Skip to content

A Will Eternal 1187

บทที่ 1187 สังหารเทียนจุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะเหี้ยม เสียงหัวเราะนี้แฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง แฝงไว้ด้วยความกดดันที่อัดแน่นมานานหลายปี แฝงไว้ด้วยความอาฆาตคลั่งแค้นที่ฝังลึกอยู่ในใจเขานับตั้งแต่ที่เหยียบลงบนแผ่นดินเซียนนิรันดร์กาล!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นับแต่วันนี้ไป…ข้าผู้แซ่ป๋ายจะฆ่าเทียนจุน แล้วจะอย่างไร!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันก้มหน้าลงต่ำ ดวงตาสีเลือดจ้องมองไปยังซื่อหลิงซ่างเหรินที่ถูกเขตแดนธาราบีบให้ถอยรุ่น และชั่วขณะที่เทียนจุนปฐพีพินาศกระอักเลือดและกระเด็นออกไปเพราะวิชาพิฆาตเทพ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระโจนดิ่งเข้าหาเทียนจุนปฐพีพินาศ!

ขณะที่กระโจนตัวออกไปนั้น รอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนมีก้อนหินขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา แล้วประกบเข้ากับร่างของเขาท่ามกลางเสียงอึกทึก ทำให้เขากลายร่างเป็นมนุษย์หินร่างมหึมาตนหนึ่งโดยตรง!

ยังไม่สิ้นสุด คาถาบรรพจารย์อวิ๋นเหลยแปรเปลี่ยนระเบิดขึ้นอีกครั้งเสียงดังโครมคราม พลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในร่างมนุษย์หินไต่ทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง หลังจากที่พลังนั้นแผ่ไปทั่วกายของมนุษย์หิน เรือนกายมนุษย์หินนี้ของเขาก็พองขยายออกไปอีกครั้ง พลังอำนาจขุมหนึ่งที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังแห่งการระเบิดทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ก้อนเมฆแตกกระจายแหลกลาญ

เทียนจุนปฐพีพินาศรู้สึกเพียงว่าลมหายใจของเขาขาดห้วง ม่านตาทั้งคู่พลันหดตัว วิกฤตร้ายแรงขุมหนึ่งทำให้เขาจำเป็นต้องแผ่ตบะทั้งหมด ซ้ำยังหยิบเอาสมบัติอาคมออกมาร่ายใช้ท่าไม้ตาย

ทว่าทั้งหมดนี้ยังไม่สิ้นสุด ความรู้สึกถึงวิกฤตของเขาไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง กลับยิ่งดุเดือดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุน จนกระทั่งความรู้สึกนั้นไต่ทะยานไปสูงถึงขีดสุด!

ภายใต้การระเบิดพลังเนื้อหนังมังสาของป๋ายเสี่ยวฉุน เขายังร่ายใช้ผนึกมิวางวาย ท่ามกลางพลังกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง บวกกับความเร็วที่สูงถึงขีดสุด นอกจากนี้แล้วเขายังร่ายชนาเขย่าภูเขาด้วย!

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนกลายมาเป็นภูเขายักษ์ลูกหนึ่งที่มีความเร็วเหนือไปกว่าเทียนจุน ซึ่งเวลานี้กำลังพกพาพลังอำนาจหาที่สิ้นสุดไม่ได้ทะยานครืนครั่นเข้าหาเทียนจุนปฐพีพินาศ!

ในสมองของเทียนจุนปฐพีพินาศมีแต่เสียงดังอื้ออึง วิกฤตร้ายแรงครั้งนี้ทำให้เขาใกล้คลั่งเต็มที แต่กลับไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ได้แต่ดึงเอาพลังทั้งหมดออกมาต้านทาน ทว่าทุกอย่างนี้ยังคงไม่ใช่วิชาพิฆาตที่ร้ายแรงที่สุด เพราะท่าไม้ตายที่แท้จริงของป๋ายเสี่ยวฉุน…ก็คือมือขวาที่ยกขึ้น หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนขยับเข้าไปใกล้เทียนจุนปฐพีพินาศ!

วิชาที่ร่ายใช้คือ…หมัดจักรพรรดิมิดับสูญ!!

นี่ไม่ใช่แค่หมัดจักรพรรดิมิดับสูญธรรมดาทั่วไป นี่คือการรวบรวมคาถาคนขุนเขา บรรพจารย์อวิ๋นเหลยแปรเปลี่ยน รวมไปถึงพลังกล้ามเนื้อ ชยาเขย่าภูเขา ผนึกมิวางวาย สุดท้ายก็คือการดึงดูดพลังชีวิตของวิชาพิฆาตเทพไว้ด้วยกัน สุดท้ายจึงกลายมาเป็น…หมัดปลิดชีพ!

หมัดนี้ต่อยออกไปโลกทั้งใบก็พลันสั่นสะเทือนไปแปดทิศ แม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังถูกเขย่าคลอน ซ้ำหากว่ากันในบางระดับยังเป็นพลังที่เหนือกว่าเทียนจุนทั่วไป ขยับเข้าไปใกล้…เทียนจุนขั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้นทุกทีแล้ว!!

“ตายซะเถอะ!!” เสียงคำรามเดือดดาลของป๋ายเสี่ยวฉุนดังขึ้นพร้อมๆ เสียงแผดร้องโหยหวนของหมัดจักรพรรดิมิดับสูญ ภายใต้การขัดขวางอย่างสิ้นหวัง ท่ามกลางร่างทั้งร่างที่สั่นเทิ้ม กายของพวกเขาก็พลันปะทะเข้าด้วยกัน

ตูมๆๆ!

ฟ้าดินโยกไหว แปดทิศดังอึงคะนึง ต่อให้เป็นนครจักรพรรดิแสก็ยังสั่นคลอน ภูเขารอบด้านก็ยิ่งมีก้อนหินจำนวนมากร่วงกราวลงมา ซ้ำยังเกิดเสียงดังกัมปนาทที่แทบจะทำให้นักพรตของนครจักรพรรดิแสแก้วหูแทบดับ

พายุบ้าระห่ำขุมหนึ่งก็ยิ่งระเบิดและซัดครืนออกมาจากจุดที่คนทั้งสองปะทะกัน แล้วกวาดตะลุยไปสี่ทิศเป็นระลอกต่อเนื่อง กลบทับเสียงร้องโหยหวนและเสียงคำรามอย่างสิ้นหวังของเทียนจุนปฐพีพินาศไปเสียสิ้น

เมื่อพายุลูกนั้นพัดผ่านไป ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทว่าชายแขนเสื้อของมือขวากลับสลายกลายเป็นผุยผง เผยให้เห็นท่อนแขนที่อยู่ด้านใต้ แต่หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าบนแขนของป๋ายเสี่วฉุนเต็มพรืดไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน

เพียงแต่ว่าบาดแผลเหล่านี้ต่างก็ประสานตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติ ส่วนเบื้องหน้าเขานั้นกลายมาเป็นหลุมลึกหลุมหนึ่ง…ในหลุมลึก เต็มไปด้วยก้อนเนื้อที่กระจายอยู่กลาดเกลื่อน!!

เรือนกายของเทียนจุนปฐพีพินาศม้วยมอดแหลกลาญ!!

เมล็ดพันธ์แห่งเต๋าของเขาบินออกมา แล้วสลายหายไปในชั่วพริบตา…

เทียนจุน…สิ้นชีพ!!

นี่คือเทียนจุนคนที่สองบนแผ่นดินเซียนนิรันดร์กาลที่ตายไปตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ต่อให้จะถูกชุบชีวิตขึ้นมาได้ใหม่ ทว่าเรื่องเช่นนี้กลับเกิดขึ้นน้อยครั้ง และหญิงชราที่ตายไปคนแรกนั่น จะอย่างไรซะนางก็ตายด้วยน้ำมือของร่างแยกผู้บงการ ทว่าภาพเหตุการณ์นี้กลับแสดงให้เห็นถึงความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ซื่อหลิงซ่างเหรินที่อยู่ห่างไปไกลสูดลมหายใจดังเฮือก ในสมองของเขาก็เกิดเสียงดังอื้ออึงไม่ต่างกัน นั่นทำให้เขาร้องอุทานเสียงหลง

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าเทียนจุน!!”

ต้องรู้ด้วยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ราชวงศ์จักรพรรดิแสและราชวงศ์เซิ่งต่างก็มีการเข่นฆ่ากันเองอยู่หลายครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ที่จิตวิญญาณของซื่อหลิงซ่างเหรินสั่นสะเทือน ด้านหนึ่งเพราะการตายของเทียนจุนปฐพีพินาศ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพราะ…พลังการรบน่าหวาดกลัวที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแสดงออกมา!

“ไม่นึกเลยว่าเขาจะเติบโตได้ถึงขั้นที่…หมัดเดียวก็สังหารเทียนจุนได้แล้ว!!” ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ซื่อหลิงซ่างเหรินตัวสั่น ต่อให้เขตแดนธาราจะเลือนหายไปแล้ว ทว่าความหวาดกลัวในใจของเขากลับยังรุนแรงอยู่ดุจเดิม

แต่ยังไม่ทันรอให้เขาฟื้นตื่นจากความตะลึงพรึงเพริด ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหันขวับกลับมา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงปราณสังหารที่โหดเหี้ยมเกินคน ซึ่งมองตรงแน่วมายังซื่อหลิงซ่างเหริน ซ้ำยังก้าวดุ่มๆ ตรงเข้ามาหาเขา

“แล้วก็เจ้าอีกคน!!”

ระหว่างที่พูดมือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกขึ้นทำมุทราชี้ไปยังซื่อหลิงซ่างเหริน ทันใดนั้นรอบกายของซื่อหลิงซ่างเหรินก็มีตะเกียงอมตะหลายดวงผุดขึ้นมา เรือนกายของเขา หรือแม้แต่ท้องฟ้าและพื้นดินต่างก็กลายมาเป็นตะเกียงอมตะในนาทีนั้น

การปรากฏของเวทอาคมนี้ทำให้ซื่อหลิงซ่างเหรินหน้าเผือดสี ไม่ใช่ว่าเขาหวาดกลัวในวิชาอภินิหารของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ที่เขาพรั่นพรึงก็เพราะหลังจากร่ายตะเกียงอมตะ ป๋ายเสี่ยวฉุนยังชักกระบี่ใหญ่สายเหนือออกมาแล้วเผ่นโผนเข้าใกล้หมายสังหารเขา

เห็นได้ชัดว่าจะอาศัยช่วงเวลาที่ตะเกียงอมตะกักตัวซื่อหลิงซ่างเหรินมาปลิดชีพของเขา!

“บัดซบ พวกเรามีความแค้นยิ่งใหญ่อะไรแค่ไหนกันเชียว!”

ลมหายใจของซื่อหลิงซ่างเหรินชะงักค้าง รีบทำมุทรา ทันใดนั้นนอกกายก็มีแสงสีเลือดปรากฎ ขณะเดียวกันตะเกียงอมตะที่อยู่รอบกาย รวมไปถึงตะเกียงอมตะที่ครอบตัวเขาเองกับครอบฟ้าดินเอาไว้ก็ได้ระเบิดออกพร้อมกัน กลายมาเป็นแรงโจมตีที่ทำให้ม่านแสงสีเลือดนอกกายซื่อหลิงซ่างเหรินบิดเบือนอยู่หลายครั้ง ก่อนจะปริร้าว

ทว่าชั่วขณะที่รอยร้าวเกิดขึ้นนั้นเอง กระบี่ใหญ่สายเหนือของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ทะยานเข้ามาถึงแล้วฟันฉับลงมา ซื่อหลิงซ่างเหรินเบิกตาโพลง หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น บางทีเขาอาจจะลองสู้ตายดูสักตั้ง ทว่าตอนนี้ที่นี่ ไม่มีอะไรที่มีค่าพอให้เขาทุ่มสุดชีวิต ค่ายกลนี้ก็ดี คนของโลกทงเทียนที่อยู่ข้างในก็ช่าง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นขององค์ชายใหญ่ทั้งสิ้น

คิดมาถึงตรงนี้ ซื่อหลิงซ่างเหรินก็พลันร้องคำรามแล้วต้านทานสุดกำลังอย่างไม่ลังเล ท่ามกลางเสียงสะเทือนฟ้าดินที่ดังก้องกังวานขึ้นอีกครั้ง ซื่อหลิงซ่างเหรินกระอักเลือดสด ร่างถอยกรูดออกห่างไปไกล

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หอบหนัก ก่อนหน้านี้ที่เขาแสดงความอำมหิตเหี้ยมหาญ ด้านหนึ่งก็เพราะการฝึกตนในซากพัดทำให้ตบะของเขามีการพัฒนาอย่างแท้จริง ตอนนี้จึงอยู่ห่างจากเทียนจุนช่วงท้ายอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

อีกด้านหนึ่งก็เพราะความคลั่งแค้นที่โถมเทียมฟ้า การกระทำขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้ทำให้ปราณสังหารที่ป๋ายเสี่ยวฉุนข่มกลั้นเอาไว้ระเบิดออกมาอย่างเต็มกำลัง เวลานี้เมื่อเห็นว่าซื่อหลิงซ่างเหรินหนีไป ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่คิดจะไล่ตาม แต่ฉวยโอกาสระยะเวลาสั้นๆ ที่ไม่มีใครขัดขวาง เงื้อกระบี่ใหญ่สายเหนือขึ้นฟันลงไปบนค่ายกลที่อยู่ด่านล่างสุดแรง!

“จงแตกออกให้ข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าวพร้อมกระบี่ใหญ่สายเหนือที่ฟันฉับลงไป ทันใดนั้นมังกรสีดำเก้าตัวที่อยู่เหนือค่ายกลก็มีตัวหนึ่งแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ร่างของมันจะแหลกสลายลงไปทันควัน

ทว่าอีกแปดตัวที่เหลือกลับพุ่งเข้าไปกลืนกินมังกรดำตัวที่ร่างพังภินท์ ค่ายกลแบบนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่เขากลับเข้าใจดีว่าค่ายกลนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และแม้ว่าเขาจะมีผนึกมิวางวาย แต่ก็ต้องเปิดค่ายกลทิ้งไว้ เขาถึงจะสามารถเข้าไปช่วยทุกคนที่อยู่ข้างในได้ หาไม่แล้วก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่าเท่านั้น โดยเฉพาะเวลานี้เขาอยู่นอกนครจักรพรรดิแส เวลากระชั้นชิดและมีค่ายิ่ง เขาจึงไม่มีเวลามามัวคิดมาก เพียงแผดเสียงคำรามแล้วเงื้อกระบี่ขึ้นฟันรัวลงไปอีกครั้ง

ตูมๆๆ!

ป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนคนคลุ้มคลั่ง เขาเงื้อกระบี่ฟันลงไปติดต่อกันถึงเจ็ดครั้ง จนกระทั่งมังกรดำทั้งเจ็ดตัวแหลกสลายไปแล้ว ในที่สุดค่ายกลนี้ก็สั่นคลอน เริ่มเกิดความไม่มั่นคง ซ้ำยังไม่ขุ่นมัวอีกต่อไป จนพอจะมองเห็นได้ว่าด้านในค่ายกลมี…นักพรตของโลกทงทียนอยู่หลายแสนคน!

เพียงแต่ว่าพวกเขาในเวลานี้ แต่ละคนต่างก็นั่งเข้าฌานด้วยสีหน้าซีดขาวคล้ายใช้พลังทั้งหมดที่มีมาต้านทาน แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่กลายมาเป็นซากกระดูกแล้ว…

ป๋ายเสี่ยวฉุนยังมองเห็นหลี่ชิงโหว มองเห็นบุรพาจารย์ธาราเทพ

“ท่านอาหลี่…” ไม่เจอกันนานหลายปี นาทีที่ได้พบหน้าผ่านค่ายกล จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เส้นผมของหลี่ชิงโหวไม่ใช่สีดำอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นสีเทา ส่วนบุรพาจารย์ธาราเทพที่อยู่ข้างๆ ก็ซูบผอมอย่างถึงที่สุด และยังมีใบหน้าของคนคุ้นเคยอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นคลอน ความเศร้าอาดูรผุดขึ้นมากลางใจ เสียงคำรามดังสนั่นของเขาจึงดังขึ้นพร้อมๆ กับที่กระบี่ใหญ่สายเหนือตวัดฟันลงไปอีกครั้ง

ทว่าเวลานี้เอง ในนครจักรพรรดิที่ห่างไปไกลกลับมีรุ้งยาวเส้นหนึ่งทะยานสู่ฟากฟ้าแล้วตรงดิ่งเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุน

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้ารนหาที่ตาย!!” คนยังมาไม่ถึง ทว่าเสียงที่ดังราวอสนีบาตกลับระเบิดขึ้นพร้อมพลังอำนาจน่าครั่นคร้ามก่อนแล้ว นั่นก็คือ…ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเทียนจุนของนครจักรพรรดิแส เทียนจุนจักษุไพศาล!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version