Skip to content

A Will Eternal 1268

บทที่ 1268 กระชากแรงๆ หนึ่งครั้ง

เงาปีศาจที่อยู่ในเขตอาคมล้วนเป็นสิ่งที่มีลักษณะเหมือนวิญญาณพยาบาทซึ่งก่อตัวขึ้นหลังจากที่ทุกเผ่าพันธ์ในห้วงจักรวาลถูกผู้บงการนี่ฝานฆ่าล้างแล้วถูกปราณของเขาครอบเงา ช่วงแรกๆ พวกมันติดตามผู้บงการนี่ฝานคอยไปอาละวาดก่อกรรมทำเข็ญทั่วห้วงจักรวาล ผ่านที่ใดก็สร้างความหวาดผวาพรั่นพรึงให้กับทุกเผ่าพันธ์ที่ได้ยินข่าว

หลักๆ แล้วเป็นเพราะว่าเงาปีศาจวิญญาณพยาบาทเหล่านี้คือวัตถุที่ตายไปแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงไม่กลัวการถูกฆ่า อีกทั้งหากไม่ใช้เวทอภินิหารที่ยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถกำจัดพวกมันอย่างสิ้นซากแล้วล่ะก็ เวทอาคมอย่างอื่นๆ ก็แทบจะไม่ระคายผิวของพวกมันเลย

มีเพียงเผ่าพันธุ์บางกลุ่มเท่านั้นที่ถึงจะมีวิชาอภินิหารซึ่งใช้รับมือกับวิญญาณเป็นพิเศษ ทว่าเผ่าพันธ์เช่นนี้มักจะต้องถูกผู้บงการนี่ฝานลงมือกำจัดด้วยตัวเองก่อนทุกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นเหตุให้กองทัพเงาปีศาจเคยเป็นกองกำลังเหี้ยมหาญที่น่าหวาดกลัวที่สุดในมือของนี่ฝาน!

จนกระทั่งบุตรแห่งนิรันดร์กาลสามท่านสละชีพตัวเองเพื่อผนึกร่างนี่ฝานเอาไว้ กองทัพเงาปีศาจเหล่านี้ถึงได้กลับเข้าไปอยู่ในร่างของผู้บงการนี่ฝานและอยู่ในสภาวะหลับสนิทมาเป็นเวลายาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

ตอนนี้เมื่อนี่ฝานฟื้นตื่นมาได้ครึ่งทางแล้ว กองทัพเงาปีศาจเหล่านี้จึงพากันตื่นตามมาด้วย และเมื่อหินอุกกาบาตแต่ละก้อนตกลงมา เมื่อเขตอาคมก่อตัวขึ้น พวกมันก็พากันปรากฏกาย ด้านหนึ่งก็แผ่ขยายลุกลามไปทั่วดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เตรียมเปิดฉากสังหารกลืนกินทุกคนที่เหยียบเข้ามาในเขตอาคม

ทว่า…พวกมันกลับดันมาเจอป๋ายเสี่ยวฉุน…

วิญญาณที่ชั่วชีวิตนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจับเอามาชุบหลอมมีจำนวนมากจนเกรงว่าน่าจะพอๆ กับจำนวนของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเลยทีเดียว ซ้ำตัวเขาเองยังเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์การเดินทางในห้วงจักรวาลมาก่อน สามารถพูดได้ว่าสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว แม้ในอดีตเขาจะเคยกลัวผี กลัววิญญาณ แต่สิ่งที่วันนี้เขาไม่กลัวมากที่สุดกลับเป็นผีหรือวิญญาณนี่แหละ

เมื่อเห็นว่าเงาปีศาจพวกนั้นกระโจนเข้าใส่อย่างมาดร้าย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันควัน มือขวาของเขาที่โบกออกไปทำให้ยารวมวิญญาณกระจายตัวแล้วระเบิดแตก และวินาทีที่น้ำวนแรงดึงดูดซึ่งยาวิญญาณแต่ละกองเหล่านั้นสร้างขึ้นปะทุออกมาก็ดูดดึงเอาเหล่าเงาปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาหาทันที

ไม่ว่าเงาปีศาจพวกนี้จะดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เมื่อมาอยู่ภายใต้แรงดึงดูดที่มีขึ้นเพื่อรับมือกับพวกมันโดยเฉพาะนี้ เงาปีศาจเหล่านี้ก็เหมือนเปราะบางจนไม่อาจต้านทานแม้การโจมตีเพียงครั้งเดียว ท่ามกลางเสียงแผดคำรามเคล้าไปกับเสียงร้องโหยหวน เงาปีศาจมืดฟ้ามัวดินที่กระโจนมาจากสี่ทิศก็กลายมาเป็นลูกดวงวิญญาณขนาดมหึมาหลายสิบลูก

ไม่ว่าในลูกดวงวิญญาณกลุ่มใดก็ล้วนมีเงาปีศาจมากมายจนเกินคณานับ พวกมันร้องคำรามใส่กัน เบียดเสียดผลักดันกันเองไปมา แต่ทำอย่างไรก็สลัดไม่หลุด…

งานที่ง่ายดายและผ่อนคลายเช่นนี้ทำให้จิตใจที่เหนื่อยล้าของป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขาพลันขยับร่างทะยานวูบออกไป ผ่านที่ใดลูกดวงวิญญาณเหล่านั้นก็ล้วนถูกเขาทยอยเก็บเอามา

“หากตอนอยู่ในร่างของผู้บงการนี่ฝานสามารถรับมือได้ง่ายดายแบบนี้ก็ดีน่ะสิ” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย หลังจากเก็บเอาลูกดวงวิญญาณที่อยู่รอบด้านมาหมดแล้ว และเมื่อเห็นว่ามีเงาปีศาจจำนวนมากแล่นเข้ามาหาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ฉายปณิธานแห่งการต่อสู้ ก่อนจะแหงนหน้าตะเบ็งเสียงคำรามยาว

“มาเลย วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของนายท่านป๋ายของพวกเจ้าเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยความห้าวเหิม ยารวมวิญญาณถูกเขาขว้างออกไปเป็นจำนวนมากอีกครั้ง ส่วนร่างของเขาก็ทะยานผ่าไปเบื้องหน้า มองไปไกลๆ เมื่อเสียงกัมปนาทเสียงแล้วเสียงเล่าดังติดต่อกันขึ้นเป็นทอดๆ เงาปีศาจทั้งหมดที่ขยับมาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ล้วนถูกดูดเข้าไปอยู่ในลูกดวงวิญญาณทั้งหมด

มาถึงท้ายที่สุด กองทัพเงาปีศาจที่เดิมทีมีพลังอำนาจดุดันเหี้ยมหาญก็เหมือนถูกตีจนแตกพ่าย แทบไม่มีวิญญาณเหลืออยู่อีกแล้ว ขณะเดียวกันพวกเงาปีศาจที่ยังรอดมาได้ก็แสดงความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณออกมา ไม่มีตัวใดกล้าเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ละตัวแตกฮือหนีกระเจิงกันคนละทิศคนละทาง

ตลอดชีวิตที่พวกมันอาละวาดอยู่ในห้วงจักรวาล ใช่ว่าจะไม่เคยเจอบุคคลที่น่ากลัวมาก่อน แต่เมื่อนำคนเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนต่างหากถึงจะเรียกว่าราชามารที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!!

เวลาเพียงแค่ครู่เดียวนี้ วิญญาณที่เขาเก็บเอาไปก็มีมากถึงประมาณเกือบสามส่วนของการเดินทางในห้วงจักรวาล และที่ยิ่งทำให้เหล่าวิญญาณซึ่งกระจายตัวอยู่รอบๆ ตะลึงพรึงเพริดยิ่งกว่าก็คือป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เพียงแต่เก็บเอาวิญญาณไปเท่านั้น เขายังหลอมไฟไปพลางๆ ด้วย!

จับเอาวัตถุดิบที่มีอยู่ใกล้มืออย่างเงาปีศาจกลุ่มใหญ่มาหลอมเป็นไฟหลายสีกันซึ่งๆ หน้า เป็นเหตุให้แสงแห่งเปลวเพลิงสาดสะท้อนโชติช่วงไปแปดทิศ ขณะเดียวกันเงาร่างของเขาในสายตาเงาปีศาจเหล่านั้นก็กลายมาเป็นบุคคลน่ากลัวที่เป็นรองแค่นี่ฝานเท่านั้น

ศัตรูทางธรรมชาติเช่นนี้ ต่อให้พวกมันจะไม่มีจิตสำนึกอะไรหลงเหลืออยู่ก็ยังสัมผัสได้ถึงวิกฤตรุนแรงเกินคำบรรยาย แล้วมีหรือที่จะกล้าเข้ามาขัดขวาง กลับกันคือยิ่งแย่งกันหนีตายหัวซุกหัวซุนด้วยความรู้สึกเจ็บใจว่าเหตุใดความเร็วของตนถึงได้ช้านัก

หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น ไม่แน่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนอาจจะมีอารมณ์ตามไปไล่จับ แต่ตอนนี้เขาเพียงแค่มองตามปราดเดียวก็ถอนสายตากลับด้วยความใจป้ำ ครั้นแล้วก็ทะยานไปยังภูเขาไฟอันเป็นใจกลางของเขตอาคมแห่งนี้ ความเร็วของเขาสูงมาก ซ้ำตลอดทางยังไม่มีอะไรมาขัดขวาง ดังนั้นเพียงครู่เดียวป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึงริมขอบของภูเขาไฟ พอกวาดอำนาจจิตมองไป ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีประกายแห่งความตกตะลึงวาบผ่าน

เพราะเขาเห็นว่าในภูเขาไฟลูกนี้มีประตูหินเก่าแก่อยู่บานหนึ่ง!

ประตูหินบานนี้ให้ความรู้สึกว่ามันผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน อีกทั้งด้านในยังมีเสียงคำรามดังออกมาแว่วๆ และถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นประตูหิน แต่มันก็แค่มองคล้ายประตูหินเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วมันก็คือกรอบหินขนาดใหญ่ยักษ์กรอบหนึ่งซึ่งตรงกลางมีเยื่อบางๆ ขุ่นมัวลักษณะคล้ายม่านน้ำอยู่ชั้นหนึ่ง

เยื่อบางๆ ชั้นนั้น เดี๋ยวๆ ก็ปูดนูนขึ้นมา เดี๋ยวๆ ก็เว้ายวบลงไป ราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งบางอย่างกำลังพยายามจะฝ่ามันเพื่อบุกเข้ามาในเขตอาคมแห่งนี้

ชั่วขณะที่มองเห็นประตูหินรวมถึงเยื่อบางๆ ที่เดี๋ยวนูนเดี๋ยวเว้านั้น ม่านตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันหดตัว แต่ไม่นานเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในเยื่อบางๆ นี้เป็นแค่บุพกาลเท่านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันคลายใจลงได้ ครั้นจึงขยับร่างตรงดิ่งไปยังตัวภูเขาไฟ

ควันดำที่ปะทุออกมาจากปล่องภูเขาไฟไม่อาจสร้างผลกระทบใดๆ ต่อเขาได้แม้แต่น้อย พวกมันไม่แม้แต่จะลอยมาติดเปื้อนกายเขาได้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนแผ่คลื่นตบะออกไปควันเหล่านั้นก็ถูกขับไล่ไปโดยตรง ร่างของเขาจึงเหมือนสายฟ้าเส้นหนึ่งที่พุ่งสวบเข้าไปในภูเขาไฟเพียงเสี้ยววินาที และพอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าประตูหินบานนั้นแล้ว

และวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเผยกายนั้นเอง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในประตูหินก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึงแผดเสียงคำรามกึกก้องไปทั้งฟ้าดิน ทั้งยังยื่นมือใหญ่ข้างหนึ่งออกมาจากในเยื่อบางโดยตรง มือใหญ่นี้ดันให้เยื่อบางขยายใหญ่จากเดิมมาก ราวกับว่ากำลังพยายามเต็มที่ หมายจะแหวกทะลุออกมาจากข้างในให้จงได้

สิ่งที่อยู่ในเยื่อบางนี้ก็คือเงาปีศาจเหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนเงาปีศาจตนอื่นๆ ริ้วคลื่นที่เงาปีศาจตนนี้แผ่ออกมากลับแทบไม่ต่างจากตบะของบุพกาลสักเท่าไหร่ จากความเข้าใจที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมีต่อวิญญาณ มองปราดเดียวเขาก็วิเคราะห์ได้แล้วว่านี่ต้องเป็น…เงาปีศาจบุพกาลตนหนึ่งแน่นอน!

อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าร่างวิญญาณร่างนี้สมบูรณ์แบบ แตกต่างไปจากวิญญาณบุพกาลที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเจอในตำหนักกลางห้วงจักรวาลของปีนั้นอยู่มาก ชัดเจนมากว่าเงาปีศาจนี้น่าจะเป็นหนึ่งในแม่ทัพของกองทัพเงาปีศาจนี่ฝาน

เดิมทีมันจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักช่วงหนึ่งถึงจะฝ่าเยื่อบางเข้ามาในที่แห่งนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นกองทัพเงาปีศาจก็จะสามารถทำให้เขตอาคมจุดนี้แข็งแกร่งมั่นคงมากขึ้น ซึ่งต่อให้เป็นป๋ายเสี่ยวฉุนเองที่หากคิดจะถอนรากถอนโคนเขตอาคมนี้ทิ้งก็ยังจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่าง ย่อมไม่มีทางผ่านมาได้อย่างง่ายดายเฉกเช่นในเวลานี้แน่นอน เพราะอย่างไรซะเมื่อมีเงาปีศาจบุพกาลนี้อยู่ มันก็สามารถควบคุมเงาปีศาจตนอื่นๆ ให้กลายมาเป็นเหมือนพลทหารคนหนึ่งได้ และถึงแม้ว่ายารวมวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนอาจจะยังใช้ได้ผล แต่ประสิทธิภาพที่ได้รับก็จะถูกหักลบไปเยอะมากแน่นอน

แต่ใครเล่าที่ทำให้เงาปีศาจบุพกาลตนนี้ดวงซวย ไม่ว่าอย่างไรมันก็คงคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมาถึงเร็วขนาดนี้ มาถึงเร็วก็ยังพอว่า แต่นี่ยังดันมีวิธีการในการเก็บวิญญาณโดยเฉพาะ เป็นเหตุให้มันยังไม่ทันได้เยื้องกรายเข้ามา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาดักรอตรงหน้าประตูที่มันจะแหวกฝ่าเข้ามาเสียแล้ว

ทั้งหมดนี้ทำให้เงาปีศาจบุพกาลโกรธแค้นอย่างมาก เสียงคำรามของมันในเวลานี้จึงแฝงไว้ด้วยความเสียดาย แต่ที่มากกว่านั้นคือความดุดันเย็นชา และเมื่อมือใหญ่ของมันดันให้เยื่อบางยืดขยายจนถึงขีดสุด ความแตกต่างระหว่างมันกับเงาปีศาจตนอื่นๆ ก็ได้แสดงออกมาให้เห็น ซึ่งนั่นก็คือ…มันมีสติปัญญาและจิตสำนึกเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือมีอำนาจจิต!

อำนาจจิตของมันเป็นดั่งพายุบ้าระห่ำที่พกพาเอาความเดือดดาลให้ซัดออกมาจากในประตูหิน กึกก้องกังวานอยู่ในภูเขาไฟ

“ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดี!! หากไม่เป็นเพราะตัวข้ามิอาจเผยกายได้ทันกาล มีหรือจะปล่อยให้เจ้าบุกสังหารมาถึงที่นี่ได้!”

“แต่เจ้าก็ได้อย่าลำพองใจเกินไปนัก อีกไม่นานเท่าไหร่ กองทัพเงาปีศาจของนายท่านก็จะยังเยื้องกรายมาถึงอยู่ดี และตัวข้าเองก็จะตามมาด้วยอีกครั้ง ข้าจะลบเลือนแผ่นดินผืนนี้ ลบเลือนเผ่าพันธุ์ของเจ้า ก่อนจะทำให้พวกมันกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเงาปีศาจพวกเรา!” เงาปีศาจบุพกาลคำรามกร้าว น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยไฟโทสะ หลังจากแผดประโยคที่คล้ายต้องการระบายความแค้นเคืองเหล่านี้จบ มันก็ค่อยๆ ดึงมือใหญ่กลับคืนไปช้าๆ

ทว่าขณะที่มันเตรียมจะดึงมือกลับนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกะพริบตาปริบๆ กระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง ปรี่ขึ้นหน้าไปทันที ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ในเยื่อบางที่เหมือนมือของคนสวมถุงมือซึ่งกำลังจะดึงกลับไปอย่างกระตือรือร้น

“หึ อย่าเพิ่งรีบร้อนกลับไปสิ ในเมื่อเจ้าอยากจะมา ข้าจะช่วยเจ้าเอง…” มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมให้เงาปีศาจบุพกาลนี้จากไป สำหรับเขาแล้วมูลค่าของเงาปีศาจตนนี้สูงยิ่งกว่า พอคว้ามือใหญ่ของเงาปีศาจนั้นไว้ได้ ท่ามกลางอาการอึ้งตะลึงของเงาปีศาจ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดพลังกล้ามเนื้อและพลังตบะออกมา พละกำลังมหาศาลที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันรวมตัวกันอยู่ที่แขนและมือของเขา ครั้นแล้วเขาที่คำรามต่ำๆ ในลำคอก็กระชากมือใหญ่ของเงาปีศาจมาหาตัวอย่างแรง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version