Skip to content

แบล็คเมล์ไฮโซ 9

Chapter 9

วางยาพาขึ้นห้อง

ภาสกรมองทั้งสาม ขบกรามกรอดๆ อุตส่าห์ลงทุนลงแรงตามจีบมาตั้งนาน แต่ปรียากลับเอาแต่หลบเลี่ยงแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่คิดจะคบหาด้วย เหยื่อที่ดูว่าง่ายกลับกลายเป็นยากขึ้นมา ทำให้เขายิ่งอยากเอาชนะ อยากทำให้สาวสวยสยบอยู่ใต้ร่างตัวเองจริงๆ ฮึ่ม! คืนนี้แหละกูจะฟันมึงให้ได้อีปรียา!

ผู้คนในงานก็โฉบเข้าไปทักทายตะวันกับปรียาเป็นระยะๆ แต่สายตากลับมองหนุ่มหล่อข้างกายปรียา จนอารยะรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ปรียาก็แนะนำหนุ่มข้างกายว่า “อ่อ นี่คุณอารยะค่ะ เป็นแฟนปรีเอง ทำงานอยู่ที่ IBM เป็นรองผู้จัดการฝ่ายเทคนิคค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

สองสามีภรรยากล่าวพลางยื่นมือไปเช็คแฮนด์ด้วย

อารยะก็ยื่นมือเช็คแฮนด์ ยิ้มแย้มให้ กล่าวทักทายตามมารยาท “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็ขอตัวไปทักทายคนอื่นๆ พอเดินห่างคนทั้งสามไปหน่อยก็แอบซุบซิบกันว่า “ต๊ายคุณ ไม่คิดเลยว่ายัยปรียาจะซุ่มคบหนุ่มนอกวงการ”

“นั่นซิ แบบนี้พวกเด็กเอนพวกนั้นไม่อกหักแย่เหรอ”

“ข่าวนี้ต้องขยาย!”

จากนั้นสองสามีภรรยาขาเม้าก็โฉบไปคุยกับคนอื่นๆ ต่อ

อารยะก็หันไปมองปรียาเขม็ง กระซิบว่า “นี่คุณ ไหงแนะนำแบบนั้นล่ะ ผมเสียหายหลายล้านนะคุณ”

“อ๋อ เหรอคะ” ปรียายานคางกระซิบตอบ ตาแพรวระยับอย่างสนุก “งั้นปรีรับผิดชอบ เดี๋ยวให้แม่ไปขอดีไหม?”

“ฮื้อ! คุณนี่ยังจะพูดเล่นอีก” อารยะกระซิบดุ แล้วก็หันไปหยิบผลไม้ใส่ปากแก้โมโหคนข้างๆ

ปรียาหัวเราะคิกคักที่แกล้งเขาได้

เพื่อนสนิทของภาสกรเดินกลับเข้ามา กระซิบว่า “กูเปิดห้องให้มึงเตรียมเชือดแล้ว นี่คีย์การ์ด”

เขาเอาคีย์การ์ดยัดใส่มือเพื่อน

ภาสกรก็เหลือบมองเลขห้อง กระซิบว่า “ขอบใจว่ะ”

แล้วก็เก็บคีย์การ์ดใส่กระเป๋าเสื้อ กระซิบกับเพื่อนว่า “เดี๋ยวมึงช่วยกูกันท่าไอ้สองตัวนั่น”

“เออ กูรู้แล้ว มึงไม่ต้องพูดมาก แค่หลอกหญิงไปเชือดกูเซียนกว่ามึงเยอะ ว่าแต่ยามึงมีแล้วยัง ถ้ายังไม่มีมึงเอาของกูก่อนก็ได้” เพื่อนกระซิบเสียงเบา

ภาสกรพยักหน้า “กูมี”

แล้วเพื่อนก็พยักหน้าอย่างมาดร้าย “มึงเชือดมันแล้ว แบ่งให้กูมั่งล่ะ หรือจะให้กูไปช่วยถ่ายคลิปเอาไว้รีดก็บอก กูไม่ได้ดูหนังสดมานานล่ะ”

“เอามันขึ้นห้องให้ได้ก่อนเถอะ หลังจากนั้นกูกะมึงค่อยสนุกกะมัน” ภาสกรกระซิบตอบ

แล้วทั้งสองก็ส่งสายตาให้กันอย่างเข้าขา

อารยะนั่งดื่มกินไปสักพักก็กระซิบกับปรียาว่า “ผมขอไปทำธุระแป๊บ”

“ค่ะ” ปรียาพยักหน้ารับรู้

อารยะก็ลุกออกไป เดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงไปยังห้องน้ำ

เมื่อเห็นหนุ่มที่ปรียาแนะนำว่าเป็นแฟนลุกไป ภาสกรก็ส่งสายตากับเพื่อนสนิท

เพื่อนสนิทก็มองตอบอย่างรู้ความหมาย รอจนตะวันลุกไปตักอาหาร เพื่อนสนิทของภาสกรก็ปราดไปคุยกับตะวันทันที “สวัสดีครับคุณตะวัน”

“สวัสดีครับ” ตะวันตอบตามมารยาท

“เอ่อ…คุณตะวันพอจะมีเวลาให้ผมสักหน่อยไหมครับ คือพอดีว่าผมปิ๊งผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ที่บริษัทคุณน่ะครับ เลยอยากรู้ว่าเธอคบหาใครบ้าง หรือว่าแต่งงานแล้วน่ะครับ คุณตะวันช่วยผมหน่อยนะครับ”

ตะวันมองอย่างไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่แต่ก็เก็บความไม่พอใจเอาไว้ ตอบตามมารยาทว่า “เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอครับ ผมก็ไม่รู้หรอกครับ คุณควรจะไปถามเธอเองดีกว่านะครับ”

ขณะที่ตะวันกำลังถูกดึงตัวไว้ ภาสกรก็รีบโฉบไปนั่งข้างปรียาทันที ชวนคุยว่า “ผู้ชายคนนั้น อยู่โมไหนเหรอ?”

“อยู่โม IBM ค่ะ” ปรียาตอบแบบเกทับ

จังหวะนั้นเองคุณหญิงสิริลักษณ์ก็ปราดเข้ามาทักทายปรียา “แหม หนูปรีมานั่งอยู่ตรงนี้เอง น้าขอนั่งด้วยคนนะ”

คุณหญิงสิริลักษณ์พูดแล้วก็นั่งลงตรงเก้าอี้ที่อารยะนั่ง

ปรียาหันไปมองแล้วก็ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณหญิง”

คุณหญิงสิริลักษณ์ก็ยื่นมือไปตรงหน้าปรียา เอ่ยว่า “หนูปรีช่วยดูแหวนเพชรวงใหม่นี่ให้น้าทีซิ ราคาควรจะซักเท่าไหร่ พอดีว่าคุณนายฉายจะเอามาจำนำกับน้าน่ะ นี่ถ้าไม่เจอหนู น้าก็กะว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปที่ร้านนั่นแหละ”

ปรียามองแหวนเพชรในมือคุณหญิงแล้วก็หยิบมาพิศดู

ภาสกรก็แอบฉวยโอกาสตอนที่ทั้งสองคนคุยกัน แอบเทยาเสียสาวใส่แก้วไวน์ของปรียา

ในขณะที่ตะวันกำลังจะขอตัวกับเพื่อนสนิทของภาสกร ก็มีชายสูงวัยเดินเข้าไปทักทายกับตะวัน “สวัสดีหลานตะวัน”

“สวัสดีครับ คุณอากิมเอง” ตะวันยกมือไหว้

แล้วกิมเองก็ชวนตะวันคุย

เพื่อนสนิทของภาสกรก็หันไปทำทีตักอาหาร เหลือบไปมองภาสกร เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องก็พอจะเดาได้ว่า คงจะแอบใส่ยาไปแล้ว

ปรียาพิศดูแหวนครู่หนึ่ง แล้วก็บอกว่า “ราคาคร่าวๆก็ 3 แสนค่ะคุณน้า”

แล้วก็ส่งแหวนคืนให้คุณหญิงสิริลักษณ์

คุณหญิงสิริลักษณ์พูดคุยกับปรียา

ระหว่างที่คุย ปรียาก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบไปด้วย เธอไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดว่า ภาสกรจะกล้าวางยาลงในแก้วไวน์

คุณหญิงสิริลักษณ์พูดคุยกับปรียาอย่างออกรสอยู่พักใหญ่ แล้วก็ขอตัวไปคุยกับคนอื่นต่อ

ปรียาก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายตามมารยาท

แล้วคุณหญิงก็ลุกไป

ปรียายกไวน์ขึ้นจิบจนหมดแก้ว

ส่วนอารยะ หลังจากออกจากห้องน้ำแล้ว เขาก็เดินไปหาที่นั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนร่วมงานที่โทรมาปรึกษาเคสด่วน ทำให้เขาไม่อาจกลับเข้าไปในงานได้เร็วนัก

ส่วนตะวันก็ติดคุยกับกิมเองอยู่ ช่างเป็นโอกาสเหมาะเหม็งสำหรับภาสกรจริงๆ

ปรียารู้สึกมึนๆ หัวขึ้นมา คิดว่า สงสัยคงดื่มไวน์มากไปหน่อย เธอจึงหันไปพูดกับภาสกรว่า “ขอตัวค่ะ”

ภาสกรพยักหน้า ซ่อนรอยยิ้มสมใจไว้มิดชิด

แล้วปรียาก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าถือเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป เธอคิดว่าถ้าไปปลดทุกข์เบาในห้องน้ำสักครู่แล้วดื่มน้ำตามสักขวดคงจะทำให้อาการดีขึ้นมั้ง

ภาสกรก็เดินตามไป ผู้คนในงานก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย เพราะเห็นเป็นเรื่องปกติแล้วที่จะเห็นภาสกรตามตื้อไฮโซสาวแบบนี้

ส่วนเพื่อนสนิทของภาสกร พอเห็นปรียาเดินออกไป มีภาสกรตามไป เขาก็รีบปลีกตัวเดินออกไปจากงานทันที

ปรียาเดินมึนๆ หัวออกไป เธอตรงไปยังห้องน้ำทันที

ภาสกรก็ตามหลังไปด้วยท่าทางสงบ

ปรียาเดินเซๆ จนต้องขยับไปเกาะผนัง

ภาสกรก็รีบเข้าไปประคอง พูดว่า “คุณคงจะเมาแล้ว งั้นเดี๋ยวผมพาไปนั่งนะครับ”

ปรียาหันไปมอง ยื่นมือผลักเขาออก แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกวิงเวียนมึนหัวจนยืนทรงตัวไม่อยู่ เซวูบเข้าไปในอ้อมอกของภาสกรที่รอท่าพอดิบพอดี แล้วภาสกรก็ประคองปรียาเดินไป

ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าคนเมาธรรมดาเท่านั้น ก็มีงานเลี้ยงที่บริการเครื่องดื่มเลิศรสแบบไม่อั้นอย่างนี้ จะมีคนเมาให้เห็นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แล้วภาสกรก็ประคองปรียาไปขึ้นลิฟท์

ขณะที่ทั้งสองเข้าไปในลิฟท์ เผอิญเพื่อนของตะวันยืนอยู่ตรงหน้าลิฟท์พอดี เขาทันเห็นหมายเลขห้องบนซองใส่คีย์การ์ดที่ภาสกรหยิบออกมาใช้ปลดล็อคลิฟท์ให้ทำงาน อีกทั้งท่าทางของปรียาก็ดูผิดปกติ เขาจำได้ว่าปรียาเป็นคนระมัดระวังตัว ไม่เคยที่จะดื่มจนเมาขนาดนี้ แล้วตอนที่ตะวันเข้างานมาก็มาพร้อมกับปรียากับอารยะ แล้วไหงจู่ๆ ถึงได้มากับภาสกรได้ล่ะ?

ข้อสงสัยเหล่านี้ทำให้เขารีบเดินกลับเข้าไปในงาน พอเจอตะวัน เขาก็รีบเข้าไปกระซิบบอก

ตะวันซึ่งยืนคุยกับกิมเองอยู่ฟังแล้วก็รีบขอตัวกับกิมเองว่า “เอ่อ…คุณอาครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“อื้มๆ ไปเถอะ” กิมเองพยักหน้าแล้วก็หมุนตัวไปคุยกับคนอื่นต่อ

ในเวลาเดียวกันอารยะก็คุยกับเพื่อนร่วมงานเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับเข้ามาในงาน เจอกับตะวันตรงประตูพอดี

ตะวันเห็นเพื่อนรักมาก็คว้าแขนอารยะเดินออกไปนอกห้องจัดเลี้ยง แล้วกระซิบบอกว่า “นายภาสกรนั่นพาคุณปรีขึ้นลิฟท์ไปแล้ว ดูเหมือนว่าคุณปรีจะเมามากด้วย”

อารยะเบิกตากว้าง เข้าใจความหมายคำพูดของตะวันทันที

จากนั้น 3 หนุ่มก็รีบมุ่งตรงไปยังลิฟท์ทันที ตะวันล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าสตาง เขามีคีย์การ์ดของโรงแรมนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นลูกค้า VIP ของร้านอาหารซึ่งอยู่ชั้นบนของโรงแรมแห่งนี้ ทางร้านจึงมอบคีย์การ์ดให้เขาเอาไว้ จะได้สะดวกเวลามาใช้บริการที่ร้าน

เมื่อลิฟท์ถึงชั้นที่เปิดห้องเอาไว้ ภาสกรก็ประคองปรียาเดินออกจากลิฟท์ พาเดินไปยังห้องที่เปิดเอาไว้ ในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง วันนี้แหละกูจะฟันมึงให้ห**แหกเลยอีปรี! เล่นตัวดีนักนะมึง! เดี๋ยวกูจะจับมึงถ่ายคลิปทุกซอกทุกหลืบเอาไว้รีดให้หมดตัวเลยอีเวร!

เมื่อถึงห้อง เขาก็เปิดประตูเข้าไป แล้วพาปรียาไปนอนบนเตียง

ปรียาพยายามลืมตาขึ้นอย่างมึนงง รู้สึกว่าเนื้อตัวร้อนจนเหงื่อซึม “น้ำ…หิวน้ำ…”

เธอพยายามยันตัวขึ้นมา

ภาสกรก็มองดูอย่างย่ามใจ “หิวน้ำหรือจ๊ะอีปรี วันนี้กูจะให้มึงกินน้ำคว**กูจนอิ่มเลย”

ปรียารู้ตัวว่าเสียท่าแล้วก็พยายามจะลุกหนี แต่เธอวิงเวียนมึนงงจนแขนขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังพยายามยันตัวลุกขึ้นมา

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ภาสกรคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทก็เดินไปเปิดประตู บ่นว่า “มึงจะกดกริ่งทำเหี้…”

พูดยังไม่ทันจบ กำปั้นหนักๆ ก็พุ่งมากระแทกหน้าแล้ว “โอ๊ย!”

เขาเซถอยหลังไป ก็รู้สึกเจ็บที่ท้องจนเซล้มลง ทันเห็นเท้าหนึ่งที่ถีบมา

อารยะถีบแล้วก็ขยับไปเหยียบอกกดเอาไว้

ตะวันกับเพื่อนอีกคนก็รีบกรูเข้าไปในห้อง เห็นปรียานอนอยู่บนเตียง พวกเขาจึงช่วยประคองเธอขึ้นมา สองหนุ่มปรึกษากัน “เอาไงดี? จับมันส่งตำรวจเลยไหม?”

“ก็ส่งตำรวจเลยซิ จะเอามันไว้ทำไม คนเลวๆ พรรค์นี้ ปล่อยไว้ก็ดีแต่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก” ตะวันพูดแล้วก็ตบแก้มปรียาเบาๆ “คุณปรีๆ คุณเป็นไงมั่ง?”

ปรียาพยายามฝืนลืมตามอง เห็นว่าเป็นตะวันก็รีบบอกเสียงระโหยอ่อนแรงว่า “คุณวัน ช่วยปรีด้วย ปรีร้อน”

มือก็ปัดป่ายพยายามที่จะถอดเสื้อออก

“พวกมึง!” ภาสกรคำรามเสียงต่ำคำหนึ่ง

อารยะมองอย่างเหี้ยมเกรียม แล้วก็เตะเสยคางพลั๊ก!

“โอ๊ะ!” ภาสกรร้องออกมาคำเดียวแล้วก็สลบไป แล้วอารยะก็มองหาอะไรที่จะมามัดมือภาสกร เขาเห็นเสื้อคลุมอาบน้ำแขวนอยู่ในตู้ก็ยื่นมือไปกระตุกเชือกผูกเอวของเสื้อคลุมออกมา แล้วจัดแจงมัดภาสกรเอาไว้ เมื่อมัดเสร็จแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับปิดประตูห้องด้วย พอเห็นสภาพปรียาเขาก็ถลันเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง “คุณปรี! คุณเป็นยังไงมั่ง?”

“ร้อน” ปรียาตอบอย่างไร้สติ มือก็พยายามถอดเสื้อ

สองหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ต้องช่วยกันจับแขนยื้อยุดเอาไว้

เพื่อนสนิทของตะวันก็พูดว่า “อาการแบบนี้คงโดนยาเสียสาวเข้าไปว่ะ ผมว่าพาเธอส่งโรงบาลก่อนเถอะเกิดช็อคยาไปจะแย่นะ”

“ไอ้ยะ แกพาคุณปรีไปส่งโรงบาลก่อน ส่วนทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ตะวันบอก

อารยะยังไม่ทันขยับตัว พลัน! ประตูห้องก็มีเสียงปลดล็อคดังขึ้น

3 หนุ่มหันไปมองหน้ามองตากัน

แล้วอารยะก็รีบพุ่งไปยืนอยู่ข้างบานประตูทันที

เมื่อประตูเปิดออก เพื่อนสนิทของภาสกรก็ก้าวเข้ามาในห้องก้าวหนึ่ง แต่พอสายตาเห็นภาสกรนอนอยู่ที่พื้น มือถูกมัดเอาไว้ เขาก็ชะงักกึก ชักขาก้าวถอยหลังทันที

อารยะก็ยื่นมือไปจิกผมลากคนเข้ามา “จะไปไหน!”

“โอ๊ยๆ ปล่อยผมๆ” เพื่อนสนิทของภาสกรร้องลั่น โวยวายว่า “คุณปล่อยผม ผมเข้าห้องผิด ปล่อยผมนะ”

อารยะดึงคีย์การ์ดที่เสียบคาอยู่ที่ประตูมา แล้วดันบานประตูปิด

เสียงล็อคประตูดังกริ๊กทำให้ชายที่ถูกจิกผมสะดุ้งเฮือก

อารยะมองคีย์การ์ดแล้วพูดว่า “เข้าห้องผิดงั้นรึ! มึงโกหกไม่เนียนเลยว่ะ”

“ผมเข้าห้องผิดจริงๆ ปล่อยผมไปเถอะคร้าบ ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ปล่อยผมไปเถอะคร้าบ” เพื่อนสนิทของภาสกรร้องพลางพยายามแกะมือที่ขยุ้มผมตัวเองจิกเอาไว้ เจ็บจนหนังหัวชาหนึบไปหมด

อารยะกระชากคนลากไปเหวี่ยงตรงพื้นระหว่างเตียงนอนกับทีวี

“โอ๊ย!” ชายคนนั้นร้องแล้วก็ถอยกรูดไป

อารยะตามไปเหยียบขาเอาไว้ข้างหนึ่ง

“โอ๊ยๆ เจ็บๆๆๆ” ชายคนนั้นก็ร้องลั่น สายตาเหลือบไปเห็นตะวันก็รีบพูดว่า “คุณตะวันช่วยผมด้วย ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยนะ ปล่อยผมไปเถอะ”

“ปล่อยงั้นรึ!” ตะวันแค่นเสียงเหี้ยมเกรียม “ปล่อยมึงเข้าคุกไง มึงอย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่ามึงกับมันรวมหัวกันคิดจะข่มขืนคุณปรีน่ะ”

“เปล๊า! ผมเปล่านะ ผมเข้าห้องผิดจริงๆ สาบานให้ฟ้าผ่าเลยก็ได้” ชายคนนั้นชูนิ้วขึ้นมา พลัน! เบื้องนอกก็มีแสงสว่างวาบขึ้นนอกหน้าต่าง ตามมาด้วยเสียงดังเปรี้ยง! ชายคนนั้นรีบลดนิ้วลงทันที หัวหดกลัวจนฉี่แทบราด

“ไอ้ยะ แกพาคุณปรีไปโรงบาลก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง” ตะวันบอก

อารยะก็พยักหน้ารับ “อืม” แล้วเขาก็เดินไปอุ้มปรียาขึ้นมา

ปรียาก็กอดคอหมับ เอาหัวซบถูไถราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วจะช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่มในร่างกายลงไปได้

อารยะกัดฟันแน่น แล้วก็รีบพาปรียาไป

ตะวันก็เดินไปเปิดประตูห้องให้ จากนั้นเขาก็ปิดประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรเรียกตำรวจที่รู้จักคุ้นเคยให้มาทำคดี

ส่วนเพื่อนสนิทของตะวันก็หันไปยืนเฝ้าชายคนนั้นเอาไว้ กันไม่ให้คนพรวดพราดหนีไปได้

ปรียาอยู่ในอ้อมแขนอารยะ จู่ๆ ก็เผยอตัวจูบปากเขา

อารยะจะปัดป้องก็ทำไม่ได้ เขาจึงได้แต่พยายามหันหน้าหนี

ปรียาก็จับศีรษะเขาเอาไว้แน่น แล้วจูบอย่างรุนแรง

อารยะก็พยายามหันหน้าหนี แต่เขาจะหนีไปไหนได้ ถูกรุกหนักเข้า เขาก็จูบตอบ

กว่าปรียาจะสงบลงก็ราว 10 นาทีได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version