Skip to content

เล่ห์ลีอา 8

Chapter 8 ลูกสาวนายพล?

แล้วถามเพื่อนด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน “โธ่โว้ย! นายมาปลุกฉันเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ? แล้วนายไม่ไปทำงานรึไง? ถึงได้มีเวลามาปลุกฉันเนี่ย? ฉันกะว่าจะไปหานายหลังจากงานเลิกแล้วนะ”

มิทซ์เบี่ยงตัวนิดเดียวก็หลบหมอนพิฆาตได้แล้ว หมอนจึงพุ่งผ่านผู้จัดการร้านอาหารซีซ่าไปตกบนพื้นไม่ไกลนัก ตุบ!

เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักตื่นนอนเขาก็ยิงคำถามทันที “ฉัก็ไม่ได้มีเวลาว่างนักหรอก แต่ที่ฉันต้องถ่อสังขารมาถึงนี่ก็เพราะมิสมิยาโบวิทซ์เธอลืมแหวนเอาไว้ที่ร้าน ฉันก็เลยจะมาถามที่อยู่ของเธอกับนายแล้วจะได้เอาแหวนไปคืนให้เธอ  แล้วนี่บ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ?”

มิทซ์เดินไปก้มเก็บหมอนที่เจ้าชายหนุ่มขว้างใส่แล้วนำไปวางไว้บนเตียงนอนพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนรักรอคำตอบ “ว่าไง เธออยู่ไหนรึ?”

ทำให้เจ้าชายอิสมินหน้าบูดบึ้งด้วยไม่สบอารมณ์กับคำถามที่เพื่อนเอ่ยถาม  จึงตอบเพื่อนรักหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงสะบัดสะโบก “นู้น! ถ้านายจะมาหามิสมิยาโบวิทซ์ล่ะก็ นายรีบไปหาอเล็กซ์เลยไป๊  ฉันจะอาบน้ำแล้วไปรับอิซาเบลไปงานคืนนี้ด้วยกัน”

เจ้าชายอิสมินลุกจากเตียงนอนแล้วไปยังห้องอาบน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นหายงัวเงีย

“เฮ้ย!  แล้วทำไมฉันจะต้องไปหาอเล็กซ์ด้วยล่ะ? ก็ฉันมาหามิสมิยาโบวิทซ์นะ ไม่ใช่อเล็กซ์ เฮ้! ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิ อิสมิน!” มิทซ์ตะโกนถามไล่หลังเพื่อนรักที่ก้าวเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจกับเสียงตะโกนถามของเขาแม้แต่น้อย ทิ้งให้เขามีสีหน้างุนงงต่อไป เขาจึงเดินออกจากห้องนอนของเจ้าชายหนุ่มไปยังมินิบาร์ในห้องโถง แล้วรินวอดก้าจากขวดแก้วเจียระนัยราคาแพงบนมินิบาร์ซึ่งมีเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกหนานุ่ม  รอให้เพื่อนรักออกมาจากห้องนอน

เจ้าชายอิสมินแต่งตัวด้วยชุดทักซิโด้สีดำออกมาจากห้องนอน เขามองเห็นเพื่อนยังนั่งอยู่จึงบอกเพื่อนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “นี่นายยังไม่ไปอีกเหรอ? ฉันก็บอกแล้วว่ามิสมิยาโบวิทซ์อยู่บ้านอเล็กซ์นู้น! เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว  เธอไปตั้งแต่ตอนเช้าเมื่อวานแล้วเฟ้ย!”

มิทซ์จึงถามผู้เป็นเพื่อนรักด้วยความสงสัยยิ่ง “อ้าว…แล้วทำไมมิสมิยาโบวิทซ์ไปอยู่บ้านอเล็กซ์ล่ะ? นายรีบๆ ตอบมาเร็วๆ เข้า ก่อนที่ฉันจะอกแตกตาย”

“แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง? ก็เมื่อเช้าวานนี้ฉันยังไม่ได้ถามอะไรเลย ยัยผู้หญิงปากเสียนั่นก็ต่อยท้องฉันซะแล้ว แถมยังตีเข่าใส่ซะจนฉันหน้าเขียวลงไปกองกับพื้นเลย พูดถึงแล้วมันน่าเจ็บใจนัก! หลังจากนั้นยัยนั่นก็ขึ้นไปห้องเสด็จพ่อแล้วพอฉันตามขึ้นไปนายทายดูซิว่ายัยนั่นกำลังทำอะไร?”

“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะโว้ย!” มิทซ์ส่ายหน้าตะโกนใส่คนที่ยืนตรงข้าม แล้วทำตาแป๋วแหววรอฟังคำตอบจากเจ้าชายหนุ่มอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ยัยผู้หญิงคนนั้นก็กำลังแชทกับเสด็จพ่อฉันน่ะซิ กำลังฟ้องเลยเชียวว่าฉันลักพาตัวหล่อนมา  ดีนะว่าฉันขึ้นไปทันก่อนที่ยัยนั่นจะได้ฟ้องจนจบ ไม่งั้นล่ะก็มีหวังเสด็จพ่อได้เข้าใจฉันผิดแน่ๆ  ซาอิดเป็นคนเล่าให้เสด็จพ่อฟังว่าเรื่องราวเป็นยังไงมายังไง พายุโทนาโดที่กำลังจะก่อตัวถึงได้สงบลงได้ หลังจากที่ยัยนั่นรู้เรื่องแล้วแทนที่จะขอโทษแล้วพูดขอบคุณฉันซักคำก็ไม่มี ชิ! รู้งี้นะไม่ช่วยซะก็ดีหรอก ปล่อยให้ไอ้พวกนั้นลักพาตัวไปซะเลยจะได้ไม่มาทำท่าทางหยิ่งจองหองกะฉันได้ โอ้ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น! หลังจากที่ยัยนั่นคุยกับเสด็จพ่อเสร็จแล้วนะ หล่อนก็รีบแจ้นไปหาอเล็กซ์ที่บ้านเลยแหละ ฉันสั่งให้คนตามดูเธอถึงได้รู้ว่านอกจากเสด็จพ่อที่ตกเป็นเหยื่อคุณเธอแล้วก็ยังมีอเล็กซ์อีกคนนึง”

“เฮ้ย! นายพูดซะยังกับว่ามิสมิยาโบวิทซ์เป็นพวกสิบแปดมงกุฏอย่างงั้นแหละ” มิทซ์รีบขัดขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่าเพื่อนรักมีอคติจงเกลียดจงชังผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาใกล้กษัตริย์อัมมาน ยิ่งทำให้เจ้าชายอิสมินไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น “หนอย! นี่นายก็คงหลงเสน่ห์ยัยนั่นอีกคนนึงแน่ๆ ชิ! งั้นนายรู้ไว้เลยนะว่ายัยนั่นน่ะไม่ได้วิเศษวิโสอย่างที่นายเห็นเลยซักนิด เมื่อวานนี้นะพออเล็กซ์ไปประชุมกรรมการบอร์ดที่บริษัทฯ ยัยนั่นก็รีบแจ้นออกจากบ้านอเล็กซ์ทันทีเลย แล้วก็ขับรถไปแถวๆ เขตบรองซ์คนเดียว หายเข้าไปในบ้านหลังนึงในย่านนั้นร่วมสี่ชั่วโมงได้”

“พอกลับออกมาอีกทีก็มีไอ้หนุ่มคนนึงเดินตามออกมาส่ง คนของฉันเล่าให้ฟังว่าไอ้หนุ่มคนนั้นท่าทางจะเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ในแถบนั้น ฉันว่ายัยนั่นคงไปพี้ยาแน่ๆ  หลังจากนั้นยัยผู้หญิงคนนั้นก็ขับรถกลับไปบ้านอเล็กซ์ พอซักพักอเล็กซ์ก็กลับถึงบ้าน นี่คงจะรีบกลับไปรับหน้าอเล็กซ์แหงๆ คงกลัวว่าถ้าอเล็กซ์รู้เข้าจะโดนเฉดหัวทิ้งชัวร์ หลังจากนั้นอเล็กซ์ก็พายัยนั่นไปกินข้าวแล้วก็พาไปแนะนำกับพวกเพื่อนๆ ที่คลับเมื่อคืนนี้ด้วย เสียดายที่เมื่อคืนนี้นายไม่ได้ไปที่คลับ ไม่งั้นนายจะได้เห็นว่ายัยนั่นน่ะระริกระรี้ขนาดไหน แกล้งทำเป็นวางท่าให้ดูเป็นผู้ดี๊ผู้ดีมีชาติมีตระกูล หว่านเสน่ห์ให้ไอ้พวกนั้นมันหลงใหลได้ปลื้ม ชิช่ะ! ยัยนั่นมันก็แค่ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายนั่นแหละ!”

มิทซ์จ้องเพื่อนรักอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนรักเล่าให้ฟัง เพราะท่าทางหญิงสาวเท่าที่เขาเห็นไม่ได้เป็นดังเช่นที่เพื่อนรักเล่ามาเลยซักนิด กริยามารยาทที่เคยเห็น เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าได้รับการอบรมฝึกฝนมาอย่างดี และที่สำคัญกษัตริย์อัมมานยกย่องให้เกียรติหญิงสาวมาก ดูจากแววตาก็รู้ว่าท่านรักเจ้าหล่อนประดุจลูกหลาน กระแสรับสั่งก็อ่อนโยนเอ็นดู ลักษณะการกอดรึก็ไม่ได้มีแววฉันท์ชู้สาวเลยซักนิด แต่ไอ้ที่เขาเล่าให้เพื่อนรักฟังนั้นเป็นการใส่สีตีไข่อย่างนึกสนุกเท่านั้น เพราะรู้ว่าเพื่อนรักหวงพ่อเพียงใดจึงอยากจะแกล้งคนอารมณ์ร้อนเล่นเท่านั้นเอง ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็วาบขึ้นมาในหัวสมองของผู้จัดการหนุ่ม

“เฮ้ย! อิสมินนายรู้รึเปล่าว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกรีเซอเนียนามสกุลอะไรวะ? นายรู้รึป่ะ?”

“จะนามสกุลอะไรก็ ‘มิยาโบวิทซ์’ น่ะซิ เฮ้ย! นี่มันนามสกุลยัยนั่นนี่หว่า” เจ้าชายอิสมินตอบออกไปแล้วก็ตกใจนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวที่เขาดูถูกเหยียดหยามก็ใช้นามสกุลนี้เช่นกัน ส่วนมิทซ์ตาโตนึกได้ขึ้นมาทันที “เออ…ใช่แล้ว! ถึงว่าซิว่ามันคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหนตอนที่พ่อนายบอกว่าทรงมีนัดกับมิสมิยาโบวิทซ์ ฉันก็ยังคิดอยู่ว่าเคยได้ยินนามสกุลนี้จากที่ไหนกันนะ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เพิ่งนึกออกเมื่อกี้นี้เองถึงได้ถามนายอีกทีเพื่อความแน่ใจ เพราะนายสนิทกับอเล็กซ์มากกว่าชั้น เรื่องอย่างนี้นายต้องรู้แน่ๆ”

เจ้าชายอิสมินเกิดอาการเข่าอ่อนขึ้นมาทันควัน ค่อยๆ เกาะเก้าอี้นั่งลงแต่ตายังจับจ้องเพื่อนรักด้วยความตกใจไม่หาย เพราะหญิงสาวที่เขาคิดว่าเจ้าหล่อนเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าดันใช้นามสกุลเดียวกับท่านนายพลมาร์คัส มิยาโบวิทซ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกรีเซอเนีย!

อีกทั้งท่านนายพลผู้นี้ยังเปรียบเสมือนมือขวาของกษัตริย์อเล็กซานโดรสพระบิดาของเจ้าชายอเล็กซิสเพื่อนของเขาเองอีกด้วย และไม่ใช่เพียงเท่านี้เพราะกษัตริย์อเล็กซานโดรสก็เป็นเพื่อนกับพระบิดาของเขาอีกต่างหาก!

มิทซ์มองดูเพื่อนรักด้วยความรู้สึกหมั่นไส้แกมสงสาร ที่เพื่อนรักของเขาดันไปมีเรื่องไม่กินเส้นกับหญิงสาวนางนั้นเข้าซะแล้ว

“เฮอะ! สมน้ำหน้านายนัก หวงพ่อไม่ดูตาม้าตาเรือ เลยเจอตอเข้าเต็มๆ ฉันว่ามิสมิยาโบวิทซ์คงจะเป็นลูกสาวของท่านผู้บัญชาการนั่นแน่ๆ ระวังตัวไว้เหอะอิสมินเอ้ย ระวังจะเจอทอนาโดทั้งขึ้นทั้งล่อง ลูกแรกนี่ก็ผู้บัญชาการท่านนั้นก่อนเลย ลูกต่อมานี่ก็พ่อนายเอง เพราะพ่อนายดูท่าทางจะทั้งรักทั้งเอ็นดูเจ้าหล่อนโขเลยแหละ เผลอๆ อาจจะมากกว่านายที่เป็นลูกด้วยซะล่ะมั้ง? ยังไงฉันก็ขออวยพรให้นายโชคดีล่ะกัน ฉันไปล่ะนะ จะได้เอาแหวนที่มิสมิยาโบวิทซ์ลืมไว้ไปคืนให้เธอที่บ้านอเล็กซ์”

“แหวนอะไรเหรอมิทซ์? ทำไมไม่ใช้เด็กที่ร้านเอามาให้ล่ะ? ทำไมนายต้องถ่อสังขารมาเอง?” เจ้าชายอิสมินถามเพื่อนทันที เพราะหากลูกค้าลืมของไว้ที่ร้านเพื่อนของเขาก็จะใช้พนักงานในร้านให้นำของไปคืนให้ลูกค้า หรือรอให้ลูกค้ามารับของเองในกรณีที่ไม่รู้ว่าเป็นของลูกค้าคนไหน ไม่เคยมีสักครั้งที่เพื่อนของเขาต้องถ่อสังขารนำของไปคืนให้ลูกค้าด้วยตัวเองดั่งเช่นครั้งนี้เลย

“ก็ถ้าเป็นแหวนธรรมดาทั่วๆ ไป ฉันก็คงไม่ต้องถ่อสังขารมาถึงนี่หรอก แต่นี่…นายดูเอาเองเหอะ” มิทซ์พูดแล้วก็หยิบกล่องใบเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทราคาแพงที่สวมอยู่ แล้วเปิดกล่องออกวางบนโต๊ะตรงหน้าพระพักตร์เพื่อนรักทันที “ดูซิ”

เมื่อเจ้าชายอิสมินมองแหวนในกล่องใบเล็กตรงหน้า เขาจึงหยิบขึ้นมาพิศดูใกล้ๆ แล้วถามเพื่อนว่า “นี่เป็นแหวนที่ยัยนั่นลืมไว้อย่างนั้นรึมิทซ์?”

“ก็ใช่น่ะซิ ก็เพราะอย่างนี้ฉันถึงต้องมาเองยังไงล่ะ แค่อเล็กซานไดรท* บนตัวเรือนนั่นก็หลายสิบล้านเหรียญแล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงฝีมือการเจียรนัยนั่นเลยนะ ฉันถึงต้องถ่อสังขารมาเองอยู่นี่ไง นี่ดีว่าคืนนั้นฉันสำรวจความเรียบร้อยในร้านหลังจากนายกลับไปแล้ว ฉันถึงได้เห็นแหวนวางอยู่บนอ่างล้างมือในห้องน้ำของห้องไดมอนน่ะ ฉันก็เลยรู้แล้วว่าทำไมมิสมิยาโบวิทซ์ถึงได้กลับไปที่ร้านตอนดึก เพราะเธอลืมแหวนวงนี้เอาไว้นั่นเอง แล้วพอฉันมีเวลาว่างนิดนึงฉันถึงได้มานี่ยังไงล่ะ เพราะฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เบอร์โทรติดต่อก็ไม่มี ถึงได้มาถามนายว่าบ้านช่องห้องหอเธออยู่แห่งหนตำบลใด จะได้ตามเอาแหวนไปคืนให้ถึงมือเลย” มิทซ์ตอบสาธยายเหตุผลให้ฟัง

*(เป็นอัญมณีหายากที่เปลี่ยนสีได้ตามแสงที่ส่องกระทบ)

เจ้าชายอิสมินเพ่งมองแหวนในมืออย่างเพ่งพิศ ตัวเรือนทำจากแพลทตินัม หัวแหวนเป็นอเล็กซานไดรทหนักหลายสิบกะรัต เจียรนัยอย่างดี ทำเป็นรูปดอกกุหลาบบานสะพรั่งฝีมือประณีตละเอียดงดงามอ่อนช้อยล้อมรอบด้วยเพชรน้ำงามเม็ดเล็กเจียรนัยดั่งหยาดน้ำค้างและยังมีมรกตน้ำงามเจียรนัยเป็นใบกุหลาบประดับอยู่ฝีมืองดงามดูเก่าแก่ยิ่งนัก แม้จะไม่ใช่ผู้ชำนาญทางด้านนี้ก็ยังดูรู้ว่าเลยว่าแหวนวงนี้มูลค่ามหาศาลมากจริงๆ

“ถ้ามิสมิยาโบวิทซ์อยู่กะอเล็กซ์ งั้น…ฉันไปล่ะอิสมิน จะได้รีบเอาแหวนไปส่งให้ถึงมือเจ้าของแล้วจะได้รีบกลับไปที่ร้านต่อ ป่านนี้แขกเต็มร้านแล้ว” มิทซ์ยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อขอแหวนคืนจากเพื่อนรัก แต่เจ้าชายอิสมินก็ไม่ได้ส่งแหวนคืนไปให้เพื่อน เขามองแหวนในมือสลับกับใบหน้าอันหล่อเหลาอารมณ์ดีของเพื่อน แล้วเขาก็ตัดสินใจอาสาจะนำแหวนไปคืนให้ผู้เป็นเจ้าของเอง “นายกลับไปที่ร้านเถอะ ส่วนเรื่องแหวนนี่ เดี๋ยวฉันเจออเล็กซ์เมื่อไหร่ฉันจะฝากเขาให้เอาไปคืนให้ยัยนั่นเองละกัน นายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำงาน ยิ่งตอนเย็นๆ รถติดๆ อย่างนี้กว่านายจะไปถึงบ้านอเล็กซ์ กว่าจะเสร็จธุระ แล้วกว่าจะไปถึงร้านอีกล่ะเสียเวลาตายชักเลย”

“เอางั้นก็ได้ งั้นฝากนายจัดการด้วยละกัน แล้วพองานคืนนี้เลิกแล้วนายไปหาฉันที่ร้านด้วยนะ ไปล่ะนะอิสมิน” มิทซ์บอกแล้วก็เดินออกไปทันทีโดยที่เจ้าชายอิสมินไม่ทันได้พูดอะไร เมื่อเขามองดูนาฬิกาบนข้อมือ ถึงเวลาที่จะต้องไปรับมิสอิซาเบลล่า เบอร์บิท คู่ควงคนปัจจุบันไปงานที่ได้รับเชิญแล้ว จึงเก็บแหวนวงสวยใส่กระเป๋าแล้วออกไปรับคู่ควงคนปัจจุบันไปงานด้วยกัน แน่นอนว่าเขาจะต้องง้องอนนางแบบสาวอยู่นาน เพราะผิดนัดเมื่อคืนก่อนทำให้นางแบบสาวคนดังต้องรอเก้อ

ณ ด้านหน้าของตึกเอ็มไพร์สเตรท ซึ่งชั้นบนสุดเป็นสถานที่จัดงานประมูลแฟชั่นโชว์การกุศลกลางเมืองนิวยอร์ก คึกคักไปด้วยสตาฟ  ตำรวจและรปภ.รักษาความปลอดภัย ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายร้อยนาย รวมทั้งนักข่าวและตากล้องจากสำนักข่าวต่างๆ มาคอยทำข่าวคนดังมากมายที่มาร่วมงานในคืนนี้กันอย่างคับคั่งสมกับเป็นงานประมูลแฟชั่นโชว์แห่งปี

เมื่อรถยนต์ของเจ้าชายอิสมิน อัลลา ซาลาฮาดีนเจ้าชายรัชทายาทแห่งเอจา จอดด้านหน้าอาคาร พนักงานที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบเปิดประตูรถให้ เจ้าชายอิสมินลงจากรถพร้อมกับนางแบบสาวคนดังอิซาเบลล่า เบอร์บิท ซึ่งได้รับเชิญให้มาเดินแบบในงานนี้ด้วย แสงแฟลตสว่างพรึ่บพรั่บทันทีที่ประตูรถเปิดพร้อมๆ กับเจ้าชายแห่งเอจาและนางแบบสาวคนดังยืนเคียงคู่กันให้สื่อมวลชนได้ถ่ายรูปชัดๆ เหล่าองครักษ์รีบทำหน้าที่ของตนเองระแวดระวังไม่ให้ใครล้ำเชือกกั้นทางเดินเข้าใกล้เจ้าชายของพวกเขามากเกินไป

“ฝ่าบาทครับ การประชุมของกลุ่มโอเปคมีมติขึ้นราคาน้ำมันอีกเท่าไหร่ครับ?”

“ฝ่าบาทครับ จะทรงแถลงข่าวดีเมื่อไหร่ครับ?”

“ฝ่าบาทครับ จะเสด็จกลับเอจาเมื่อไหร่ครับ? ฯลฯ

“คุณเบอร์บิทคะ? เมื่อไหร่จะมีข่าวดีล่ะคะ?”

“มีข่าวว่าจะเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ใหม่ จริงรึเปล่าคะ? แล้วสัญญากับเอเจนซี่เก่ายังเหลืออีกตั้งหลายปีนี่คะ?” ฯลฯ

เสียงนักข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ  ถามเจ้าชายอิสมินและนางแบบสาวซึ่งเดินเกาะท่อนแขนของเจ้าชายหนุ่มติดหนึบอย่างกับตุ๊กแกเกาะฝาบ้านเข้าไปในอาคารท่ามกลางแสงแฟลตวูบวาบไม่ขาดสาย แต่ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ใบหน้าคมเข้มเพียงแค่ยิ้มแทนคำตอบเท่านั้น  เพียงเท่านี้ก็กระชากหัวใจของสาวๆ บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี

“บรึ่นนน!!!…บรึ่นนน!!!…เอี๊ยดดด!!!…” เสียงบิ๊กไบค์คันใหญ่แบรนด์ฮาเล่ย์เดวิสันเบรกดังสนั่นหน้าอาคาร ทำเอานักข่าว ตากล้อง ตำรวจและรปภ.ที่อยู่บริเวณนั้นแตกฮือ “อ้า!”

เจ้าชายอิสมินซึ่งเพึ่งเข้าไปด้านในของอาคารเพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดอันเป็นสถานที่จัดงานจึงหันหน้ากลับไปมอง เขาเห็นร่างสูงเพรียวในชุดแจ็กเก็ตหนังและกางเกงหนังรัดรูปสีดำ รองเท้าบูทส้นสูงสีดำมันเงายาวถึงเข่า เตะขาตั้งรถแล้วก้าวขาลงจากบิ๊กไบค์คันใหญ่ ถอดหมวกกันน็อคออกยื่นให้พนักงานรับรถที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกุญแจรถและรับบัตรจอดรถจากพนักงานก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร เมื่อร่างสูงเพรียวเดินเข้ามาในอาคารทำให้เขาตกตะลึงไปทันที เพราะเจ้าของร่างสูงเพรียวก็คือมิสลีอา มิยาโบวิทซ์แขกของพระบิดานั่นเอง!

“อุ้ยต๊าย…ตาย! ฝ่าบาทเพคะ ดูผู้หญิงคนนั้นสิเพคะ แต่งตัวยังกะพวกกุ้ยข้างถนนแน่ะ” เสียงแหลมอุทานสูงปรี๊ดจากนางแบบสาวข้างกายของเจ้าชายอิสมินไม่ได้ทำให้เขาละสายตาที่มองหญิงสาวที่เดินเข้ามาได้เลย เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ตกตะลึงในความงดงามของหญิงสาวและท่วงท่าเดินที่สง่างามแม้จะอยู่ในชุดแบบ ‘กุ้ยข้างถนน’ ตามคำของนางแบบสาว ก็ไม่อาจลดทอนความงดงามนั้นลงได้เลย กลับทำให้เจ้าหล่อนดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหายิ่งนัก และหากสังเกตดีๆ จะพบว่า ‘กุ้ยข้างถนน’ คนสวยสวมใส่แต่ของแบรนด์เนมราคาแพงระยับยิ่งกว่าชุดที่นางแบบสาวคนดังสวมใส่อยู่ซะอีก

หญิงสาวเดินเข้ามาภายในอาคารไม่ทันเห็นเจ้าชายอิสมินกับนางแบบสาวยืนอยู่หน้าลิฟต์ ก็มีสตาฟสาวคนหนึ่งตรงรี่เข้ามาฉุดแขนของเธอเดินจากไปด้วยท่าทีเร่งร้อน “โอย นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว เร็วเข้าเถอะค่ะ”

เมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินตามสตาฟจากไปแล้ว เจ้าชายอิสมินจึงเสด็จไปยังชั้นบนสุดของอาคารแล้วเสด็จตามสตาฟในงานไปยังที่นั่งด้านหน้าติดแคทวอล์คที่ผู้จัดงานได้จัดไว้ให้ เจ้าชายอิสมินสนทนากับแขกที่มาในงานตลอดทางที่เสด็จผ่าน ส่วนนางแบบสาวอิซาเบลล่าก็ถูกเชิญไปเตรียมตัวเดินแบบด้านหลังแคทวอล์ค

งานประมูลแฟชั่นโชว์ได้เริ่มขึ้นมีนางแบบสาวและนายแบบหนุ่มมากมายเดินโชว์เสื้อผ้าหลากสีสันหลากหลายแบบ เสียงประมูลเสื้อผ้าจากแขกที่มาร่วมงานดังแข่งขันกันไม่ขาดสาย นางแบบสาวอิซาเบลล่าก็ได้เดินโชว์ชุดราตรียาวดีไซน์ใหม่ของซีซั่นผ่านไปแล้วเช่นกัน  โดยชุดที่เธอสวมใส่นั้นเจ้าชายอิสมินประมูลในราคาสูงลิบลิ่วซะจนคนสวมหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้ว

จนกระทั่งพิธีกรประกาศเปิดตัวชุดสุดท้ายของงานในค่ำคืนนี้ นางแบบสาวแสนสวยแขกของกษัตริย์อัมมานในชุดราตรียาวสีขาวประดับด้วยอัญมณีงดงามประมาณค่ามิได้ ใบหน้างดงามถูกแต่งแต้มให้งดงามมากยิ่งขึ้น บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎเพชรล้ำค่า พร้อมเครื่องประดับเพชรและรองเท้าประดับเพชรเข้าชุดกันยืนโชว์บนแคทวอล์คโดดเด่นสง่างามยิ่งนัก  ยังไม่ทำให้เจ้าชายอิสมินตกใจเท่ากับคำประกาศของพิธีกรบนแคทวอล์ค

“และนี่คือชุดสุดท้ายในค่ำคืนนี้ซึ่งออกแบบโดยเจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจีย* แห่งลัตเวเนีย** และต้องขออภัยแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ไม่สามารถทำการประมูลชุดนี้ได้เนื่องจากเจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจีย ออกแบบชุดนี้ให้เป็นของขวัญแด่ว่าที่เจ้าสาวของกษัตริย์อัมมาน อัลลา ซาลาฮาดีน แห่งเอจา  ซึ่งจะจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรส ณ ประเทศเอจาในเร็วๆ นี้”

*(ดีไซน์เนอร์ชื่อดังติดอันดับหนึ่งในสามของการประกวดออกแบบเสื้อผ้าระดับโลกทุกปี แต่ไม่เคยปรากฏพระวรกายในงานใดๆ เลยนอกจากพระนามที่ส่งผลงานเข้าประกวดทุกงาน โดยมีผู้แทนพระองค์เป็นผู้ดำเนินการแทนทุกอย่าง)

**(ประเทศลัตเวเนียเป็นประเทศหนึ่งในแถบยุโรปเหนือติดกับรัสเซีย ร่ำรวยไปด้วยอัญมณี)

สิ้นเสียงประกาศของพิธีกรบนแคทวอล์ค นางแบบสาวก็เดินโชว์บนแคทวอล์ค ทำให้ทั่วทั้งงานเซ็งแซ่ไปด้วยสรรพเสียงจากเหล่าแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานและสื่อต่างๆ ที่อยู่ภายในงาน

ทั้งเสียงอื้ออึงถึงข่าวการอภิเษกสมรสของกษัตริย์อัมมานแห่งเอจาอันเป็นหนึ่งในขุมทองแห่งบ่อน้ำมันในกลุ่มโอเปค

เสียงถามไถ่กันถึงว่าที่เจ้าสาวผู้โชคดีนางนั้นด้วยความสงสัยใคร่รู้

เสียงทูลถามเจ้าชายอิสมินจากแขกเหรื่อที่นั่งใกล้ๆ กันเกี่ยวกับข่าวพิธีอภิเษกสมรสของพระบิดา

บรรดาผู้มาร่วมงานทั้งแขกเหรื่อและสื่อมวลชนต่างๆ ที่กระหายข่าวทำให้เจ้าชายหนุ่มต้องทรงใช้ไหวพริบในการตอบคำถามต่างๆ อย่างมากมาย  เพราะเขาไม่ทราบเลยว่าพระบิดาจะอภิเษกสมรสในอีกสองเดือนข้างหน้า

เสียงชื่นชมชุดงามประมาณค่ามิได้ เสียงเสียดายที่ไม่สามารถประมูลชุดสวยล้ำค่าได้

เสียงกดชัดเตอร์ของช่างภาพที่รีบเก็บภาพชุดเจ้าสาวของกษัตริย์อัมมาน อัลลา ซาลาฮาดีน ของขวัญจากเจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจีย แห่งลัตเวเนียทรงพระราชทานให้กับว่าที่เจ้าสาวของกษัตริย์อัมมานแห่งเอจาเอาไว้รวดเร็ว

จนกระทั่งนางแบบสาวเดินลงจากแคทวอล์คแล้วเสียงต่างๆ ก็ยังคงเซ็งแซ่ต่อไป

เมื่องานประมูลแฟชั่นโชว์จบลงแล้ว แขกที่มาร่วมงานต่างพากันทยอยกลับ แต่เจ้าชายอิสมิน อัลลา ซาลาฮาดีนเจ้าชายรัชทายาทแห่งเอจากำลังถูกสื่อมวลชนมะรุมมะตุ้มรุมล้อม รุมถาม รุมสัมภาษณ์เกี่ยวกับข่าวพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระบิดา จนทั้งองครักษ์ หน่วยรักษาความปลอดภัยตำรวจและสตาฟในงานต้องช่วยกันกีดกันเหล่าสื่อมวลชนที่รุมล้อมเจ้าชายเอาไว้กันอย่างสุดฤทธิ์ เจ้าชายอิสมินไม่ได้ให้สัมภาษณ์เลยซักนิด แล้วเขาก็เสด็จออกจากงานขึ้นรถยนต์กลับที่ประทับทันที

ส่วนนางแบบสาวเบอร์บิทได้ถูกนำตัวขึ้นรถอีกคันที่องครักษ์จัดหาให้ พากลับอพาร์ทเม้นต์หรูโดยไม่ยอมให้นางแบบสาวได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนเลยตามคำสั่งของเจ้าชายหนุ่ม

เหยี่ยวข่าวทั้งหลายจึงไปสอบถามผู้จัดงานแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ที่ให้ความกระจ่างแจ้งขึ้นเลย พร้อมกับถามถึงดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบและนางแบบ แต่ได้รับคำตอบว่าผู้แทนพระองค์ของเจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจียผู้ออกแบบและนางแบบได้กลับไปแล้ว สร้างความผิดหวังให้กับเหยี่ยวข่าวทั้งหลาย พวกเขาจึงไปรอทำข่าวทั้งที่หน้าโรงแรมแกรนด์เอจาที่ประทับของเจ้าชายอิสมิน อัลลา ซาลาฮาดีน ทั้งหน้าอพาร์ทเม้นต์สุดหรูของนางแบบสาวเบอร์บิทคู่ควงของเจ้าชายอิสมินและหน้าสถานทูตเอจาเพื่อหาข้อมูลข่าวใหญ่ต่อไป

เจ้าชายอิสมินเมื่อเสด็จถึงที่ประทับแล้ว จึงโทรศัพท์หาพระบิดาทันที เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ครู่หนึ่งตามมาด้วยเสียงของพระบิดาทักทายมาตามสาย “ไงไอ้ลูกชาย โทรมาหาพ่อมีอะไรด่วนล่ะหือ? หรือเจ้าไปทำผู้หญิงท้องกันล่ะ?”

“เสด็จพ่อ! ไม่ต้องมาเฉไฉหาเรื่องกับลูกเลยนะครับ เสด็จพ่อจะอภิเษกกับใครครับ? ทำไมเสด็จพ่อถึงไม่บอกลูกเลยครับ? แล้วยังชุดเจ้าสาวที่เจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจีย แห่งลัตเวเนียออกแบบให้เป็นของขวัญกับว่าที่เจ้าสาวของเสด็จพ่ออีกล่ะครับ มันเกิดอะไรขึ้นครับ?” เจ้าชายอิสมินถามพระบิดาทันทีที่ปลายสายรับสาย

“หือ?” สร้างความงุนงงให้กับกษัตริย์อัมมานซึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบาย ต้องตื่นนอนด้วยเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวที่ดังขึ้นรบกวนเวลานอน เมื่อรับสายก็ได้ยินเสียงพระโอรสถามเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวที่จะอภิเษกสมรสด้วย ซึ่งเพิ่งจะมีคำสั่งให้ทางสำนักพระราชวังจัดเตรียมงานพิธีอภิเษกสมรสที่จะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า(ด้วยความใจร้อน)ไปเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

และของขวัญแต่งงานจากเจ้าหญิงลโอโนลา เดอบอเจีย แห่งลัตเวเนีย แม้จะทราบมาก่อนแล้วว่าเจ้าหญิงพระองค์นั้นคิดจะถวายของขวัญแต่งงานให้กับว่าที่เจ้าสาวของเขามาบ้าง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะรวดเร็วปานสายฟ้าแลบเช่นนี้ แถมยังประกาศกลางงานแฟชั่นอันยิ่งใหญ่อีกด้วย แน่นอนว่าข่าวต้องดังกระฉ่อนไปทั่วโลกแน่ ๆ

ด้วยความอยากรู้ว่าของขวัญนั้นเป็นอะไรจึงถามพระโอรสกลับไปทันที “อะไรกันน่ะอิสมิน? ของขวัญอะไรกัน? พ่อเพิ่งจะสั่งให้เขาเตรียมงานพิธีอภิเษกเมื่อบ่ายวันนี้เองนะ”

เจ้าชายอิสมินตอบประชดประชันด้วยความน้อยใจที่พระบิดาไม่ได้บอกเรื่องสำคัญอย่างนี้ให้ทราบเลย แถมยังทำเหมือนจะปิดบังไว้อีกต่างหาก “จากงานประมูลแฟชั่นโชว์ที่ลูกไปร่วมงานมาในคืนนี้ครับ ในงานเขาเอาชุดเจ้าสาวที่เจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจียออกแบบให้เป็นของขวัญว่าที่เจ้าสาวของเสด็จพ่อออกโชว์ แล้วลูกก็ได้ให้มาลิกไปสอบถาม(สอบสวน) กับเจ้าของงานและผู้แทนพระองค์ของเจ้าหญิงลีโอโนลา เดอบอเจียแล้วด้วยครับ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version