บทที่ 1228 โลกกระดาษ
“ไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนี้ข้ามีประสบการณ์!” ป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมืออย่างไม่ยี่หระ แล้วก็ไม่สนใจคำบ่นของวิญญาณวัตถุน้อยเลยสักนิด ตอนนี้จิตใจเขาฮึกเหิมไปกับผลเก็บเกี่ยวของดวงวิญญาณอย่างเดียวเท่านั้น จึงเลือกจะรอต่อไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายลุกเรือง
แล้วก็เป็นเช่นนี้ หลังจากรอไปได้อีกหลายเดือน โคมเหล่านั้นจากตอนแรกที่หากเร็วสุดก็รอเพียงแค่สองสามวัน ช้าสุดประมาณครึ่งเดือนถึงจะลอยมาสักดวง ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าสองเดือนถึงจะมีโคมสักดวงหนึ่งลอยมา
และถึงท้ายที่สุดเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนรอมาได้สี่เดือน แต่กลับพบว่ายังไม่มีโคมดวงไหนมาถึง เขาก็ให้รู้สึกห่อเหี่ยว และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่เขาค้นพบว่าเกิดปรากฏการณ์ประหลาดกับปากบ่อ เพราะมันเริ่มกลายมาเป็นภาพมายา ราวกับว่ากำลังจะสลายหายไปช้าๆ
แม้ว่าการที่มันจางหายไปนั้นจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า มองดูแล้วคงต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะหายไปอย่างสิ้นเชิง แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนมิอาจยอมได้ เมื่อรอแล้วรอเล่าโคมก็ยังไม่มา เขาจึงจำต้องย้ายสายตาไปมองที่บ่อนั้นแทน
“เจ้าของเล่นชิ้นนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ กว่าจะได้พบครั้งหน้าก็ไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหน…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดไม่ตก ด้านหนึ่งใจก็ไม่อยากจะยอมแพ้ ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นรู้สึกว่ามันอันตรายเกินไป
สุดท้ายพอคิดว่าตัวเองมารอตั้งนานขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นเจอเรื่องอันตรายใดๆ เขาจึงกัดฟันกรอด ครั้นแล้วก็ควบคุมพัดวิเศษให้ตรงดิ่งเข้าไปชนปากบ่อ ซ้ำตอนที่พุ่งชนป๋ายเสี่ยวฉุนยังเปิดพลังแห่งการกลืนกินของพัดวิเศษไปด้วย
“หากสามารถดูดบ่อนี่เข้ามาอยู่ในหน้าพัดได้ นั่นก็จะสมบูรณ์แบบที่สุด!”
วิญญาณวัตถุน้อยถึงกับกรีดร้องเสียงแหลม
เพราะการกระทำที่บ้าระห่ำของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่กลับไม่สามารถห้ามปรามอีกฝ่ายได้ เพราะเพียงแค่ชั่วพริบตา พัดวิเศษก็ชนเข้ากับปากบ่อแล้ว ทว่ามันกลับไม่มีเสียงกัมปนาทอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนและวิญญาณวัตถุน้อยคิดไว้ ราวกับว่าบ่อนั้นไม่ได้อยู่ในห้วงมิติเดียวกับจักรวาลแห่งนี้ ประหนึ่งวัตถุโปร่งแสง พัดวิเศษถึงได้ลอดทะลวงผ่านไปได้โดยตรง!
นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดหายใจดังเฮือก แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าพัดวิเศษเจอกับเรื่องราวที่มันมิอาจคลี่คลายได้ และพอลอดทะลวงผ่านปากบ่อมาแล้ว เมื่อพัดวิเศษหยุดชะงัก ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงหันกลับไปมองที่ปากบ่ออย่างสองจิตสองใจ ใจหนึ่งอยากจะล้มเลิกความคิดเดิม เพียงแต่ว่าจากการวิเคราะห์ของป๋ายเสี่ยวฉุน ในบ่อนี้จะต้องมีวิญญาณที่มากกว่าอยู่แน่นอน และพอคิดพิจารณาอยู่หลายวัน ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉายแววดั่งคนที่พร้อมทุ่มสุดตัว
“ข้าจะลองไปดูสักหน่อย น่าจะไม่เป็นอะไร…”
คิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กัดฟัน บินทะยานออกไปจากพัดวิเศษ แล้วขยับเข้าไปใกล้ปากบ่อนั้นอย่างระมัดระวัง!
เมื่อขยับเข้าไปใกล้ ตบะของเขาก็แผ่ออกอย่างเต็มกำลัง อำนาจจิตก็ยิ่งซัดออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อคอยสังเกตทุกอย่างที่อยู่รอบด้าน เพียงแต่ว่าดูเหมือนบ่อนี้จะสกัดขวางอำนาจจิต ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่สามารถปล่อยอำนาจจิตเข้าไปดูสภาพภายในบ่อได้ ได้แต่ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง
ตลอดทางที่เดินไป เขาไม่ได้พบเจอเรื่องอันตรายใดๆ นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนคลายใจลงได้ แต่ความระวังภัยกลับยังไม่ลดน้อยลง และในที่สุดเมื่อขยับเข้ามาใกล้ริมขอบของปากบ่อนี้ หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เต้นกระหน่ำ ก่อนจะยื่นหน้าพรวดเข้าไปสำรวจในบ่อแบบเร็วๆ
การมองครั้งนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้างในฉับพลัน
เขามองเห็นว่าในบ่อนี้มีโลกอยู่อีกใบหนึ่ง!!
ดูเหมือนว่าส่วนที่ตั้งของบ่อจะเป็นท้องฟ้าของโลกใบที่ว่านี้ และเมื่อไล่มองลงไปด้านล่าง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เห็นว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ล้วนทำมาจากกระดาษทั้งหมด!!
ผืนแผ่นดินทำมาจากกระดาษ เทือกเขา แม่น้ำ สิ่งปลูกสร้าง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนทำมาจากกระดาษ และบนกระดาษเหล่านั้นก็ดูดติดวิญญาณจำนวนมหาศาล ทอดสายตามองไป แม้ว่าโลกใบนี้จะทำมาจากกระดาษ ทว่าปริมาณของวิญญาณที่มากมายนั้นกลับเหนือเกินกว่าจินตนาการของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปอีก…
โดยเฉพาะเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนสังเกตเห็นว่าในโลกใบนี้เหมือนจะมีการแบ่งระดับชั้นตบะของดวงวิญญาณอย่างเป็นระเบียบเข้มงวด ด้านในนั้นไม่เพียงแต่มีวิญญาณคนฟ้า ยังมีวิญญาณครึ่งเทพ ซ้ำป๋ายเสี่ยวฉุนยังได้เห็นวิญญาณเทียนจุน และเมื่อทอดสายตามองไปไกลยิ่งกว่าเดิม เขายังมองเห็นวิญญาณบุพกาลดวงหนึ่งที่ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยคนกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งเข้าแถวเรียงกันยาวเหยียด
ทั้งหมดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหลือเชื่อ ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของวิญญาณวัตถุน้อยที่ดังมาจากบนพัดวิเศษซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไป!
“นายท่าน ด้านหลังของท่าน…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี แต่ยังไม่ทันรอให้วิญญาณวัตถุน้อยพูดจบ จู่ๆ ด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีมือแห้งเหี่ยวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากความว่างเปล่า และมือข้างนี้ก็ผลักป๋ายเสี่ยวฉุนให้กระเด็นไปข้างหน้า!
ทั้งๆ ที่ไม่ได้รวดเร็วอะไรมากนัก ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหันหน้ากลับมามอง และก่อนหน้านี้ก็ยังสัมผัสไม่ถึงแม้แต่น้อย ซ้ำยังไม่ทันได้ดิ้นรนต่อต้าน ก็ถูกมือเหี่ยวๆ ข้างนี้ผลักมาจากด้านหลังแล้ว
พลังมหาศาลขุมหนึ่งระเบิดตูมออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องอุทานเสียงหลง เมื่ออยู่ภายใต้เรี่ยวแรงมหาศาลนี้ ร่างของเขาก็ถูกผลักหัวซุนเข้าไปในบ่อเบื้องหน้าอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้!
และเมื่อร่างของเขาถูกผลักเข้าไป ความว่างเปล่าตรงจุดที่มือเหี่ยวข้างนั้นยื่นออกมา ก็ค่อยๆ มีเงาร่างของคนหลังค่อมคนหนึ่งเผยกายออกมา เงาร่างนี้คือหญิงชราคนหนึ่ง มือของนางถือโคมดวงหนึ่งเอาไว้ และพอผลักป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปข้างในได้แล้ว นางที่ยืนอยู่ตรงปากบ่อก็หันขวับกลับไปมองพัดวิเศษที่ลอยอยู่ห่างไปไม่ไกล
พอถูกสายตาของหญิงชราคนนี้จ้องมองมา วิญญาณวัตถุน้อยก็ขนลุกขนชันไปทั้งร่าง รีบปล่อยแสงทั้งหมดของพัดวิเศษโดยไม่สนใจสิ่งใด ซ้ำยังแผ่ปราณอันน่าครั่นคร้ามของแขนผู้บงการออกมาส่วนหนึ่งด้วย
ใบหน้าของหญิงชราคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยับย่น ในดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งคู่มีแสงดำมืดวูบผ่านไป นางแสยะปากยิ้มจนเผยให้เห็นฟันเหลืองอ๋อยที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ มองดูแล้วน่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด นางไม่ได้เข้ามาใกล้พัดวิเศษ และไม่นานร่างของนางก็หายไปช้าๆ
ส่วนโลกในบ่อเวลานี้ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลัดตกลงมาพร้อมเสียงร้องโหยหวน
ท่ามกลางการร่วงดิ่งลงมานี้ กว่าเขาจะควบคุมร่างของตัวเองได้ใหม่อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย และพอยืนอยู่บนท้องฟ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ลมหายใจหอบกระชั้นเงยหน้าขึ้นมองย้อนกลับไป เขาก็พลันค้นพบด้วยความตกตะลึงว่าบนท้องฟ้าผืนนี้มีใบหน้าขนาดมหึมาอยู่ถึงเก้าใบหน้า!
ใบหน้าทั้งเก้าล้วนเป็นใบหน้าของหญิงแก่ที่เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน พวกนางหลับตา ทว่าปากกลับอ้าออกกว้าง ป๋ายเสี่ยวฉุนมั่นใจได้เลยว่า ตนต้องถูกผลักลงมาจากปากใหญ่หนึ่งในนั้น
“บ่อนั่นก็คือปากของพวกนาง!!”
“แล้วเมื่อกี้ใครกันที่ผลักข้าลงมา หรือว่าจะเป็นยายแก่นี่? นางมีตบะอะไรกัน!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนปรับลมหายใจของตัวเอง กำลังคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่ แต่ไม่นานเรื่องที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมก็พลันบังเกิดขึ้น
เขาค้นพบว่า ร่างของตัวเอง…บัดนี้กลับเริ่มกลายมาเป็นกระดาษ!!
โดยเฉพาะนิ้วมือแต่ละข้างที่เปลี่ยนมาเป็นกระดาษอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว…นี่ทำให้ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดเสียงดังอึงอล วิกฤตความเป็นความตายอันรุนแรงที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน นับตั้งแต่ที่ราชวงศ์จักรพรรดิขุยก่อตั้งมาพลันระเบิดปะทุ
นับตั้งแต่ที่สถาปนาบ้านเมืองขึ้นมา ก็มีน้อยครั้งนักที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะพบเจอกับวิกฤตเสี่ยงตายเช่นนี้ ต่อให้ต่อสู้กับจักรพรรดิแส เขาก็ยังพอจะเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ได้ในบางระดับ ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ภายใต้วิกฤตนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลาให้มัวมาคิดมาก ตบะทั้งร่างของเขาระเบิดครืนครั่น การฟื้นตัวของบทมิวางวายก็ถูกโคจรอย่างเต็มกำลัง แม้ว่าจะชะลอการแปรสภาพเป็นกระดาษให้ช้าลงได้ แต่กลับไม่สามารถพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ได้ ราวกับว่าในโลกนี้มีกฎเกณฑ์บางอย่างที่ทำให้ทุกชีวิตที่เข้ามาล้วนต้องถูกเปลี่ยนมาเป็นกระดาษเหมือนกันหมด!
“บัดซบ บัดซบ!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนแดงก่ำ แต่เขาไม่อยากให้ตัวเองกลายมาเป็นคนกระดาษที่ตาแดง ดังนั้นขณะที่ร้องคำรามเขาก็พยายามพุ่งกระโจนขึ้นฟ้า หมายจะออกไปจากที่นี่ให้ได้
ทว่าวินาทีนี้เอง คนกระดาษทั้งหมดที่อยู่ในโลกใบนี้ก็พร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมา แต่ละคนจ้องมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าซึมกะทือ ทว่าเหล่าวิญญาณที่อยู่บนร่างของพวกเขากลับแผ่ปราณเยียบเย็น ไม่นานก็มีเสียงแผดคำรามแหลมแหบโหยดังออกมาจากปากของคนกระดาษทุกคนที่อยู่ในโลกใบนี้ ก่อนจะตามมาติดๆ ด้วยภาพที่คนกระดาษเหล่านั้นเผ่นโผนจากสี่ด้านแปดทิศเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ละคนล้วนตรงดิ่งเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุน
เมื่ออยู่ในโลกใบนี้ ความเร็วของพวกคนกระดาษรวดเร็วมาก เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ไล่กวดตามทันป๋ายเสี่ยวฉุน ซ้ำแต่ละคนที่ร้องคำรามยังคอยร่ายเวทอภินิหารมาโจมตีป๋ายเสี่ยวฉุนด้วย
เมื่อวิชาอภินิหารเหล่านี้จำแลงออกมาก็ล้วนกลายมาเป็นเศษกระดาษชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทว่าในเศษกระดาษทุกชิ้นกลับมีพลังแห่งกฎเกณฑ์ของโลก ที่ทำให้แม้แต่การฟื้นตัวบทมิวางวายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่สามารถข่มกำราบเอาไว้ได้ เขาจึงกลายมาเป็นคนกระดาษเร็วยิ่งขึ้น ถึงขั้นที่ว่าแขนข้างหนึ่งของเขากลายเป็นกระดาษไปหมดแล้ว!
“รังแกกันมากเกินไปแล้ว!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเดือดดาล เขาค้นพบว่าเมื่อมาอยู่ในนี้ วิชาอภินิหารของตนกลับไร้ผล ต่อให้เป็นคัมภีร์แห่งอนาคตกาลแดนนิพพานก็ยังไม่มีประโยชน์ใดๆ สุดท้ายป๋ายเสี่ยวฉุนจึงกัดฟันกรอด ใช้มืออีกข้างที่ยังไม่กลายเป็นกระดาษหยิบเอายารวมวิญญาณกำใหญ่ออกมาโยนอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงอึกทึก เมื่อยารวมวิญญาณระเบิดดังสนั่น วิญญาณจำนวนมากก็ถูกดูดเข้าไป พูดแล้วก็แปลก พอวิญญาณถูกดูดไปแล้ว คนกระดาษพวกนั้นกลับร่วงระนาวลงไปเบื้องล่างราวกับหมดสิ้นพลังชีวิต
หากร่างของตัวเองไม่กลายมาเป็นกระดาษ ป๋ายเสี่ยวฉุนคงรู้สึกว่าอยู่ในนี้ก็นับว่าพอใช้ได้ แล้วก็ถือว่าที่นี่เป็นสถานที่วิเศษแห่งหนึ่งด้วย ทว่าตอนนี้เขามีแต่ความร้อนรุ่มกลุ้มใจ แต่ต่อให้จะร้อนรนกระวนกระวายแค่ไหน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคอยเก็บเอากลุ่มวิญญาณที่ยารวมวิญญาณดูดไว้กลับมาด้วย ส่วนร่างก็บินทะยานขยับเข้าไปหาปากใหญ่ของหญิงชราบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ทว่าคนกระดาษของที่นี่มีมากเกินไป โดยเฉพาะบัดนี้ยังมีวิญญาณเทียนจุนกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การนำพาของวิญญาณบุพกาลพร้อมใจกันพุ่งมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน ม่านตาของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหดตัว วิกฤตคับขัน เขาจึงทดลองใช้อำนาจจิตติดต่อไปหาพัดวิเศษ แม้ว่าจะยากลำบากอย่างถึงที่สุด แต่ก็พอจะสร้างความเชื่อมโยงเสี้ยวหนึ่งให้เกิดขึ้นมาได้ การเชื่อมโยงเล็กน้อยเพียงเท่านี้ไม่อาจนำส่งเขากลับออกไป แต่กลับทำให้แสงแห่งบุพกาลบนพัดวิเศษมาระเบิดอยู่ในโลกใบนี้ได้!