Chapter 10
ยังซิง!!!
เมื่อปรียาถอนปากออก อารยะก็บอกว่า “คุณอดทนหน่อย ผมกำลังจะพาคุณไปโรงบาล”
“ร้อน ปรีร้อน” ปรียาตอบอย่างไร้สติ
อารยะก็รีบพาปรียาไปกดลิฟต์ เมื่อลิฟท์เปิดออกเขาก็รีบก้าวเข้าไป โชคดีที่ไม่มีใครในลิฟท์เลย ไม่งั้นคนคงเอาไปลือกันสนุกปากแน่
ครั้นลิฟท์เปิดออกอีกที อารยะก็รีบพาปรียาไปที่รถ เขาปล่อยเธอลงยืนแล้วล้วงกุญแจออกมากดปลดล็อค จากนั้นก็เปิดประตูรถแล้วจับปรียาเข้าไปนั่ง จัดแจงคาดเบลท์ให้ เสร็จสรรพแล้วเขาก็รีบเดินไปนั่งประจำที่คนขับ รีบขับรถออกไป
ปรียาก็นอนระทดระทวยอยู่บนเบาะ มือปัดป่ายดึงเสื้อตัวเองไปมา พยายามจะถอดเสื้อออก
อารยะมองเห็นผิวเนื้อขาวๆโผล่ออกมาก็กลืนน้ำลายเอือก รีบปาดซ้ายปาดขวามุ่งหน้าไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน จนรถคันอื่นๆร้องตะโกนด่าตามหลังกันขรม
เมื่อถึงโรงพยาบาล อารยะก็พุ่งรถเข้าไปจอดหน้าตึก ER แล้วเขาก็รีบลงไปเปิดประตูฝั่งปรียา
บุรุษพยาบาลก็กรูกันมาอออยู่ข้างรถ
อารยะรีบแกะเบลท์ออก ถอดสูทตัวนอกคลุมตัวให้ปรียา แล้วอุ้มเธอออกมาส่งให้บุรุษพยาบาล บอกว่า “เธอถูกวางยาเสียสาว”
บุรุษพยาบาลอ้าปากค้างไปครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ
อารยะก็วางปรียาลงบนเตียงที่บุรุษพยาบาลเข็นมาเทียบอยู่ข้างรถ
“เดี๋ยวผมเอารถไปจอดก่อน ฝากคุณดูแลเธอด้วย เดี๋ยวผมมา” เขาบอกแล้วก็รีบก้าวไปขับรถไปจอดในที่จอดรถ แล้วก็รีบวิ่งไปที่ตึก ER
บุรุษพยาบาลก็เข็นคนไข้เข้าไปในห้อง ER
พยาบาลในห้องก็ถามว่า “คนไข้เป็นอะไรมา? ญาติคนไข้ล่ะ?”
“ญาติเอารถไปจอด เดี๋ยวมา เห็นบอกว่าคนไข้ถูกวางยาเสียสาวน่ะ” บุรุษพยาบาลตอบ
พยาบาลก็ปากอ้าค้างไปชั่วครู่ พอตั้งสติได้ก็หันไปดูอาการคนไข้ซึ่งมีอาการกระสับกระส่าย พยายามที่จะถอดเสื้อออก
“ร้อน ร้อน…ร้อนจัง น้ำ…หิวน้ำ…”
หมอก็รีบมาดูคนไข้
พยาบาลก็รายงานไปตามคำบอกของบุรุษพยาบาล
อารยะเดินเข้าไปในห้อง ER พุ่งไปยืนข้างเตียงปรียา บอกเล่าเหตุการณ์ให้หมอรับรู้
หมอก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็สั่งตรวจเลือด
พยาบาลก็จัดแจงเจาะเลือดไปตรวจ พร้อมกับช่วยกันมัดแขนขาคนไข้เอาไว้ก่อน กันไม่ให้คนไข้ดึงทึ้งเสื้อผ้าออก แล้วพยาบาลก็บอกว่า “เชิญญาติคนไข้ไปติดต่อห้องบัตรก่อนนะคะ”
อารยะก็พยักหน้าแล้วรีบไปจัดการเรื่องราวต่างๆ
ส่วนตะวันก็รอตำรวจอยู่ในห้อง
เมื่อตำรวจมาถึงเขาก็จัดแจงส่งตัวคนร้ายให้ตำรวจไปจัดการ
ภาสกรกับเพื่อนสนิทก็ถูกตำรวจพาตัวไป
ตะวันก็บอกกับตำรวจว่า “อย่าให้เป็นข่าวเด็ดขาด”
ตำรวจก็พยักหน้ารับรู้ เขาทำคดีของพวกไฮโซไฮซ้อมาเยอะแล้ว แค่ปิดข่าวไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากฝ่ายคนร้ายเป็นคนแพร่ข่าวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยากจะจัดการได้
หลังจากจัดการเรื่องราวแล้ว ตะวันก็โทรถามอารยะว่าอยู่โรงพยาบาลไหน
อารยะตอบแล้วตะวันก็วางสาย
จากนั้นก็โทรหาพ่อของปรียา บอกกล่าวเรื่องที่ปรียาอยู่โรงพยาบาลให้เขารับรู้
พ่อของปรียาพอรู้เรื่องก็ตกใจมาก รีบบอกต่อภรรยาว่าลูกสาวอยู่โรงพยาบาล จากนั้นทั้งสองก็เร่งรีบไปโรงพยาบาลทันที
ตะวันตัดสายแล้วก็หันไปพยักเพยิดกับเพื่อนสนิท “ไปโรงบาลกัน”
“อืม” เพื่อนสนิทของตะวันพยักหน้ารับ อย่างพอจะคาดเดาได้ว่าตัวเองต้องไปให้ปากคำกับตำรวจในฐานะที่เป็นพยานด้วยหนึ่งคน แต่เขาก็ดีใจที่สามารถช่วยเหลือปรียาได้ทันการณ์ ก่อนที่ไอ้เลวพวกนั้นจะลงมือข่มขืนปรียา เขาไม่อยากคิดเลยว่า หากตัวเองไม่พบเจอเข้า ปรียาจะเป็นเช่นไร
หลังจากนั้นทั้งสองต่างก็ขับรถของตัวเองไปโรงพยาบาลทันที
อารยะก็นั่งอยู่ข้างเตียงปรียา คอยเฝ้าจนกว่าตะวันจะมาถึง โรงพยาบาลที่เขาพามาส่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่เขาก็รู้ดีว่าครอบครัวปรียาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้แน่นอน เรื่องนี้เขาจึงไม่กังวลเลยสักนิด
ตะวันกับเพื่อนไปถึงโรงพยาบาลในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งสองจอดรถใกล้ๆ กัน แล้วก็พากันเดินไปที่ตึก ER พวกเขาเข้าไปในห้อง ER กวาดตามองครู่เดียวก็เห็นอารยะนั่งอยู่ ตะวันก็บอกว่า “ฉันโทรบอกคุณอาแล้ว อีกสักพักพวกท่านก็คงมาถึง”
“อืม” อารยะพยักหน้า แล้วหันไปมองปรียาอย่างเป็นห่วง เขาหันไปถามตะวันว่า “ไอ้พวกนั้น?”
“ส่งให้ตำรวจไปแล้ว” ตะวันบอก “เดี๋ยวรอให้คุณอาทั้งสองมา แล้วคงต้องให้คุณอาไปแจ้งข้อหาพวกมันน่ะ”
“เลวจริงๆ” อารยะเค้นคำเสียงต่ำ คิดแล้วตอนนั้นเขาน่าจะกระทืบพวกมันให้หนักๆ กว่านั้นอีกก็คงดี
ตะวันกำลังจะอ้าปากพูด พลัน! ชายหญิงคู่หนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเขา “หลานตะวัน”
ตะวันหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพ่อแม่ของปรียา เขาก็ยกมือไหว้ทั้งสอง “คุณอาทรงยศ คุณอาอันธิกา”
ทั้งสองมองเลยตะวันไป พอเห็นลูกสาวนอนอยู่บนเตียง ถูกมัดแขนมัดขาไว้ก็ตกอกตกใจ “ตายแล้วลูกปรียา!”
ทั้งสองถลันเข้าไปข้างเตียงทันที มองลูกสาวแล้วก็หันไปซักไซ้ตะวันว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะหลานตะวัน? ทำไมลูกปรียาของอาถึงเป็นแบบนี้? แล้วทำไมต้องมัดเอาไว้ด้วยล่ะ?”
ตะวันยังไม่ทันตอบ หมอก็เดินเข้ามาถามว่า “พวกคุณเป็นอะไรกับคนไข้ครับ?”
“ดิฉันเป็นแม่ค่ะ ส่วนนี่เป็นพ่อค่ะ เกิดอะไรขึ้นกับลูกดิฉันเหรอคะ?” อันธิกาขยับไปถามหมออย่างร้อนใจ
“ผลตรวจเลือดออกมาแล้วนะครับ พบว่าในเลือดของคนไข้มีสาร GHB(Gamma hydroxybutyrate) กับเคตามีนอยู่ในกระแสเลือดครับ”
“เอ่อ หมอช่วยพูดภาษาชาวบ้านๆ หน่อยได้ไหมครับ?” ทรงยศบอก หน้าตาเหรอหรากับศัพท์ที่หมอใช้
“คือคนไข้ได้รับยาเสียสาวเข้าไปน่ะครับ” หมออธิบายตามประสาชาวบ้าน
ทรงยศกับอันธิกาอ้าปากค้าง “อะไรนะ!?”
หมอหันไปมองคนอื่นๆ แล้วถามว่า “คนไข้ได้รับยาเข้าไปยังไงครับ?”
แต่พอเห็นคนไข้คนอื่นกับญาติคนไข้เตียงอื่นมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หมอจึงบอกญาติคนไข้เตียงนี้ว่า “เชิญไปคุยกันที่ห้องพักหมอดีกว่าครับ”
“ครับ” ตะวันก็หันไปพยักเพยิดกับเพื่อน แล้วก็เดินตามหมอไป
เพื่อนอีกคนก็ตามไปด้วย เพราะเขาก็รู้จักกับทรงยศและอันธิกาพอประมาณ เพราะคุณย่าของเขาก็เป็นลูกค้าขาประจำร้านเพชรของทั้งสองเช่นกัน
อันธิกาก็จับแขนสามีเดินตามหมอไป
ส่วนอารยะไม่ได้ตามไป เขายังคงนั่งเฝ้าปรียาอย่างเป็นห่วงเป็นใย คอยเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้
ปรียาก็กระสับกระส่ายเป็นบางครั้ง บ้างก็เคลิ้มๆไป ปากก็คอยพร่ำพูดว่า “ร้อน…ร้อน…ถอดเสื้อหน่อย ร้อน…”
เมื่อถึงห้องพักหมอ หมอก็ผายมือไปที่โซฟารับแขก “เชิญนั่งครับ”
ทรงยศกับอันธิกานั่งลง
ตะวันกับเพื่อนนั่งลงอีกฝั่ง
ส่วนหมอนั่งตรงโซฟาเดี่ยว
แล้วตะวันก็เริ่มเล่าว่า “คือผมไปงานแต่งงานที่โรงแรมพร้อมกับคุณปรีแล้วก็ไอ้ยะเพื่อนผมอีกคนน่ะครับ ผมมัวคุยอยู่กับอากิมเอง แล้วไอ้กะทิก็เห็นนายภาสกรประคองคุณปรีขึ้นลิฟท์ไป”
เขาชี้มือไปที่เพื่อนข้างๆ
กะทิก็รีบรับช่วงต่อเล่าว่า “ผมเห็นว่าคุณปรียามีท่าทางแปลกๆ ก็เลยรีบไปบอกไอ้วัน แล้วพวกเรา 3 คนก็ตามไปถึงห้องที่ไอ้เลวนั่นพาคุณปรียาไป แล้วพวกเราก็ช่วยคุณปรียาออกมาก่อนที่เธอจะถูกมันข่มขืนน่ะครับ มีเพื่อนไอ้เลวนั่นอีกคน คิดว่าพวกมันคงรวมหัวกันคิดรุมโทรมเธอน่ะครับ ผมเห็นว่าท่าทางเธอดูแย่มากก็เลยให้พาคุณปรียามาส่งโรงบาลก่อนครับ แล้วผมสองคนกับไอ้วันก็รอตำรวจมาจับตัวพวกมันไปครับ แล้วเราก็รีบมาที่โรงบาลนี่แหละครับ”
ทรงยศกับอันธิกามองหน้าคนเล่า แล้วอันธิกาก็ถามว่า “เอ…คุณนี่ใช่หลานคุณหญิงนลินีใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ คุณย่าผมเป็นลูกค้าประจำร้านคุณอานั่นแหละครับ”
อันธิกามองหลานชายคุณหญิงนลินีแล้วก็คิดว่าคนอย่างเขาคงไม่กุเรื่องขึ้นแน่ คุณหญิงนลินีเป็นใคร ร่ำรวยขนาดไหนใครๆ ก็รู้
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าภาสกรจะทำแบบนี้” ทรงยศกล่าว มือกำแน่นแล้วก็ทุบที่วางแขนโซฟาทีหนึ่ง
“เอ่อ…อย่าหาว่าผมสอดเลยนะครับ” กะทิเอ่ยขึ้นมา “คือว่าจริงๆ แล้วไอ้เลวภาสกรนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกครับ มันน่ะเป็นตัวเลวร้ายเลยล่ะครับ มันชอบมอมยาสาวๆไฮโซ ผู้หญิงร่ำรวยทั้งหลาย พาไปข่มขืนแล้วก็ถ่ายคลิปไว้แบล็คเมล์น่ะครับ คุณอาทั้งสองคงไม่ทราบ แต่ที่มันยังลอยนวลอยู่ก็เพราะผู้เสียหายไม่กล้าไปแจ้งความเพราะกลัวคลิปหลุดน่ะครับ”
“หา!” ทรงยศกับอันธิกาตกใจจนอ้าปากค้าง
“เป็นความจริงหรือครับ?” ทรงยศถามย้ำ
ส่วนอันธิกาก็หน้าซีดเผือด หากว่าเป็นอย่างที่หลานชายคุณหญิงนลินีพูดมา นี่ถ้าหากลูกสาวตัวเองถูกข่มขืน ถ่ายคลิปจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
กว่าทั้งสองจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปครู่ใหญ่ แล้วอันธิกาก็หันไปพูดกับคุณหมอว่า “คุณหมอช่วยตรวจร่างกายลูกปรียาให้ละเอียดๆ เลยนะคะ ถ้าลูกสาวดิฉันถูกข่มขืนก็ช่วยเก็บหลักฐานให้ละเอียดเลยค่ะ ดิฉันจะได้เอาหลักฐานไปยื่นฟ้องพวกมันเอาให้ถึงที่สุดเลยค่ะ”
อันธิกาบอกในฐานะที่เคยเป็นทนายความมาก่อน ก่อนจะมาแต่งงานกับทรงยศเจ้าของร้านเพชร
“ครับๆ เดี๋ยวผมจะตรวจให้ละเอียดเลยครับ” หมอรับคำแล้วก็ลุกออกไป
ทรงยศก็หันไปพูดกับชายหนุ่มทั้งสองว่า “ขอบคุณหลานชายทั้งสองมากที่ช่วยลูกสาวอาไว้ ขอบคุณจริงๆ”
เขายกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสอง
ทำให้ทั้งสองรีบยกมือห้าม “อ่ะ คุณอาอย่าไหว้พวกผมครับ เดี๋ยวพวกผมอายุสั้น”
“สั้นเสิ้นอะไรกัน บุญคุณที่ช่วยลูกอาไว้ ต่อให้กราบก็ยังนับว่าสมควรแล้ว” ทรงยศเอ่ยอย่างจริงจัง
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ เอาเป็นว่าครั้งหน้าถ้าคุณแม่ผมไปซื้อเพชรก็ช่วยลดให้หน่อยดีกว่าครับ” ตะวันกล่าวทีเล่นทีจริง
“แหม ลูกชายคุณพรรณนานี่ช่างเจรจาจริงนะคะ” อันธิกาเย้า ทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดจางหายไป
“อ่อ แล้วหนุ่มที่นั่งเฝ้าลูกสาวอาอยู่นั่น ใครกันล่ะ?” ทรงยศถามสองหนุ่ม
ตะวันก็ตอบว่า “ชื่ออารยะครับ เป็นเพื่อนผมเอง เป็นรองผู้จัดการฝ่ายเทคนิคบริษัท IBM ครับ”
พอได้ยินว่าเป็นเพื่อนกับตะวัน อีกทั้งหน้าที่การงานก็ไม่เลว ทรงยศกับอันธิกาจึงเบาใจ
แล้วอันธิกาก็เอ่ยว่า “ถ้างั้นอาไปดูลูกปรียาก่อนนะคะ”
“ครับคุณอา” ตะวันบอก
อันธิกาก็จับมือสามีลุกขึ้น พากันเดินกลับไปที่ห้อง ER
ตะวันกับกะทิก็ตามไป
ทั้ง 4 เห็นเตียงที่ปรียานอนอยู่ถูกดึงม่านมาปิดไว้
ส่วนอารยะก็ยืนรออยู่นอกม่าน สายตาก็คอยจ้องผ้าม่านอย่างเป็นห่วงคนข้างใน
ทั้ง 4 จึงเดินไปรออยู่ใกล้ๆ กับอารยะ
สองหนุ่มก็เดินไปขนาบข้างอารยะ มองอย่างให้กำลังใจ
สักพักหมอก็เดินออกมาจากผ้าม่าน เห็นพ่อแม่คนไข้ก็ บอกว่า “ผมตรวจเบื้องต้นแล้ว คุณทั้งสองสบายใจได้ คนไข้ไม่ได้ถูกข่มขืนครับ”
แล้วหมอก็ลดเสียงลงแทบจะกระซิบว่า “คือคนไข้ยังมีเยื่อพรหมจรรย์อยู่ครับ”
คำพูดของหมอทำให้ทรงยศกับอันธิกาหันไปมองหน้ากันตาปริบๆ แล้วก็หันไปจ้องหมอเหมือนเห็นเอเลี่ยนอย่างไรอย่างนั้น
ทรงยศก็ขยับไปกระซิบกับหมอว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ก็ลูกสาวผมน่ะ เอ่อ…คือ…เอ่อ…ผมเห็นเขาควงหนุ่มไม่ซ้ำหน้าเลยนะ”
“จริงๆ ครับ อันนี้หมอยืนยันได้ คนไข้ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนครับ เธอยังมีเยื่อพรหมจรรย์อยู่ครับ” หมอกระซิบบอก
ทรงยศหันไปมองภรรยา เหมือนกำลังถามว่า ‘นี่ผมหูฝาดไปรึเปล่า?’
ส่วนอันธิกาก็ทำหน้าเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกงั้นแหละ
ส่วน 3 หนุ่มก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นขึ้นมาทันที แต่ในใจแต่ละคนกลับตกอกตกใจไม่น้อย
‘ยังซิง!!!’
“พระเจ้าช่วย กล้วยทอดไหม้!!!”
“มหกรรมต้มคนมโหฬารแล้ว งั้นไอ้ที่เธอควงหนุ่มไปควงหนุ่มมานั่นก็คือไม่มีอะไรในกอไผ่งั้นรึ!!!”
อันธิกากะพริบตาปริบๆ แล้วก็ทำท่าเหมือนขาจะอ่อนขึ้นมาจนต้องเกาะสามีเอาไว้ “โอย…จะเป็นลม”
“โอย…ผมปวดหัว” ทรงยศเอ่ยขึ้นมาแล้วก็หันไปถามหมอว่า “หมอครับ ขอพาราให้ผมซัก 2 เม็ดได้ไหมครับ?”
หมอพยักหน้าแล้วก็เดินไปหยิบยาพารามาส่งให้ญาติคนไข้แผงนึง
ทรงยศก็รับมาฉีกซองแกะยาออกมา 2 เม็ด
อันธิกาก็คว้ายาจากมือสามีหมับ
หมอก็ยื่นแก้วน้ำดื่มแจกให้ญาติคนไข้คนละแก้วพร้อมหลอด
อันธิกาก็ฉวยหมับ แล้วเอาหลอดเจาะแก้ว จากนั้นก็เอายาพารา 2 เม็ดใส่ปากแล้วก็ดูดน้ำตามไป
ทรงยศก็ฉีกซองยา แกะยาออกมา 2 เม็ดแล้วก็เอาใส่ปากตัวเอง แล้วดูดน้ำตาม เขาหันไปมอง 3 หนุ่ม ยื่นซองยาพาราให้
ตะวันก็โบกมือปฏิเสธ
กะทิก็เช่นกัน
อารยะก็โบกมือปฏิเสธเหมือนกัน
เสียงโทรศัพท์ของตะวันดังขึ้น ตะวันก็รีบเดินออกไปจากห้อง ER ทันที เขารับโทรศัพท์ คุยอยู่ครู่ใหญ่แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ER พูดกับทรงยศและอันธิกาว่า “ตำรวจโทรมาบอกว่า ถ้ายังไม่มีใครไปแจ้งความก็จะต้องปล่อยไอ้เลวสองคนนั่นครับ”
อันธิกากับทรงยศตาวาววับทันที แล้วทรงยศก็พูดว่า “ไปคุณ ไปแจ้งความกัน จะต้องเอามันเข้าคุกให้ได้!”
“ผมไปด้วยครับคุณอา ผมสนิทกับท่านรองครับ” ตะวันเสนอตัว
ทรงยศกับอันธิกาก็พยักหน้า แต่แล้วอันธิกาก็ละล้าละลังขึ้นมา “แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนลูกปรียาล่ะ?”
“ผมอยู่เองครับ” อารยะอาสา
ทรงยศมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีตำแหน่งรองผู้จัดการครู่หนึ่ง
ตะวันก็รีบพูดว่า “คือคุณปรีสนิทกับไอ้ยะมากน่ะครับ คุณอาอาจจะยังไม่ทราบ แต่ตอนอยู่ในงานเลี้ยงคุณปรีถึงขนาดบอกว่าไอ้ยะเป็นแฟนเชียวนะครับ”
“แฟน!?” ทรงยศกับอันธิกาตกใจอุทานออกมาแล้วก็จ้องมองหนุ่มหล่อราวกับจะสแกนให้เห็นตับใตไส้พุงเลยทีเดียว
อารยะถูกจ้องมองมากๆ ก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมา เขายกมือลูบๆ ท้ายทอยตัวเอง
อันธิกาก็ขยับไปกระซิบกับสามีว่า “ลูกปรีไม่เคยบอกว่าใครเป็นแฟนเลยนะพ่อ มีแต่บอกว่าเป็นเพื่อน ไหงจู่ๆ บอกว่าพ่อคนนี้เป็นแฟนได้ล่ะ?”
“อืมๆ นั่นซิ” ทรงยศพยักเพยิด แล้วสองสามีภรรยาก็จ้องมองอารยะอีกครั้ง