเสด็จพ่อนี่ แล้วท่านอยู่ที่ไหนล่ะ?” เจ้าชายหนุ่มรับสั่งถามนางกำนัลทั้งสอง มองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามดูถูก

“หันเป็นเรดาร์เลยนะอิสมิน บนจอลูก บนจอ” กษัตริย์อัมมานแย้มยิ้มเอ่ยกับพระโอรสผ่านระบบวีดีโอคอล เจ้าชายอิสมินรีบหันไปมองจอมอนิเตอร์บนผนังแล้วโค้งคำนับถวายความเคารพพระบิดา “เสด็จพ่อ”

ภาพบนจอมอนิเตอร์ทำให้เจ้าชายหนุ่มรู้ว่าพระบิดาอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว ที่กำลังบินกลับเอจา

“ฝ่าบาท” องครักษ์ทั้งสามรีบถวายความเคารพพระประมุขว่องไว

เจ้าชายอิสมินรีบแก้ต่างทันที พร้อมกับชี้นิ้วไปที่หญิงสาวบนโซฟาหน้าจอ “เสด็จพ่อครับ ลูกไม่ได้ลักพาตัวยัยนี่เลยนะครับ”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะอิสมินหน้าบูด! ถ้านายไม่ได้ลักพาตัวฉัน แล้วฉันไปอยู่ในห้องนอนของนายได้ยังไงล่ะ? นายวางแผนให้ป้าแก่ๆ เดินชนฉันแล้วฉีดสเปรย์ยาสลบใส่ฉันหน้าร้านอาหารซีซ่านั่น ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในห้องนอนของนายแล้ว ยังจะมาแก้ตัวอีกเหรอ  เชอะ! นายมันไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเล้ย!” หญิงสาวนามลีอาผุดลุกขึ้นยืนต่อว่าเจ้าชายหนุ่มฉอดๆ

ทำให้เจ้าชายอิสมินกริ้วโกรธยิ่งนัก ขบฟันแน่น ก้าวเท้าพรวดเดียวก็ประชิดตัวหญิงสาวคว้าต้นแขนกลมกลึงบีบแน่นดั่งจะให้แหลกคามือ

“โอ้ย! ชั้นเจ็บนะ!”

“นี่! หยุดทั้งคู่นั้นแหละ! มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!? อิสมินปล่อยลีอาเดี๋ยวนี้!” เสียงห้าวจากลำโพงรีบห้ามทัพทันที  เมื่อเห็นว่าพระโอรสและหญิงสาวทะเลาะกันให้เห็นผ่านจอมอนิเตอร์ แม้จะยังไม่ทรงทราบว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพระโอรสกับหญิงสาวก็ตาม

“หึ!” เจ้าชายอิสมินปล่อยหญิงสาวทันทีแล้วสะบัดมืออย่างขยะแขยง

“ชิ!” ส่วนหญิงสาวก็ปัดต้นแขนบริเวณที่ถูกบีบด้วยกิริยาท่าทีว่ารังเกียจที่เจ้าชายหนุ่มมาถูกเนื้อต้องตัวพร้อมกับถอยห่างจากเจ้าชายหนุ่มไปหลายเมตร จ้องหน้าเจ้าชายอิสมินอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

กษัตริย์อัมมานเห็นทั้งคู่แยกจากกันแล้วจึงไล่เบี้ยเอากับหัวหน้าองครักษ์แทน เพราะขืนรอฟังจากคู่กรณีทั้งสองคงได้ทะเลาะกันตายก่อนที่เขาจะได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จนจบเป็นแน่ “ซาอิดเล่ามาซิว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

ซาอิดจึงรีบมายืนอยู่ตรงหน้าจอฯ  เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ทราบ “เอ่อ…คือว่าเมื่อคืนนี้ขณะที่เจ้าชายกำลังจะเสด็จออกจากร้านซีซ่า พวกเราเห็นคุณผู้หญิงท่านนี้กำลังจะถูกลักพาตัวตรงหน้าปากซอยข้างร้านซีซ่า เจ้าชายจึงช่วยเหลือไว้ครับ แต่เพราะไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงเป็นใคร อยู่ที่ไหน อีกอย่างคุณมิทซ์ก็เล่าให้ฟังว่าคุณผู้หญิงเป็นแขกของฝ่าบาทที่มารับประทานอาหารร่วมกับฝ่าบาทเมื่อค่ำวานนี้ครับ เจ้าชายจึงตัดสินใจพาคุณผู้หญิงท่านนี้กลับมาที่ประทับด้วยครับ พอคุณผู้หญิงฟื้นขึ้นมาจึงเข้าใจผิดว่าถูกเจ้าชายลักพาตัวมาครับ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ เจ้าชายช่วยคุณผู้หญิงเอาไว้ไม่ให้ถูกลักพาตัวต่างหากครับ”

“ได้ยินชัดรึยัง! ยัยผู้หญิงงี่เง่า! ฉันช่วยเธอไว้นะ จะขอบคุณซักคำก็ไม่มี แถมยังมาทำร้ายผู้มีพระคุณซะอีก ฉันล่ะสงสัยจริ๊ง…จริง  ผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอไอ้พวกโจรนั่นมันจะเอาไปทำไมนะ? อ้อ…ฉันรู้แล้ว! เธอต้องไปทำอะไรให้มันโกรธแค้นเอาแน่ๆ มันก็เลยกะจะเอาไปแล่เนื้อโยนให้หมากินล่ะมั้ง?” เจ้าชายอิสมินเยาะเย้ยถากถางหญิงสาวทันทีเมื่อซาอิดเล่าให้พระบิดาฟังจบแล้ว ทำให้หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าเจ้าชายหนุ่มพร้อมกับต่อว่าฉอดๆ อย่างไม่ยอมแพ้ “เชอะ! อย่างนายถ้าเอาไปแล่เนื้อโยนให้หมามันกินล่ะก็ ฉันว่าหมามันคงเมินแน่ๆ เพราะมันกลัวว่ากินเนื้อนายแล้วมันจะชักกะแด่กๆ ตายน่ะซิ หรือไม่ก็…มันคงกลัวว่า…”

“หยุ้ด! หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!” กษัตริย์อัมมานรีบห้ามทัพอีกรอบ ก่อนที่สงครามน้ำลายจะปะทุใหญ่โต ทำให้หญิงสาวชะงักไปยอมสงบปากสงบคำแต่ยังคงจ้องหน้าเจ้าชายหนุ่มเขม็ง “ฮึ!”

ส่วนเจ้าชายอิสมินก็จ้องหญิงสาวด้วยสายตาแบบเดียวกัน

กษัตริย์อัมมานรีบถามหญิงสาวทันที “ลีอาไหนว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านไงล่ะ? ทำไมถึงยังไปเถลไถลอยู่หน้าร้านซีซ่าได้อีกล่ะ?”

“ก็ลีอาลืมแหวนไว้ที่ร้านตอนกินข้าวกับอัมมานนี่เพคะ กว่าจะรู้ว่าลืมไว้ที่นั่นมันก็ดึกมากแล้ว ลีอาก็รีบกลับไปเอาน่ะซิเพคะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับชูมือขวาที่ไร้แหวนให้ดู กษัตริย์อัมมานจึงถามต่อ “แล้วลีอาจำหน้าพวกนั้นได้รึเปล่า? จะได้ให้หน่วยสืบสวนสเกทซ์ภาพคนร้ายให้”

“ลีอาจำไม่ได้เพคะ คือว่ามันมืดเพคะก็เลยเห็นหน้าไม่ชัด จำได้ว่าถูกผู้หญิงแก่ๆ อ้วนๆ ชนแล้วเขาก็เอาสเปรย์ฉีดใส่หน้า หลังจากนั้นลีอาก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในห้องนอนของอิสมินหน้าบูดแล้วเพคะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับชี้ไปที่เจ้าชายอิสมิน ทำให้เจ้าชายหนุ่มทรงดำริอยากจะตีมือน้อยๆ ข้างนั้นที่ช่างบังอาจมาชี้เขาอย่างไร้มารยาท หนอย! บังอาจนักนะ! กล้ามาชี้หน้าฉันอย่างนี้ได้ไงห๊า! มันน่าฟาดให้มือหักนักเชียว!

องค์อัมมานถามแกมตำหนิพระโอรสทันที “อิสมิน ห้องรับรองแขกก็มีตั้งมากมายทำไมต้องพาลีอาไปที่ห้องนอนของเจ้าด้วย?”

“เอ่อ…ลูก…เอ่อคือว่าลูก…ลูกไม่ขอตอบคำถามนี้ครับ ทูลลาครับ” เจ้าชายอิสมินทรงอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตัดบททูลลาพระบิดาไปดื้อๆ เสด็จออกจากห้องโถงโดยเร็ว ทำให้ทุกคนในห้องงงกันเป็นแถว “เอ่อ…”

ยกเว้นหญิงสาวที่จ้องเจ้าชายหนุ่มอย่างโกรธจัด “ฮึ!”

กษัตริย์อัมมานจึงถามหญิงสาวเสียงนุ่มนวล “ลีอา อิสมินมันทำอะไรเจ้าหรือเปล่า?”

หญิงสาวหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะตอบไม่เต็มเสียงนัก ทั้งๆ ที่อยากจะฟ้องแทบแย่ว่าเธอตื่นขึ้นมาในสภาพใด แต่ก็ตัดใจไม่พูดเพราะกลัวว่านางกำนัลอาวุโสผู้ดูแลเธอเมื่อคืนนี้นางนั้นจะถูกตำหนิเอาได้ “เอ่อ…ไม่ได้ทำอะไรเพคะ มีนางกำนัลคนหนึ่งคอยดูแลลีอาเป็นอย่างดีเพคะ”

“อย่างงั้นรึ งั้นก็แล้วไป” กษัตริย์อัมมานเอ่ยกับหญิงสาวแล้วจึงสั่งหัวหน้าองครักษ์ “ซาอิด! สืบหามาให้ได้ว่าโจรลักพาตัวพวกนั้นเป็นใคร แล้วรีบมารายงานฉันทันที”

“ครับฝ่าบาท” ซาอิดรีบรับคำสั่ง

กษัตริย์อัมมานจึงสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมดเพราะประสงค์จะสนทนากับหญิงสาวตามลำพัง “เอาล่ะ! ออกไปให้หมด ฉันจะคุยกับลีอา”

“เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

“ครับฝ่าบาท  กระหม่อมทูลลาครับ” ทุกคนรีบถวายความเคารพแล้วออกจากห้องโถงจนหมด เหลือเพียงหญิงสาวสนทนากับกษัตริย์อัมมานผ่านระบบวีดีโอคอลเพียงลำพัง

เมื่อพ้นห้องโถงออกมาเท่านั้นนางกำนัลสองนางก็ถูกท่านหัวหน้าองครักษ์ลากตัวไปสอบถามเกี่ยวกับหญิงสาวในห้องโถงทันที “ตามฉันมาทางนี้หน่อย ฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ใช่คนที่เค้าลือกันว่าเป็นคนที่องค์อัมมานทรงโทรหาทุกวันรึเปล่า?”

นางกำนัลทั้งสองมองหน้าองครักษ์ทั้งสามคนของเจ้าชายอิสมินก่อนจะตอบคำถามพร้อมกับส่ายหน้า “พวกดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ ว่าคุณลีอาเธอเป็นใคร? รู้แต่ว่าองค์อัมมานทรงมีพระบัญชาให้พวกเราคอยรับใช้เธอให้ดีอย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด หากคุณลีอาเธอต้องการสิ่งใดให้พวกเราจัดหาให้เธอทันที ส่วนจะใช่คนที่องค์อัมมานโทรหารึเปล่านั้น? อันนี้พวกเราก็คิดๆ ว่าน่าจะใช่เจ้าค่ะ เพราะว่าพวกเราเห็นองค์อัมมานเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใยคุณลีอามากๆ เจ้าค่ะ  มากอย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

ซาอิดได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไป

ราอูลจึงสอบถามนางกำนัลทั้งสองนางต่อ “แล้วคุณผู้หญิงท่านนั้นมาที่นี่บ่อยไหม?”

“คุณลีอาเธอพึ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็เมื่อวานนี้ตอนบ่ายเจ้าค่ะ มาเข้าเฝ้าองค์อัมมานไม่นานแล้วเธอก็กลับไปเจ้าค่ะ หลังจากนั้นองค์อัมมานก็มีรับสั่งให้พวกเราคอยรับใช้เธอเวลาเธอมาที่นี่ ท่านอนุญาตให้เธอเข้านอกออกในได้ทุกแห่งไม่เว้นแม้แต่ห้องนอนแม้แต่เวลาที่ท่านไม่ได้ประทับอยู่ที่นี่ก็ตาม ข้อนี้แหละเจ้าค่ะที่ทำให้พวกดิฉันคิดว่าคุณลีอาน่าจะเป็นคนที่องค์อัมมานโทรหาทุกวันเจ้าค่ะ แถมยังทรงสั่งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องแต่งตัวของผู้หญิงจากห้องเสื้อต่างๆ ด้วยพระองค์เองอีกต่างหาก แม้แต่ชุดชั้นในก็ยังสั่งให้ด้วยเลยเจ้าค่ะ ท่านสั่งว่าเอาไว้ให้คุณลีอาใช้เวลาเธอมาที่นี่ พวกเรางี้งงกันหมดเลยเจ้าค่ะ แล้วพอเมื่อเช้าคุณลีอาเธอก็มาเจ้าค่ะ แต่มาแบบใส่เสื้อนอนตัวเดียวมานะเจ้าค่ะ พวกดิฉันล่ะอึ้งไปเลย พอมาถึงเธอก็ถามแค่ว่าห้องจัสมินอยู่ที่ไหน พอคุณลีอาเข้าไปในห้องจัสมินแล้วเธอก็อาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วก็ออกมาเปิดคอมพิวเตอร์แชทกับองค์อัมมานก่อนที่เจ้าชายอิสมินจะเสด็จมานิดเดียวเองเจ้าค่ะ องค์อัมมานต้องบอกเธอไว้แล้วล่ะเจ้าค่ะว่าสั่งให้จัดห้องจัสมินไว้ให้เธอโดยเฉพาะเจ้าค่ะ แหมแต่ถึงขนาดองค์อัมมานทราบไซส์ชุดชั้นในของคุณลีอาเป๊ะๆ ขนาดนี้ ท่านทั้งสามก็คิดเอาเองเถอะเจ้าค่ะว่าคุณลีอาควรจะอยู่ในฐานะใด? มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับองค์อัมมานขนาดไหน?”

คำบอกเล่าจากปากนางกำนัลทำให้องครักษ์ทั้งสามนิ่งอึ้งไปเลย นางกำนัลเห็นองครักษ์ทั้งสามเงียบสนิทไม่พูดไม่จาจึงขอตัวไปทำงานต่อ “หากพวกท่านไม่มีอะไรแล้วพวกดิฉันก็ขอตัวไปทำงานก่อนนะเจ้าคะ”

ทั้งสองนางเอ่ยเสร็จก็พากันเดินจากไป  ทิ้งให้องครักษ์ทั้งสามมองตากันปริบๆ  ยืนนิ่งเป็นเสาหินอยู่ตรงนั้น

มาลิกเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ “แล้วนี่มันจะเป็นยังไงต่อล่ะท่านซาอิด? ท่านก็รู้นิสัยเจ้าชายดีว่าหวงองค์อัมมานขนาดจงอางหวงไข่ยังชิดซ้ายไปเลย กระผมล่ะไม่อยากจะคิดถึงเล้ย!”

“ก็ไม่ต้องคิดให้มันปวดขมองเลยมาลิก ราอูล เจ้าชายอิสมินต้องทำทุกวิธีทางที่จะทำให้คุณผู้หญิงคนนั้นกระเด็นออกจากชีวิตองค์อัมมานแน่ๆ คอยดูกันต่อไปซิ เอ้า! ไปกันได้แล้ว พวกเจ้าสองคนไปรายงานเจ้าชายตามที่นางกำนัลเล่าให้ฟังอย่าให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่ข้อความเดียวล่ะ ส่วนฉันจะรีบไปทำตามคำสั่งขององค์อัมมานที่ให้สืบเรื่องโจรพวกนั้น” ซาอิดสั่งความลูกน้อง

ทำให้ราอูลรีบตอบแข็งขันพร้อมกับโชว์โทรศัพท์มือถือสุดไฮเทคในมือให้ดู “ท่านซาอิดไม่ต้องห่วงขอรับ ทุกคำไม่มีตกหล่นอัดไว้หมดแล้วครับกระผม”

ซาอิดยิ้มให้กับความทะเล้นของลูกน้องที่ช่างรอบคอบสมกับที่ได้อบรมสั่งสอนกันมา แล้วองครักษ์ทั้งสามก็แยกย้ายกันไปทันที

เจ้าชายอิสมินหลังจากเสด็จออกจากห้องโถงที่ประทับของพระบิดาก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอนของเขา พร้อมกับมีคำสั่งให้นางกำนัลซึ่งกำลังทำความสะอาดห้องออกไปจนหมด “พวกคุณออกไปให้หมด”

“เพคะฝ่าบาท” เหล่านางกำนัลถวายความเคารพแล้วก็ออกจากห้องนอนพร้อมกับปิดบานประตูห้องนอนให้เรียบร้อย

เจ้าชายอิสมินนั่งบนเตียงนอน  เงยหน้าจ้องมองเพดานห้องนอนด้วยสายตาดุดันพร้อมกับต่อว่าหญิงสาวฝากลมฝากแล้ง “หนอย! ช่างฟ้องจริงนะ อยากให้เสด็จพ่อด่าฉันล่ะซิท่ายัยผู้หญิงปากเสีย! คอยดูเถอะ! ฉันจะทำให้เธอกระเด็นออกจากชีวิตเสด็จพ่อไปไกลๆ เล้ย!”

ก็อก! ก็อก! ก็อก! เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับเสียงขององครักษ์คนสนิท “ฝ่าบาทครับ ผมมาลิกกับราอูลขอเข้าเฝ้าครับ”

“เข้ามาได้” เจ้าชายอิสมินสั่งแล้วลุกจากเตียงนอนก้าวไปนั่งบนโซฟานุ่มข้างหน้าต่าง สั่งพร้อมกับมององครักษ์คนสนิททั้งสอง “ได้เรื่องอะไรมาก็รีบๆ พูดมา”

“ผมว่าฟังคำบอกเล่าของนางกำนัลเองดีกว่าครับ” ราอูลไม่รอช้ารีบเปิดไฟล์บันทึกเสียงของนางกำนัลจากโทรศัพท์มือถือให้ฟังโดยเร็ว

ระหว่างที่เจ้าชายอิสมินฟังคำบอกเล่าของนางกำนัลก็ขบฟันแน่น “ฮึ่ม!”

จนกระทั่งฟังจนจบก็ตบมือลงบนเท้าแขนโซฟาทำให้องครักษ์ทั้งสองสะดุ้งสุดตัวแม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องกริ้วมากแน่ๆ

“หนอย! นี่ถึงขนาดที่เสด็จพ่ออนุญาตให้ยัยนั่นใช้ที่ประทับของท่านได้ตามสบายเลยงั้นรึ! หนำซ้ำยังสั่งให้จัดห้องไว้ให้เธออยู่อีกด้วย  แล้วยังซื้อเสื้อผ้าประทานให้เธออีกต่างหาก แม้แต่ชุดชั้นในยังซื้อมาประทานให้เธอใส่ โธ่โว้ย! มันจะมากไปแล้วนะ! ไม่มีปัญญาซื้อใส่เองรึไงห๊ายัยผู้หญิงหน้าด้าน! ถึงต้องให้เสด็จพ่อซื้อให้ใส่น่ะ!” เจ้าชายอิสมินตะโกนเสียงดังแหงนหน้ามองเพดานห้องนอนต่อว่าหญิงสาวฝากลมฝากแล้ง แล้วก็หันมาสั่งกับองครักษ์ทั้งสองทันที “คุณสองคนให้ลูกน้องตามดูยัยผู้หญิงนี่เอาไว้ให้ดี ไปที่ไหน ทำอะไรมั่ง แล้วคอยรายงานฉันทุกระยะ สืบเรื่องของยัยนี่มาให้ละเอียดยิบ แต่อย่าให้รู้ตัวเป็นอันขาดล่ะ”

“ครับฝ่าบาท” มาลิกรับคำสั่งแล้วก็โทรสั่งความกับลูกน้องทันที

เจ้าชายอิสมินบ่นพึมพำกับตัวเองเองเมื่อคิดได้ว่าลืมถามเรื่องของหญิงสาวนางนั้นกับพระบิดาเสียสนิท “โธ่เอ้ย! ไม่น่าเล้ย! ลืมถามเสด็จพ่อไปเลยว่ายัยผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เป็นอะไรกับเสด็จพ่อ มัวแต่โกรธยัยนั่นจนลืมถามไปเลย ไม่น่าลืมเลย เฮ้อ…”

บ่นเสร็จแล้วก็หันไปถามราอูลถึงพระราชกรณียกิจที่ต้องทำในวันนี้ว่ามีอะไรบ้าง “เอาล่ะวันนี้ฉันต้องทำอะไรที่ไหนมั่ง?”

ราอูลเปิดตารางนัดหมายพร้อมกับทูลรายงานให้ทรงทราบ

ทำให้เจ้าชายอิสมินทรงปัดเรื่องของหญิงสาวออกจากสมองชั่วคราวแล้วหันมาใส่ใจกับพระราชกรณียกิจที่มีมากมาย

ณ ไนท์คลับสุดหรูแห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก

มุมหนึ่งของไนต์คลับเจ้าชายอิสมินนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าผองเพื่อน มีหญิงงามนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่ในอ้อมแขนทั้งสองข้าง ซึ่งเพื่อนก็ไม่น้อยหน้า  ต่างก็มีหญิงงามคอยปรนนิบัติกันทั้งนั้น

องครักษ์ของเจ้าชายอิสมินและบรรดาผู้ติดตามของผองเพื่อนยืนดูแลรักษาความปลอดภัยไม่ห่าง

เสียงพูดคุยสนทนาและเสียงหัวเราะดังเป็นระยะ ยิ่งเรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องตลกเสียงหัวเราะยิ่งดังสนั่นกว่าเดิม

จนกระทั่งหนึ่งคนในกลุ่มชี้ให้ดูนักท่องราตรีชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเพึ่งเดินเข้ามาภายในไนท์คลับ “เฮ้ย ดูผู้ชายคนนั้นซิ! ใช่อเล็กซ์รึเปล่า? เสื้อยืดสีเขียวๆ หัวทองๆ นั่นน่ะ น่าจะใช่อเล็กซ์นะ”

“ไหนๆ? อ้อ…กับผู้หญิงผมยาวๆ นั่นใช่ป่ะ?”

ทุกคนในกลุ่มต่างหันไปมองชายหญิงคู่นั้นทันที

“เออใช่อเล็กซ์จริงๆ ด้วย  เฮ้ย! น้ำต้องท่วมโลกแน่ๆ เลยวุ้ย!  อเล็กซ์ควงหญิงมาด้วย!”

“โอ้…มายก็อด! ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันควงหญิงเลยโว้ย แม่สาวคนนั้นเป็นใครกันหว่า? ช่วยๆ กันดูหน่อยดิ เคยเห็นหน้ารึเปล่า?”

สายตาของคนทั้งกลุ่มเพ่งมองผ่านแสงสีวิบวับจับจ้องไปที่หญิงสาวร่างบางผมสีบรอนซ์ยาวในชุดเดรสสั้นสีส้มอ่อนข้างชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงหกฟุตเศษนามอเล็กซ์ที่เพื่อนๆ เรียกขาน ผู้มีใบหน้ารูปไข่สวยหวานดั่งหญิงงาม คิ้วหนาเข้มเน้นดวงตาสีเขียวมรกต จมูกโด่งปลายเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงสด ผิวขาวผ่อง ผมยาวสีทองประบ่าสะบัดปลายเล็กน้อย ส่งให้ชายหนุ่มงดงามดั่งเทวดา

เมื่อได้เห็นใบหน้าหญิงสาวข้างชายหนุ่มรูปงามชัดถนัดตาเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังระงมทันที “โห…โคตะระสวยเลยโว้ย! นางฟ้าตกจากสวรรค์รึเปล่าวะ?”

“มิสเวิล์ดปีนี้อ่ะเปล่า? อ่ะ! นั่นอเล็กซ์กะแม่สาวคนนั้นกำลังเดินมาทางนี้แล้วโว้ย”

ขณะที่เพื่อนๆ ทั้งกลุ่มกำลังสนใจหญิงสาวข้างกายชายหนุ่มรูปงามกันทั้งกลุ่มแต่เจ้าชายอิสมินกลับเงียบไปเฉยๆไม่พูดอะไรเลย ดื่มเหล้าและเครื่องว่างที่หญิงงามสองนางช่วยกันป้อนให้ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รู้สึกผิดสังเกตจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เฮ้ย…อิสมินเป็นไรวะ? ไม่พูดไม่จาเลยนั่งเงียบเป็นสากกะเบือตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เป็นไรรึเปล่า?”

“เปล่านี่ ปกติดี เอ้า ป้อนต่อซิจ๊ะคนสวย” เจ้าชายอิสมินปฏิเสธแล้วอ้าปากกินเครื่องว่างต่อ แต่ในใจก่นด่าหญิงสาวข้างกายเพื่อนนามอเล็กซ์เป็นกระบุงโกย ชิช่ะ! เมื่อวานนี้ยังกินข้าวกับเสด็จพ่ออยู่แท้ๆ พอเสด็จพ่อเสด็จกลับเอจาแล้วก็รีบแจ้นหาเหยื่อรายใหม่เลยนะ! ยัยผู้หญิงโสโครก! น่ารังเกียจสิ้นดี! ระริกระรี้จริงนะผ่านผู้ชายมากี่พันกี่หมื่นคนแล้วล่ะ!?

“เฮ้ย อเล็กซ์ลมอะไรหอบแกมาถึงนิวยอร์กได้ล่ะ?”

“สวัสดีอเล็กซ์ นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอหน้าแก สบายดีรึป่ะ? นั่งคุยกันก่อนซิ”

“อเล็กซ์แนะนำน้องสาวคนสวยที่มากะแกให้พวกเรารู้จักหน่อยดิ”

“อเล็กซ์หุ้นบริษัทไหนกำลังร่วงมั่งฟะ? จะได้รีบช้อนซื้อเอามาเก็งกำไรเล่น”

เสียงถามเซ็งแซ่ดังเป็นชุดแข่งกับเสียงเพลงตะโกนถามชายหนุ่มรูปงามนามอเล็กซ์มาแต่ไกล

จนอเล็กซ์หรือเจ้าชายอเล็กซ์ซิส เซซาเลย์ องค์รัชทายาทจากประเทศกรีเซอเนียเสด็จมาถึงโต๊ะที่เพื่อนร่วมรุ่นจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียนั่งชุมนุมสังสรรค์กันอยู่ เขาทักทายกับบรรดาเพื่อนๆ “สวัสดีทุกคน สบายดีกันรึเปล่า?”

“สบายดี” ทุกเสียงตอบพร้อมเพรียงแต่ตาจับจ้องหญิงสาวข้างกายเจ้าชายอเล็กซิสกันเป็นแถว “อะฮึ่มๆ”

จนเจ้าชายอเล็กซิสต้องรีบแนะนำตัวหญิงสาวให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก “อะแฮ่มๆ ทุกท่านขอรับ กระผมขอแนะนำให้รู้จักกับมิสลีอา มิยาโบวิทซ์สุดที่รักของกระผมเองขอรับ”

เขาโอบเอวหญิงสาวข้างกายดั่งจะประกาศให้รู้ว่า ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ แล้วหันไปแนะนำให้หญิงสาวได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของเขาด้วยเสียงอ่อนโยนหวานจ๋อย “ลีอาจ๋ารู้จักกับเพื่อนๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยโคลัมเบียของอเล็กซ์ไว้ซิจ๊ะ จำหน้าเอาไว้ให้แม่นๆ นะลีอา เห็นที่ไหนจะได้เผ่นไปให้ไกลๆ พวกมันหลายพันไมล์ยิ่งดีนะจ๊ะ เพราะไอ้พวกนี้มันเสือผู้หญิงไว้ใจไม่ได้นะจ๊ะ”

“อ้าว…อเล็กซ์ไหงปากเสียแต่หัวค่ำเลยล่ะ?”

“เฮ้ย…พูดงี้มาต่อยกันเลยดีกว่ามั้งอเล็กซ์?”

บรรดาเพื่อนๆ ร่วมรุ่นต่างพากันชูกำปั้นให้เจ้าชายอเล็กซิสกันเป็นแถว แถมค้อนปะหลับปะเหลือกกันตาคว่ำ “หนอย!”

“ฮ่าๆๆๆ…” เจ้าชายอเล็กซิสหัวเราะร่าเริง พลอยทำให้หญิงสาวหัวเราะไปด้วย “คริๆๆๆ…”

มีเพียงเจ้าชายอิสมินเพียงคนเดียวที่นิ่งเงียบ ยักคิ้วทักทายเจ้าชายอเล็กซิสทีนึงแล้วก็หันไปสนใจกินเครื่องว่างต่อ พร้อมกับโอบสองสาวงามข้างกายให้แนบชิดยิ่งขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version