Skip to content

เล่ห์ลีอา 9

Chapter 9 กลับเอจา

“เขายืนยันว่าเจ้าหญิงแห่งลัตเวเนียดีไซน์ชุดนี้เพื่อถวายเป็นของขวัญให้กับว่าที่เจ้าสาวในพิธีอภิเษกสมรสของเสด็จพ่อครับ เสด็จพ่อจะอภิเษกกับใครครับ? ทำไมไม่บอกลูกซักคำ? ปล่อยให้ลูกรู้จากคนอื่นอย่างนี้ได้ยังไงครับ? เสด็จพ่อปิดบังลูกทำไมครับ?” เจ้าชายอิสมินอธิบายพร้อมกับถามพระบิดาอีกครั้ง

“พ่อคิดว่าเจ้าน่าจะกลับมาเอจาก่อนนะ เรื่องแบบนี้คุยกันทางโทรศัพท์มันไม่สะดวก แล้วพ่อจะรอเจ้านะ” กษัตริย์อัมมานบอกกับพระโอรสแล้วก็ตัดสายปิดเครื่องทันที พร้อมกับสั่งเรียกนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกทันที “ใครอยู่ข้างนอก เข้ามานี่เร็วๆ”

“เพคะ” เมื่อนางกำนัลเวรที่อยู่หน้าห้องนอนเข้ามาแล้ว กษัตริย์อัมมานก็สั่งกับนางกำนัลทันที “หากมีโทรศัพท์จากเจ้าชายอิสมิน บอกเขาว่าฉันนอนแล้ว ค่อยคุยกันเมื่อกลับมา ไปได้แล้ว”

“เพคะ” นางกำนัลรับคำสั่ง

กษัตริย์อัมมานสั่งเสร็จแล้วยกหูโทรศัพท์เครื่องที่อยู่ในห้องนอนออกแล้วก็เอนตัวนอนต่อทันทีไม่สนใจเลยซักนิดว่าจะทำให้พระโอรสหงุดหงิดใจเพียงไร เขารู้ดีถึงอารมณ์ของพระโอรสได้เป็นอย่างดีว่ายามนี้คงได้อาละวาดฟาดหัวฟาดหางอยู่เป็นแน่ แล้วก็คิดถึงว่าที่เจ้าสาวของเขาเองอย่างนึกขัน “หึๆๆ ร้ายจริงนะเซียน่า หาวิธีรวบรัดตัดความทำให้อิสมินมันคัดค้านเรื่องแต่งงานของเราไม่ได้ ยอดเยี่ยมจริงๆ นะจ๊ะที่รักจ๋า…”

นางกำนัลค่อยๆ ออกจากห้องไปรอรับโทรศัพท์ตามคำสั่งทันที ยังไม่ทันพ้นห้องนอนเสียงโทรศัพท์หน้าห้องนอนก็ดังขึ้นมา นางกำนัลนางนั้นจึงรีบออกจากห้องนอนไปรับสายทันที “สวัสดีค่ะ พระราชวังเอจาอัลลาค่ะ”

“เสด็จพ่อล่ะ?” เสียงห้าวเกรี้ยวกราดของเจ้าชายอิสมินดังมาตามสาย จนนางกำนัลผู้รับสายต้องรีบเอาหูโทรศัพท์ออกห่างนิดหนึ่งก่อนที่หูจะหนวกซะก่อน แล้วจึงกราบทูลเจ้าชายอิสมินตามคำสั่งขององค์อัมมาน “องค์อัมมานนอนแล้วเพคะ มีรับสั่งให้กราบทูลเจ้าชายว่า ‘ค่อยคุยกันเมื่อกลับมา’ เพคะ”

“โธ่โว้ย!” เจ้าชายอิสมินได้ยินเช่นนั้นก็ขว้างโทรศัทพ์ในมือลงกับพื้นระบายอารมณ์เสียงดังเปรี้ยง!

จนโทรศัพท์เครื่องน้อยแตกละเอียดกระจัดกระจาย

นางกำนัลผู้รับสายได้ยินเจ้าชายอิสมินสบถก่อนจะมีเสียงดังจนแก้วหูแทบแตกแล้วสายก็ตัดไปจึงค่อยๆ เธอวางโทรศัพท์ลงกับแป้นแล้วบ่นพึมพำอย่างคาดเดาอนาคตอันใกล้นี้ได้แม่นยำ “เฮ้อ…พายุเกิดแน่ๆ”

เจ้าชายอิสมินหงุดหงิดยิ่งนัก อาละวาดจนข้าวของที่อยู่ในห้องแตกกระจายเกลื่อนพื้น สร้างความหวาดกลัวให้เหล่านางกำนัลกลัวหัวหดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ได้แต่ยืนแอบดูอยู่ห่างๆ  มีเพียงนางกำนัลอาวุโสเท่านั้นที่ยืนแอบอยู่หน้าห้องปากก็ตะโกนแข่งกับเสียงของแตกเตือนของเจ้าชายหนุ่ม “ฝ่าบาทเพคะ! สงบสติก่อนเพคะ ใจเย็นๆ ก่อนนะเพคะ”

“เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!…”

“อย่าเข้ามานะซารีฟ!  ยืนอยู่ห่างๆ นั่นแหละดีแล้วจะได้ไม่โดนลูกหลง” เจ้าชายอิสมินสั่งห้ามข้ารับใช้เก่าแก่ แต่ก็ยังไม่หยุดอาละวาด “เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!…”

นางกำนัลอาวุโสใจชื้นขึ้นนิดหนึ่งที่อย่างน้อยเจ้าชายอิสมินก็ยังไม่สติแตกเกินไปนัก ยังห่วงกลัวว่าข้ารับใช้จะถูกลูกหลง จึงยืนดูเจ้าชายหนุ่มอยู่ห่างๆ  ปล่อยให้อาละวาดให้พอใจ

จนครู่ใหญ่เจ้าชายอิสมินก็หยุดอาละวาด พร้อมกับมีคำสั่งกับหัวหน้าองครักษ์ซึ่งยืนใกล้ๆ กับนางกำนัลอาวุโส “ซาอิด ยกเลิกนัดหมายทั้งหมด ผมจะกลับเอจาเดี๋ยวนี้”

“แต่ว่า…” ท่านหัวหน้าองครักษ์จะแย้งแต่เมื่อเจอเจ้าชายอิสมินมองมาด้วยสายตาดุดันน่ากลัวทำให้ซาอิดถึงกับกลืนน้ำลายเสียวสันหลังวาบไม่กล้าเอ่ยคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น

“ครับ” ซาอิดรับคำสั่งแล้วจึงรีบไปสั่งการตามความประสงค์ของเจ้าชายอิสมินทันที

เหล่านางกำนัลก็รีบเข้าไปเก็บกวาดข้าวของที่แตกกระจายตามคำสั่งของนางกำนัลอาวุโสซารีฟกันอย่างว่องไว

ส่วนพวกองครักษ์ก็รีบจัดเตรียมการเดินทางเสด็จกลับเอจาให้ทันใจเจ้าชายหนุ่ม

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เครื่องบินส่วนตัวของเจ้าชายอิสมินก็ทะยานออกจากสนามบินมหานครนิวยอร์ก ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทันใจของเจ้าชายหนุ่มแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาจึงบึ้งตึงยิ่งนัก

หลังเครื่องบินส่วนตัวของเจ้าชายอิสมินเทคออฟไปแล้ว ก็มีเครื่องบินส่วนตัวอีกลำหนึ่งเทคออฟออกจากสนามบินมหานครนิวยอร์กไปในเวลาไล่เลี่ยกันโดยมีผู้โดยสารสาวสวยเพียงคนเดียวนั่งอยู่ในห้องโดยสารส่วนหัวเครื่องบิน เธอมองแสงไฟของมหานครใหญ่ผ่านหน้าต่างเครื่องบินที่ค่อยๆ เล็กลงๆ จนลับตา และหากมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินดีๆ จะสังเกตเห็นเครื่องบินรบราวห้าลำบินแวดล้อมไปกับตัวเครื่องบินด้วย เพื่อคอยคุ้มครองไม่ให้มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับผู้โดยสารคนสำคัญได้

หญิงสาวละสายตาจากด้านนอกหน้าต่างแล้วปรับเบาะเก้าอี้ตัวใหญ่จนกลายเป็นเตียงนอนแล้วดึงผ้าห่มขนแกะหนานุ่มขึ้นคลุมตัวนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ โดยมีผู้ติดตามอีกโขยงใหญ่ซึ่งเป็นชายล้วนแค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี นั่งรวมกันอยู่ในห้องโดยสารถัดจากห้องของเธออยู่บริเวณตรงกลางและส่วนท้ายของตัวเครื่อง ถึงแม้พวกเขาจะส่งเสียงดังกันขนาดไหนก็ไม่สามารถรบกวนเธอได้เลย เพราะเครื่องบินลำนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้ผู้โดยสารคนสำคัญได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด

ณ พระราชวังเอจาอัลลา ในเช้าวันนี้ทั่วทั้งวังต่างโกลาหลกับการจัดเตรียมพระราชพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระประมุขที่มีคำสั่งสายฟ้าแลบลงมาเมื่อตอนบ่ายวานนี้ และในตอนเช้าตรู่กษัตริย์อัมมานยังมีคำสั่งให้จัดเตรียมห้องรับรองแขกส่วนตัวที่จะมาถึงในตอนบ่ายวันนี้ให้เรียบร้อย รวมถึงการรอรับเจ้าชายอิสมินที่กำลังจะมาถึงในตอนบ่ายของวันนี้อีกด้วย ซึ่งทำให้เหล่าข้าราชบริพารพากันรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน  เพราะแลเห็นพายุทอนาโดก่อตัวมาแต่ไกล รับรองว่าเครื่องบินส่วนตัวของเจ้าชายอิสมินแลนดิ้งเมื่อไหร่เป็นได้ถูกพายุกันถ้วนหน้าเป็นแน่ เหอๆๆๆ…

นาฬิกาเรือนใหญ่บอกเวลาบ่าย 2 เศษตามเวลาท้องถิ่นประเทศเอจา เครื่องบินส่วนตัวของเจ้าชายอิสมินก็ลงจอด ณ สนามบินนานาชาติเอจา แล้วก็เป็นจริงดังที่บรรดาข้าราชบริพารคาดการณ์กันเอาไว้ เพราะทันทีที่เครื่องบินส่วนตัวของเจ้าชายอิสมินจอดเรียบร้อยประตูเครื่องบินก็เปิดออก ตามมาด้วยพายุทอนาโดลูกใหญ่ที่พัดกระหน่ำใส่กษัตริย์อัมมานที่ยืนรออยู่หน้าเกททันที เจ้าชายอิสมินทำความเคารพพระบิดาเป็นปกติแต่เสียงที่เอ่ยนั้นห้วนสนิทแกมน้อยใจ “ถวายบังคมครับเสด็จพ่อ”

“การเดินทางราบรื่นดีรึเปล่าอิสมิน?”

“เสด็จพ่อไม่ต้องห่วงลูกหรอกครับ เก็บความห่วงใยของเสด็จพ่อไว้ให้ว่าที่ราชินีของเสด็จพ่อเถอะครับ” คำประชดประชันของพระโอรส ทำให้กษัตริย์อัมมาน อัลลา ซาลาฮาดีน พระประมุขผู้ปกครองประเทศเอจาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “เฮ้อ…เมื่อไหร่จะโตซักทีนะอิสมิน เอาเถอะๆ เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ เจ้าก็กลับวังไปพักผ่อนซะก่อนเถอะ เดี๋ยวพ่อต้องอยู่ที่สนามบินรอรับลีอาก่อน อีกยี่สิบนาทีเครื่องก็จะแลนดิ้งแล้ว”

เจ้าชายอิสมินหันขวับไปจ้องพระบิดาทันที “เสด็จพ่อรอรับใครนะครับ?  ลูกได้ยินไม่ถนัด”

“รอรับลีอา” กษัตริย์อัมมานตอบแล้วก็มองพระโอรสว่าจะมีปฏิกริยาเช่นไรบ้าง แล้วก็ไม่ผิดจากที่คาดเดาเลยซักนิด เพราะพระโอรสของเขาสะบัดหน้าพรึ่ด ก้าวเดินตึงๆ ไปทันทีทันใด กษัตริย์อัมมานจึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความกลุ้มใจ

“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจออกมาแล้วก้าวไปยังห้องรับรอง นั่งบนเก้าอี้เอนตัวพิงพนักอย่างเหนื่อยล้าใจ มองดูนาฬิกา รอเวลาแลนดิ้งของผู้เป็นหลานสาวของว่าที่เจ้าสาวของตนเอง แม้นางกำนัลจะนำเครื่องดื่มมาถวายแต่เขาก็ไม่ได้สนใจเอาแต่ทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม ทำให้เหล่านางกำนัลพากันทุกข์ใจตามพระประมุขไปด้วย “เฮ้อ…”

ก็กษัตริย์อัมมาน อัลลา ซาลาฮาดีน พระประมุขผู้ปกครองเอจาของพวกหล่อน ถึงแม้จะมีอายุ 62 ปีแล้ว  แต่ร่างกายสูงใหญ่ยังคงแข็งแรงไม่ได้ร่วงโรยตามอายุเลย  ยังแข็งแรงบึกบึนมากกว่าหนุ่มๆ หลายๆ คนในวังซะอีก เขามารอรับกลับมาของพระโอรสตามที่องครักษ์ของเจ้าชายอิสมินได้แจ้งการเสด็จกลับของเจ้าชายมาล่วงหน้า แต่ก็ถูกพระโอรสตั้งแง่ตั้งงอนเข้าใส่ทันทีซึ่งสาเหตุก็เพราะพระบิดาจะทรงอภิเษกสมรสใหม่ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าพระบิดามิได้มารอรับแต่เขาเท่านั้น ยังมารอรับแขกส่วนตัวที่กำลังจะเดินทางมาถึง ก็ยิ่งงอนหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้องค์อัมมานกลัดกลุ้มใจได้อย่างไรกัน “เฮ้อ…”

จนกระทั่งถึงเวลาแลนดิ้งของเครื่องบินอีกลำ กษัตริย์อัมมานก็ไปรออยู่หน้าเกทเลยทีเดียว ทันทีที่เครื่องบินจอดเทียบท่าเรียบร้อย  เรือนร่างบางในชุดสูทสีขาวก็วิ่งโถมเข้าใส่กษัตริย์อัมมานทันที “อัมมานนนนนน!”

“ลีอา! เบาๆ หน่อย เราไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ แล้วนะ” แม้จะดุแต่กษัตริย์อัมมานก็อ้าแขนรับเรือนร่างบางที่โถมเข้ามาพร้อมกับประทับจุมพิตรับขวัญลงบนหน้าผากเนียน ทำให้หญิงสาวเขย่งปลายเท้าขึ้นนิดยื่นหน้าหอมแก้มทั้งสองข้างของว่าที่น้าเขยฟอดใหญ่ก่อนจะผละออกมาย่อตัวถวายความเคารพอย่างเป็นพิธีการ “ถวายบังคมเพคะเสด็จลุง”

“ขอต้อนรับสู่ประเทศเอจา แล้วนี่อเล็กซ์ไม่มาด้วยเหรอ?” กษัตริย์อัมมานถามถึงเจ้าชายอเล็กซิสทันทีเมื่อมองเห็นแต่หญิงสาวเพียงผู้เดียว ทำให้เจ้าหล่อนรีบตอบคำถามเสียงใส “อเล็กซ์ต้องกลับไปกรีเซอเนียก่อนเพคะ แล้วจะมาที่นี่ใกล้ๆ วันงานพิธีเพคะ”

“อย่างงั้นรึ  นึกว่าจะมาพร้อมกันซะอีก เสียดายจังฉันกะว่าจะพาไปเที่ยวชมเอจาให้ทั่วๆ ซักหน่อย งั้นพาลีอาไปเที่ยวก่อนก็แล้วกัน  ส่วนอเล็กซ์ไว้มาแล้วค่อยให้อิสมินพาไปเที่ยวก็แล้วกัน เอ้า! เราก็กลับวังกันเถอะ ลีอามาถึงเหนื่อยๆ จะได้อาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อน แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะได้มาร่วมงานเลี้ยง”

แค่ได้ยินคำว่า ‘งานเลี้ยง’ ทำให้คนเกลียดงานเลี้ยงทำจมูกย่นทันที กำลังจะอ้าปากปฏิเสธจนกษัตริย์อัมมานต้องรีบบอกทันควัน “อ่ะ! อ่ะ! ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นหรอก แค่งานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้เอิกเกริกใหญ่โตอะไร เป็นงานเลี้ยงต้อนรับของลีอานั่นแหละแล้วก็เป็นงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของอิสมินด้วย”

“ลีอาไม่ไปร่วมได้ป่ะ?” คนเกลียดงานเลี้ยงต่อรอง ทำให้กษัตริย์อัมมานดุเจ้าหล่อนพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธคำต่อรอง “งานนี้เป็นงานของลีอานะ! จะไม่ไปร่วมงานได้ยังไง! ยังไงๆ ก็ต้องไปร่วมงานไม่มีข้อแม้ ข้ออ้างอะไรทั้งสิ้น เข้าใจ๋?”

“เพคะ” คนเกลียดงานเลี้ยงจึงจำใจรับคำอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงทำให้กษัตริย์อัมมานยิ้มแล้วจึงจูงมือคนหน้างอไปยังรถยนต์เพื่อเสด็จกลับพระราชวังเอจาอัลลา เหล่านางกำนัลและทหารรักษาพระองค์จึงรีบตามเสด็จกันเป็นพรวน

เมื่อไปถึงรถยนต์ซึ่งจอดรออยู่ มีรถนำขบวนและรถปิดท้ายขบวนจอดรออยู่หลายคัน กษัตริย์อัมมานก็เห็นพระโอรสยืนรออยู่ เขาจึงถามพระโอรสด้วยคาดว่าพระโอรสเสด็จกลับวังอัลบายา*ไปแล้ว “อ้าว! ยังไม่กลับวังอีกรึ? พ่อคิดว่าเจ้ากลับไปแล้วซะอีก”

*(วังอัลบายาของเจ้าชายอิสมิน อัลลา ซาลาฮาดีน อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวงเอจา ห่างจากพระราชวังเอจาอัลลาประมาณยี่สิบไมล์)

เจ้าชายอิสมินมองพระบิดาแล้วเลยไปยังเรือนร่างบางงดงามที่เดินเคียงข้างมากับพระบิดา สายตาสะดุดหยุดลงที่มือของพระบิดาและมือของหญิงสาวที่เกาะกุมกันกันเอาไว้อย่างสนิทสนมยิ่งทำให้เจ้าชายหนุ่มไม่พอใจมากยิ่งขึ้น หึ!

ส่วนหญิงสาวเมื่อมองเห็นเจ้าชายอิสมินก็ย่อตัวถวายความเคารพอย่างงดงาม “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”

เจ้าชายอิสมินมองใบหน้างดงามด้วยความหมั่นไส้ ตอบเสียงราบเรียบแต่สายตาดุดันยิ่งนัก “สวัสดี”

กษัตริย์อัมมานจึงแนะนำตัวหญิงสาวกับพระโอรส “อิสมินนี่มิสลีอา มิยาโบวิทซ์ เธอกำลังจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา ทำความรู้จักกันไว้ซะซิ”

“เสด็จพ่อหมายความว่ายังไงครับ?” เจ้าชายอิสมินถามพระบิดาแกมคาดคั้น

ซึ่งกษัตริย์อัมมานก็ตอบพระโอรสด้วยความหมั่นไส้เต็มทน เลยแกล้งเฉไฉตอบให้มันคลุมเครือซะเลย “พ่อก็หมายความว่าลีอาจะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเราหลังจากพ่ออภิเษกแล้วนะซิ ไปกันได้แล้วล่ะ ลีอาไม่เคยชินกับอากาศร้อนของที่นี่เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ดูซิผิวเริ่มแดงแล้ว เอ้า! ลีอาขึ้นรถได้แล้วจะได้ไปกันซักที”

กษัตริย์อัมมานตอบพระโอรสแล้วก็พาหญิงสาวขึ้นรถทันที เมื่อมองเห็นผิวของหญิงสาวเริ่มแดงเพราะความร้อนของอุณหภูมิที่สูงจัดอันเป็นปกติของอากาศแถบทะเลทรายซึ่งเจ้าหล่อนไม่คุ้นเคย

เมื่อรถยนต์ของกษัตริย์อัมมานเคลื่อนตัวออกไปแล้ว เจ้าชายอิสมินจึงเสด็จไปยังรถยนต์อีกคันที่จอดรออยู่ เสด็จตามพระบิดาไปยังพระราชวังเอจาอัลลา โดยมีองครักษ์คนสนิททั้งสามตามเสด็จอย่างใกล้ชิด

ระหว่างทางที่กำลังเสด็จไปยังพระราชวังฯ ซาอิดก็รายงานเกี่ยวกับมิสมิยาโบวิทซ์ตามข่าวที่ลูกน้องสืบหามาได้ทันที

“ผมทราบข้อมูลของมิสมิยาโบวิทซ์มาแล้วครับ นี่ครับประวัติของเธอ” ซาอิดถวายรายงานประวัติของหญิงสาวให้เจ้าชายอิสมินพร้อมกับรายงานคร่าวๆ ว่า “เธออายุ 24 ปี  เป็นชาวกรีเซอเนีย จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งสาขาเศรษฐศาสตร์ จาก London School Economics* ครับ จบปริญญาโทเกียรตินิยมอันดับหนึ่งสาขาเศรษฐศาสตร์การเงิน จาก London School Economics และกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์การลงทุน ที่ London School Economics  มีข่าวว่าเธอจะได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอีกเช่นกันครับ  ปัจจุบันเธอทำงานที่บริษัทโบรเกอร์เซซาเลย์** ดำรงตำแหน่งซีอีโอฝ่ายการลงทุนของบริษัทโบรเกอร์เซซาเลย์และมีข่าวว่าเป็นคนรักของเจ้าชายอเล็กซิสครับ ส่วนพวกโจรลักพาตัวพวกนั้น  ผมยังสืบหาอยู่ครับ”

*(London School Economics เป็นมหาวิทยาลัยด้านเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในลอนดอน)

**(บริษัทโบรเกอร์เซซาเลย์ หนึ่งในกิจการส่วนตัวของเจ้าชายอเล็กซิส เซซาเลย์)

“แต่ที่ผมอยากรู้มากกว่าก็คือยัยนั่นเกี่ยวอะไรกับเสด็จพ่อ? หล่อนคือว่าที่เจ้าสาวของเสด็จพ่อรึเปล่า? เพราะเสด็จพ่อบอกว่าหลังจากอภิเษกแล้วยัยนั่นจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ผมไม่อยากจะคิดว่าเสด็จพ่อจะอภิเษกกับผู้หญิงคราวลูกหรอกนะ ยัยนั่นอายุน้อยกว่าผมซะอีก ผมไม่อยากมีแม่เลี้ยงอายุน้อยกว่าผมนะ! แล้วยังเรื่องที่ยัยนั่นเป็นคนรักของอเล็กซ์อีกล่ะมันหมายความว่ายังไงกัน? คุณรีบๆ ไปหามาให้ได้  เร็วที่สุดด้วย!” เจ้าชายอิสมินสั่งกับซาอิดดุดัน

ประวัติของหญิงสาวในมือถูกเขาขยำจนเป็นก้อนกลมแน่น

ซาอิดซึ่งรับใช้ใกล้ชิดเจ้าชายอิสมินมาตั้งแต่เด็กรู้ดีว่าใจของเจ้าชายทุรนทุรายเพียงใดกับข่าวการอภิเษกสายฟ้าแลบของพระบิดา จึงรีบทำตามคำสั่งของเจ้าชายอิสมินทันที “ผมจะรีบสืบให้ครับ ขอฝ่าบาทใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ”

ภายในรถยนต์ของกษัตริย์อัมมาน แขกส่วนตัวคนสวยกำลังยกมืออุดหูเพราะกำลังถูกว่าที่น้าเขยอบรมสั่งสอนยาวเหยียด “ลีอา เรานี่มันดื้อจริงๆ นะ จะไปไหนมาไหนก็เอาผู้ติดตามไปด้วยซิ ชอบทิ้งพวกนั้นเป็นประจำเลยนะ เป็นผู้หญิงเที่ยวเดินทางตะลอนๆ ไปคนเดียวได้ยังไงกัน รู้ไหมว่ามันอันตรายขนาดไหน? อเล็กซ์ก็ช่างตามใจเราซะจริงนะ ยอมให้เรามานี่ได้ แล้วยังเรื่อง…”

“อัมมานบ่นมากเดี๋ยวแก่เร็วนะ ถ้าแก่กว่านี้ถูกท่านน้าเซียน่าบอกเลิกลีอาไม่รู้ด้วยนะ โอ้ย!…” เสียงหวานใสร้องลั่นเพราะมะเหงกเขกลงบนหัวดังโป๊กจนเจ้าหล่อนต้องคลำหัวตัวเองป้อยๆ ตามมาด้วยเสียงดุจากเจ้าของมะเหงก “ลีอา! มันน่าจับตีก้นให้เข็ดนัก! เงียบ! แล้วก็ฟังที่ฉันพูด!”

เมื่อถูกดุหญิงสาวจึงไม่กล้าเย้าแหย่ให้พายุทอนาโดก่อตัว ยอมนั่งสงบเสงี่ยมฟังแต่โดยดี

“แล้วเรื่องโจรลักพาตัวนั่นอีก เราไม่ได้บอกไลโอเนลกับลีเรน่าใช่รึเปล่า?”

“เพคะ”

คำตอบของหญิงสาวทำให้กษัตริย์อัมมานถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ “เฮ้อ…ให้มันได้อย่างนี้ซิ!”

“ก็ถ้าบอกไปแล้วลีอาคงได้ทหารคอยตามอีกเป็นกองพันแน่ๆ เลยเพคะ ดีไม่ดีอาจจะถูกเรียกตัวกลับบ้านน่ะซิเพคะ แค่นี้อเล็กซ์ก็ให้ทหารคอยตามเป็นกองร้อยแล้วเพคะ น่ารำคาญจะตาย อ้อ! แล้วยังมีคนของอิสมินหน้าบูดคอยตามติดลีอาอีกด้วยเพคะ” ใบหน้างดงามหงิกงอส่งค้อนฝากลมฝากแล้งให้คนหน้าบูด ทำให้กษัตริย์อัมมานหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่แค่คนของอิสมินหรอกนะที่ตามเราน่ะ ยังมีทหารของฉันอีกด้วย”

“อันนั้นน่ะลีอารู้แล้วเพคะ แล้วยังมีพวกโจรลักพาตัวด้วยเพคะที่คอยตามอยู่ห่างๆ หาโอกาสลักพาตัวลีอาอีกรอบ ลีอาถึงได้ยอมเป็นเป้าล่ออยู่นี่ไงเพคะ จะได้จัดการสาวให้ถึงตัวคนบงการด้วยซะเลย”

“งั้นไอ้ที่เราไปบ้านพ่อค้ายาแถวบรองซ์นั่นก็เพื่อล่อพวกโจรลักพาตัวด้วยงั้นรึ?” กษัตริย์อัมมานหรี่ตามองอย่างจับผิด ทำให้หญิงสาวหัวเราะคิกๆ ก่อนจะทูลบอกตามความจริง “จะว่าหลุยส์เขาเป็นพ่อค้ายาก็ไม่ผิดหรอกเพคะ เพราะเขาเป็นเภสัชกรค้าขายยาสมุนไพรนำเข้าจากประเทศจีน แต่เพราะว่าท่าทางของเขาออกจะโหดๆ หน่อย  ยิ่งเขาอยู่ย่านนั้นด้วยคนอื่นที่ไม่รู้จักเขาก็เลยเข้าใจว่าเขาเป็นพ่อค้ายาเสพติด เพราะคนแถวนั้นชอบเรียกเขาว่าเจ้าพ่อยาก็เลยทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเพคะ แล้วที่ลีอาไปหาเขาเพราะว่าเขาเป็นแฮกเกอร์ฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งที่ลีอาจ้างให้ทดสอบระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทเป็นประจำ พอลีอามีโอกาสไปนิวยอร์กลีอาก็เลยไปหาเขาพูดคุยกันตามประสานายจ้างกะลูกจ้างก็เท่านั้นเองเพคะ”

“เหอะ…ตามประสานายจ้างกะลูกจ้างหรือว่าตามประสาแฮกเกอร์ด้วยกันล่ะฮึ? ไปแลกเปลี่ยนเทคนิกแฮกกันล่ะซิ ฉันรู้ทันเราหรอกน่า”

“แหะๆๆๆ อัมมานเนี่ยรู้ไปหมดทุกอย่างเลยนะ ลีอาไม่เคยปิดปังอัมมานได้ซักเรื่องเลย” หญิงสาวพันผมตัวเองเล่นเหมือนเด็กเล็กๆ ที่แอบไปเล่นซนแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้ไล่ทัน ทำให้กษัตริย์อัมมานถอนหายใจอีกรอบ “เฮ้อ…”

ที่อย่างน้อยแม่หลานสาวตัวดีก็ไม่ได้แอบไปติดยาอย่างที่ทหารของพระองค์เข้าใจผิดกัน

จนกระทั่งขบวนรถยนต์ไปถึงพระราชวังเอจาอัลลา ประตูวังเหล็กกล้าบานใหญ่ก็เปิดออกกว้าง เมื่อขบวนรถยนต์ผ่านประตูใหญ่ด้านหน้าของพระราชวังเอจาอัลลาไปตามถนนกว้าง ตัดผ่านสวนด้านหน้าอันกว้างใหญ่ซึ่งตกแต่งงดงามไปด้วยพรรณไม้ดอกและไม้ใบนานาพันธุ์ตรงไปยังท้องพระโรง บนเชิงเทินกว้างมีทหารรักษาการยืนเวรยามโดยรอบกำแพงสูงใหญ่ก่อด้วยศิลามั่นคงล้อมรอบพระราชวังกว้าง  กษัตริย์อัมมานจึงอธิบายถึงสถานที่ต่างๆ ในพระราชวังให้หญิงสาวได้รับรู้ “นี่เป็นอุทยานหน้า ข้างหน้าตึกตรงกลางเป็นท้องพระโรง ตึกข้างซ้ายของท้องพระโรงเป็นส่วนรับรองแขกบ้านแขกเมือง ตึกข้างขวาเป็นสำนักพระราชวัง ถัดจากท้องพระโรงไปเป็นอุทยานกลาง ถัดจากอุทยานกลางก็ถึงวังซาลาฮาดินแล้วล่ะ ข้างหลังวังมีอุทยานกว้างใหญ่สวยกว่าทุกที่ในพระราชวัง แล้วก็มีคอกม้าหลวง กับคอกอูฐหลวง ที่นั่นมีม้าพันธุ์อาหรับแท้ๆ เลยนะ ลูกผสมก็มีนะ แต่ในทะเลทรายเนี่ยม้าอาหรับจะวิ่งได้ทนกว่าพันธุ์อื่นๆ สนามซ้อมก็อยู่ใกล้ๆ กันนั่นแหละ”

หญิงสาวดูตามมือของกษัตริย์อัมมานที่แนะนำสถานที่ต่างๆ ให้รับรู้  จนเมื่อรถยนต์จอดลงหน้าท้องพระโรงซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ก่อด้วยศิลามั่นคงแข็งแรงซึ่งระหว่างอาคารทั้งสามเชื่อมกันด้วยทางเดินและระเบียง ระหว่างอาคารจัดเป็นสวนหย่อมแบ่งแต่ละอาคารไว้เป็นสัดส่วนหันหน้ารับแสงตะวัน ทุกอาคารในพระราชวังยังคงรักษารูปแบบโบราณเอาไว้ผสมผสานกับเครื่องอำนวยความสะดวกสบายสมัยใหม่ที่ถูกติดตั้งอย่างกลมกลืน ทหารรักษาการยืนตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ด้านหน้า เหล่าข้าราชบริพารและนางกำนัลรอรับเสด็จอยู่ด้านในของท้องพระโรง

กษัตริย์อัมมานเสด็จลงจากรถยนต์พร้อมกับยื่นมือรับหญิงสาวลงจากรถพาเดินผ่านพวกทหาร เหล่าข้าราชบริพารและนางกำนัลที่เฝ้ารอรับเสด็จอยู่เข้าไปภายในท้องพระโรงซึ่งเปิดแอร์เย็นฉ่ำขัดกับอากาศร้อนด้านนอกที่ร้อนระอุจนเห็นเปลวแดดไหวระริก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version