บทที่ 89 ปรึกษาตระกูลหลาน
อวิ๋นหรูผ่านเขาเทียนปี้ไป ผ่านไปยังเขตม่านพลังตระกูลหลานอย่างราบรื่น แม้เขตม่านพลังของตระกูลหลานคนนอกจะไม่อาจผ่านเข้าไปได้ แต่เพราะตอนเด็กๆ นางมักจะเล่นกับหลานเยี่ยเป็นประจำ ดังนั้นหลานชิงจึงเปิดม่านพลังให้
หลายปีที่ไม่ได้มาตระกูลหลานยังคงเป็นเหมือนเดิม หอคอยแสนประณีต ภูเขาและแม่น้ำที่สวยงาม
หลานเม่ยคอยจัดการตระกูลหลาน ทุกวันจะมีขบวนตรวจลาดตระเวนตระกูลหลาน เขายืนอยู่บริเวณสูงที่สุดของเขาหลานวั่ง มองเห็นคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในตระกูลหลานตั้งแต่ไกลๆ หลานเม่ยลงมาจากที่สูง
“ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ มาถึงตระกูลหลานไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือ?” ทันใดนั้นหลานเม่ยก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าอวิ๋นหรู ทำเอาอวิ๋นหรูตกใจไม่เบา
“ข้า ข้ามาหาท่านพี่”
อวิ๋นหรูเห็นว่าเป็นหลานเม่ย ก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา
“หากเป็นท่านประมุข เขาไม่อยู่ในตระกูลหลานขอรับ ท่านประมุขไม่ได้นำคนไปที่เขาเทียนปี้หรอกหรือ?”
“ไม่อยู่ในตระกูลหลานหรือ? แต่หลังจากท่านพี่ฟื้นแล้วก็ออกมาจากเขาเทียนปี้แล้วนี่ ไม่ได้กลับมาตระกูลหลานเช่นนั้นไปที่ไหนกัน?”
อวิ๋นหรูพูดพึมพำกับตนเอง
หลานเม่ยยืนฟังนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น
“เช่นนั้นหลานเฟิงอยู่หรือไม่?”
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพพาคนไปชายแดนซีเชวีย ไม่อยู่เช่นกันขอรับ”
“เช่นนั้นตอนนี้ใครเป็นคนดูแลจัดการธุระในตระกูลหลาน?”
“เป็นข้าน้อย”
หลานเม่ยค้อมเอวลงเล็กน้อย แสดงถึงความเคารพต่ออวิ๋นหรู อย่างไรก็เป็นญาติผู้น้องของหลานเยี่ย
ท่านประมุขไม่อยู่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเขาที่คอยจัดการเรื่องนี้แทนหลานเยี่ย
“ให้ข้าเข้าไปพูดข้างในได้หรือไม่?” ตอนนี้พวกอวิ๋นหรูยังยืนอยู่นอกประตู หลานเม่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินนำนางไปยังที่พักของตน
“ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์มีเรื่องอะไรหรือ” หลานเม่ยถามอีกครั้ง
“เขาเทียนปี้โดนตระกูลเยี่ยลอบโจมตี บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก อีกทั้งเขาเทียนปี้ก็ถูกเพลิงใหญ่เผามอดทำลายจนเปลี่ยนไปหมด ประชาชนไร้ที่พัก ดังนั้นอวิ๋นหรูจึงขอร้องท่านจู่จื๋อซือให้ประชาชนชาวเขาเทียนปี้ของข้า อพยพย้ายอยู่ที่ตระกูลหลานก่อน รอจนเขาเทียนปี้ซ่อมแซมก่อสร้างใหม่แล้วค่อยกลับไปอีกครั้ง”
“เพลิงใหญ่ที่เขาเทียนปี้ แล้วประมุขวังเล่า?” หลานเม่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง แต่ดูจากท่าทีของอวิ๋นหรู หลานเม่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ
ภายในคืนเดียวบ้านแตกคนตาย สามารถใจเย็นจัดการเรื่องราวต่างๆ รอบด้านได้เช่นนี้ถือว่าเป็นการลำบากสตรีนางหนึ่งแล้ว ต่อให้รับปากนางไปก็คงไม่เป็นอะไรกระมัง แม้ท่านประมุขจะไม่อยู่แต่ก็น่าจะไม่พูดอะไรกระมัง
“แม้ท่านประมุขจะไม่อยู่ แต่ข้าคิดว่าท่านประมุขน่าจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์กระมัง”
“ขอบคุณท่านจู่จื๋อซือ หลังจากนี้อวิ๋นหรูจะต้องขอบคุณอย่างหนัก” อวิ๋นหรูลุกขึ้นก่อนจะคุกเข่าต่อหน้าหลานเม่ยแสดงการขอบคุณ
“ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์รีบลุกขึ้นมาเถิด เรียกข้าว่าหลานเม่ยก็พอแล้ว อีกทั้งท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดละความเศร้า”
“ระยะเวลาเดินทางระหว่างตระกูลหลานและเขาเทียนปี้ประมาณหนึ่งวัน หากเป็นคนธรรมดาจะต้องใช้เวลาประมาณสองวัน หลานเม่ยจะจัดการเรื่องที่พักของประชาชนชาวเขาเทียนปี้ให้ดีภายในสามวันนี้ ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดวางใจ”
“เขาเทียนปี้สิ้นแล้ว ข้าเองก็ไม่ใช่ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์อะไร จู่… คุณชายหลานไม่ต้องเร่งรีบ หลังจากข้ากลับไปแล้วยังต้องท่านพ่อขอข้าลงดินเพื่อความสงบ”
“เกรงว่าท่านประมุขคงจะมีธุระ พิธีศพของประมุขวังท่านประมุขไม่มีพลาดเป็นแน่ คุณหนูอวิ๋นอย่าได้เป็นห่วงไป หากยังมีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วยเหลือขอให้เอ่ยปากบอก หากหลานเม่ยสามารถช่วยได้จะต้องออกแรงช่วยเหลือเป็นแน่”
“ขอบคุณ คุณชายหลานเม่ย เช่นนั้นอวิ๋นหรูต้องเดินทางกลับในทันทีแล้ว”
“ขอรับ”
หลังจากอวิ๋นหรูกลับไปหลานเม่ยสั่งให้คนลอบป้องกันนางระหว่างทางกลับ อีกทั้งยังส่งคนไปติดต่อหลานเฟิง ดูว่าหลานเยี่ยไปที่ใด
หากเป็นหลานเฟิงน่าจะรู้ว่าท่านประมุขอยู่ที่ใด อย่างไรระหว่างทั้งสองคนก็ไม่เคยมีช่องว่างระหว่างกันมาก่อน
และเขากลับไปจัดการเรื่องที่อยู่ของประชาชนเขาเทียนปี้ด้วยตนเอง
