Skip to content

A Will Eternal 1192



HH

บทที่ 1192 ฝืนสังหารองค์ชายใหญ่

ความแค้นที่อีกฝ่ายหวังฆ่าภรรยาแล้วจับลูกของตนไปชุบหลอม จะไม่แก้แค้นได้อย่างไร!

ความแค้นที่อีกฝ่ายหวังชุบหลอมนักพรตโลกทงเทียนหลายแสนคน จะไม่แก้แค้นได้อย่างไร!!

ความแค้นที่อีกฝ่ายทำให้ซ่งเชวียต้องตาย มีหรือที่จะไม่แก้แค้นได้!!!

ความแค้นมากมายหลายอย่างทำให้ปราณดุร้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนทะยานท่วมฟ้า เขาจึงสะบัดกายวูบพลางแผ่อำนาจจิตออกไปปกคลุมแปดทิศ แล้วพุ่งเป้าไปยังเงาร่างขององค์ชายใหญ่ที่กำลังทะยานไปยังวังหลวงหน้าตาตื่น

“เจ้า ต้องตายเท่านั้น!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นสีแดงฉานราวดวงตาปีศาจ ความเดือดดาลของเขาเขย่าคลอนแปดทิศ ตลบอบอวลจนท้องนภาบิดเบือน และเมื่อเขาก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างของเขาก็พลันหายวับไป เมื่อปรากฎตัวก็มาโผล่อยู่เบื้องหน้าองค์ชายใหญ่ที่กำลังเผ่นหนี ครั้นแล้วจึงยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งที!

การโบกครั้งนี้ทำให้ลมพายุน้ำแข็งพัดกระหน่ำ ลมเย็นเสียดแทงกระดูกดั่งจะกรีดเนื้อเถือหนังพัดตะลุยออกไปเหมือนปากใหญ่ที่อ้ากว้างรอเขมือบกลืนหมื่นสรรพสิ่ง ซึ่งหันเข้าหาองค์ชายใหญ่แล้วพุ่งเข้ากลืนกิน

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนองค์ชายใหญ่ไม่ทันได้ตั้งตัว

แม้แต่เงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเขาก็ยังเห็นไม่ชัด รู้สึกเพียงว่าจู่ๆ ฟ้าดินก็พลิกกลับ ราวกับโลกที่ตัวเองอยู่เปลี่ยนแปลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลายมาเป็นความว่างเปล่าที่หนาวเหน็บ ความรู้สึกสิ้นหวังผุดขึ้นมาจนเขาร้องอุทานแตกตื่นอย่างห้ามไม่ได้

“เสด็จพ่อช่วยข้าด้วย!”

เมื่อเสียงร้องแผดแหลมด้วยความร้อนรนขององค์ชายใหญ่ดังออกมา ยังไม่ทันรอให้พายุน้ำแข็งนี้เขมือบกลืนเขาไปได้ ในวังหลวงที่ห่างออกไปไกลก็พลันมีพลังอำนาจขุมหนึ่งที่ทำให้ทั้งผืนฟ้าสั่นสะท้านระเบิดตูมออกมา!

เมื่อพลังอำนาจนั้นระเบิดปะทุ ชั้นเมฆบนท้องฟ้าก็พุ่งมารวมตัวกันจากแปดทิศ ก่อนที่จะจำแลงมาเป็นใบหน้าขนาดมหึมาอยู่กลางนภา ใบหน้านี้สวมมงกุฎจักรพรรดิ เปี่ยมล้นไปด้วยบารมีน่าเกรงขามทั้งที่ไม่ได้แสดงความโกรธ นั่นก็คือ…จักรพรรดิแส!

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้ากล้ารึ!” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่ง แต่กลับมีความครึกโครมบางอย่างราวกับจะปล่อยเวทอาคมออกมาตามคำพูด เป็นเหตุให้พื้นดินสั่นสะเทือน จิตวิญญาณของผู้คนสะท้านไหว ต่อให้เป็นป๋ายเสี่ยวฉุนเอง บัดนี้ก็ยังหายใจติดขัด

เขารู้ดีว่าทุกอย่างที่ตนทำลงไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการเสี่ยงอันตรายทั้งสิน และตอนนี้การที่ตนคิดจะสังหารองค์ชายใหญ่ก็ยิ่งถือเป็นการเดิมพัน ด้านหนึ่งเดิมพันว่าในเมื่อจักรพรรดิแสไม่ปรากฏตัว นั่นก็แสดงว่าเขาต้องมีแผนการบางอย่างที่คนอื่นคาดไม่ถึง ส่วนอีกด้านหนึ่ง…ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดิมพันว่า องค์ชายใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ไม่ได้สำคัญอะไรต่อจักรพรรดิแสสักเท่าใดนัก!

เพราะอย่างไรซะ จักรพรรดิแสองค์นี้ ก็ไม่ใช่จักรพรรดิแสองค์เดิม!

และต่อให้คำพูดประโยคนั้นของจักรพรรดิแสจะดังออกมา รวมถึงพลังอำนาจที่แผ่ซ่านไปทั่วฟ้าดิน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังกัดฟันกรอด ไม่เพียงแต่ไม่หยุดมือ ยังไม่คิดจะถอยหนี ทั้งยังเพิ่มตบะให้สูงขึ้น เมื่อโบกมือ พายุลูกนั้นก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม ความเร็วปะทุเหนือกว่าเก่า เพียงแค่ชั่วพริบตาก็เขมือบกลืนองค์ชายใหญ่ที่ร้องโหยหวนอย่างเหี้ยมเกรียม!

หลังจากเขมือบกลืนเข้าไปแล้ว พายุน้ำแข็งที่หนาวทารุณต่อเลือดเนื้อ สร้างความเจ็บปวดแบบเสียดลึกถึงกระดูกก็ยิ่งทำให้เสียงร้องขององค์ชายใหญ่ที่อยู่ในพายุยิ่งแหบโหยจนเหมือนไม่ใช่เสียงของคน…

ใบหน้าจักรพรรดิแสที่อยู่บนท้องฟ้าหรี่ตาลง ประกายตาโชนแสงคมปลาบ ไอสังหารเปล่งวาบชัดเจน ก่อนที่เมฆหมอกซึ่งรวมกันเป็นใบหน้ายักษ์จะพลันบิดเบือน กลิ้งซัดหลุนๆ แล้วจำแลงมาเป็นมือใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งที่เงื้อขึ้นตบใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน!

“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าผู้เป็นจักรพรรดิก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา!”

บุพกาลลงมือย่อมสั่นคลอนทุกคนที่อยู่ในนครจักรพรรดิแส

จักษุไพศาลก็ดี ซื่อหลิงซ่างเหรินก็ช่าง เทียนจุนเหล่านี้ต่างใจสั่น นั่นเป็นเพราะว่าวิชาอภินิหารของบุพกาล ต่อให้เป็นแค่มือใหญ่ที่ประกอบกันจากเมฆหมอกก็ถือว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จนเทียนจุนมิอาจเขย่าคลอนได้

ซ้ำระหว่างที่มือฟาดลงมาตบใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ฟ้าดินรอบด้านยังถูกปิดตาย และมือใหญ่ข้างนั้นก็แฝงไว้ด้วยพลังที่มิอาจต่อต้าน พกพาพลานุภาพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ระเบิดปณิธานแห่งบุพกาลให้กระแทกลงมาดังครืนครั่น!

ตอนนี้ในสายตาทุกคนต่างก็เห็นว่า ทางเลือกเดียวที่อยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือล้มเลิกความคิดที่จะสังหารองค์ชายใหญ่แล้วรีบถอยหนีไปซะ บางทีอาจจะพอมีทางรอดได้บ้าง

แต่หากยังดึงดันไม่ยอมเลิกรา ถ้าเช่นนั้นแม้ว่าองค์ชายใหญ่จะต้องตายแน่นอน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่มีทางรอดไปได้เหมือนกัน!

หากเปลี่ยนมาเป็นตอนที่ยังไม่ฝ่าไปถึงด่านที่เก้าสิบเก้า ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่รู้ว่าตนจะเลือกอย่างไร ทว่าตอนนี้…ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทนรับการโจมตีครั้งหนึ่งจากบุพกาลเสียเมื่อไหร่!

“แม้บุพกาลจะแข็งแกร่ง แต่หากคิดจะสังหารข้าให้ตายเพียงฝ่ามือเดียว เรื่องนี้…ไม่มีทางเป็นไปได้!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าแผดเสียงคำราม ครั้นแล้วพลังเรือนกายของเขาก็พลันซัดระเบิด ตบะเคลื่อนโคจร วิชาอภินิหารหลากหลายชนิดก็ยิ่งถูกร่ายใช้ หม้อกระดองเต่าไม่ได้ถูกหยิบออกมา เพราะอย่างไรซะนี่ก็เป็นเพียงการโจมตีจากเงามายาของบุพกาลเท่านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนมีประสบการณ์การขัดเกลาฝีมือจากด่านในซากพัดมาทั้งหมดหนึ่งร้อยด่านเต็มๆ เขาจึงมีความมั่นใจมากพอ! เพราะหลังจากผ่านด่านที่เก้าสิบเก้ามาได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีการเตรียมใจและมั่นใจมากพอที่จะสู้กับบุพกาลดูสักตั้ง!

เวลานี้เมื่อลงมือก็ใช้คัมภีร์วัฏจักรแห่งอดีตทันที อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนจำแลงออกมารอบกาย ปกคลุมมือใหญ่ของบุพกาลที่พุ่งมาใกล้เอาไว้ ทันใดนั้นภาพความทรงจำเหลือคณานับก็ผุดขึ้นมาในมือใหญ่ เหตุการณ์นี้ต่อให้เป็นจักรพรรดิแสก็ยังม่านตาหดตัว รีบลงมือขัดขวางโดยพลัน ทว่าวินาทีที่เขาขัดขวางนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับทำมุทรา เรียกให้ประตูเกิดและตายเยื้องกรายลงมา!

มือใหญ่ที่พุ่งมาใกล้ถูกลดทอนพลังให้อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง คล้ายเดินจากการเกิดไปสู่ความตาย ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วสายฟ้าแลบเท่านั้น เพราะแทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายวิชาอภินิหาร มือใหญ่ของจักรพรรดิแสก็ดิ่งวูบลงมาเสียงตูมตามดังสะเทือนไปทั้งผืนแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นวังหลวงหรือทั่วทั้งนครจักรพรรดิแส บัดนี้ต่างก็สั่นสะเทือนรุนแรง ซ้ำยังมีสิ่งปลูกสร้างไม่น้อยพังครืนลงมาเสียงร้องอุทานจากคนจำนวนนับไม่ถ้วนดังเอ็ดอึง

วิชาอภินิหารทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนแหลกสลายเหมือนถูกบุกราบเป็นหน้ากลอง ตบะของเขา เรือนกายที่มีเนื้อหนังมังสาของเขาซึ่งเมื่อมาอยู่ต่อหน้าการโจมตีของบุพกาลก็ล้วนมิอาจต้านทานไว้ได้!

ทว่าเมื่อทุกอย่างของป๋ายเสี่ยวฉุนทับซ้อนเข้าด้วยกัน การลดทอนพลังโจมตีจากบุพกาลกลับเด่นชัดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการขัดขวางจากคัมภีร์วัฏจักรแห่งอดีตและประตูเกิดและตายในท้ายที่สุด ภายใต้เสียงกัมปนาทสะเทือนราวแก้วหูจะดับ แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะกระอักเลือดรุนแรง แต่เขากลับทนรับการโจมตีนี้เอาไว้ได้!!

“เป็นไปไม่ได้!!” เทียนจุนจักษุไพศาลที่อยู่ห่างออกไปร้องอุทานเสียงหลง

เทียนจุนคนอื่นๆ ก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครึ่งเทพและคนฟ้าเลย บัดนี้ทุกคนทั่วทั้งนครจักรพรรดิแสที่มองเห็นภาพนี้ ไม่มีใครที่ไม่ใจสั่นอย่างบ้าคลั่ง

ต่อให้เป็นตัวจักรพรรดิแสเองก็ยังมีสายตาเคร่งขรึม ครุ่นคิดลึกซึ้ง ขณะเดียวกันร่างจริงของเขาที่อยู่ในห้องลับของวังหลวงก็ยกยิ้มประหลาดที่ลึกลับเกินจะคาดเดา

เวลาเดียวกันนั้น ภายใต้การยืนหยัดไม่ยอมปล่อยวางของป๋ายเสี่ยวฉุน พายุลมหนาวที่กลืนกินองค์ชายใหญ่ซึ่งแม้จะสลายตัวอ่อนกำลังไปจากเดิมมากแล้ว แต่ก็ยังกรีดเลือดเนื้อขององค์ชายใหญ่จนเหลือให้เห็นแต่โครงกระดูก!!

ความเจ็บปวดเช่นนี้ไร้ถ้อยคำให้บรรยาย!

สุดท้ายภายใต้เศษเลือดเศษเนื้อที่ปลิวว่อนและเสียงร้องโหยหวนชวนเวทนาที่ดังไม่หยุด แม้แต่กระดูกของเขาก็ยังแหลกลาญตามไปด้วย!

มีเพียงวิญญาณของเขาเท่านั้นที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้ามาไว้ในมือ

เดิมทีป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถสังหารอีกฝ่ายได้โดยตรง แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น เขาจะแก้แค้น ต่อให้จะโหดเหี้ยมอำมหิตสักปานไหน ต่อให้เวลาจะมีไม่มากพอ แต่เขาก็ไม่มีทางยอมให้องค์ชายใหญ่ตายไปง่ายๆ เพียงเท่านี้!

หุ่นเชิดทงเทียนที่อยู่ในวังหลวง สายตาของจักรพรรดิขุยก่อนตาย ความอ่อนแอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ของคนโลกทงเทียนหลายแสนคนในค่ายกล วิกฤตความเป็นความตายที่ลูกเมียของตนต้องเผชิญ และการตายของซ่งเชวีย!

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมให้…องค์ชายใหญ่ตายไปง่ายๆ แค่นี้!!

ดังนั้นต่อให้มาถึงขนาดนี้แล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงดึงเอาวิญญาณขององค์ชายใหญ่ไปเก็บไว้!

“เจ้าชอบเปลี่ยนร่างกายนักไม่ใช่หรือ ข้าจะเปลี่ยนให้เจ้าเอง!”

“เจ้าชอบสร้างหุ่นเชิดนักไม่ใช่หรือ ข้าจะสร้างให้เจ้าเอง!”

“เจ้าชอบการชุบหลอมนักไม่ใช่หรือ ข้าจะชุบหลอมเจ้าให้เอง!!!”

คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้วิญญาณองค์ชายใหญ่มีสีหน้าหวาดผวาพรั่นพรึง ด้วยความสิ้นหวังจึงแผดเสียงวิญญาณขอความช่วยเหลือ

“เสด็จพ่อช่วยข้าด้วย!!” ดูเหมือนว่านอกจากประโยคนี้เขาก็พูดคำอื่นไม่เป็นอีกแล้ว แต่ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเหวี่ยงวิญญาณขององค์ชายใหญ่ที่อยู่ในมือเข้าไปไว้ในถุงเก็บของ แล้วจึงถอยกรูดออกห่างว่องไว เขารู้ตัวดีว่าตนที่อยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลได้ชักนำหายนะค้ำฟ้ามาสู่ตัวเสียแล้ว!

หายนะครั้งนี้ใหญ่มากพอจะสั่นคลอนนักพรตทุกคนบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลได้เลย เพราะเขาทั้งสังหารปฐพีพินาศ จับตัวหยวนเยา กักวิญญาณองค์ชาย!

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนทำให้ระหว่างเขาและราชวงศ์จักรพรรดิแสอยู่ในสภาวะที่ไม่ตายไม่มีทางเลิกรา ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดิแสถึงเพิ่งจะปรากฎตัวเอาในตอนท้าย แต่เขาก็เข้าใจดีว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว!

“กลับซากพัด!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด ขณะที่ถอยหนีก็พลันส่งอำนาจจิตออกไป ร่างของเขาจึงกลายมาเป็นภาพมายาและกำลังจะหายตัวไป ทว่าเวลานี้เอง จู่ๆ เสียงแผดยาวก็ระเบิดขึ้นมาจากในวังหลวง

ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึงนั้น ตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งของวังหลวงถล่มครืนลงมา ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าราวกับดาวตก เงาร่างนี้สวมชุดคลุมจักรพรรดิ สวมมงกุฎจักรพรรดิ เขาก็คือจักรพรรดิแส!

การปรากฏตัวของเขารวดเร็วเกินกว่าสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของเขาฉายแสงคมกล้า มือขวาก็ยิ่งยกขึ้นทำมุทราแล้วชี้ออกมา!

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าได้พัดของผู้บงการไปครอบครองจริงเสียด้วย ข้าผู้เป็นจักรพรรดิเฝ้าจับตามองเจ้ามานานมากแล้ว…เจ้าจงพาข้ากลับไปที่พัดของผู้บงการเดี๋ยวนี้!” เสียงนี้คนนอกไม่ได้ยิน แต่มันกลับมาระเบิดอยู่ในหัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุน

ขณะเดียวกันเมื่อนิ้วของจักรพรรดิแสชี้ลงมาก็ดูเหมือนว่าระหว่างเขากับป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีความเชื่อมโยงบางอย่างถูกสร้างขึ้น วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี เงาร่างของเขาก็พลันพร่าเลือน ส่วนเงาร่างของจักรพรรดิแสที่เผยสีหน้าคาดหวังและละโมบในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พร่าเลือนไปเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version