บทที่ 156 คิดจะสังหารข้ารึ?!
ในโลกกระบี่อุกกาบาต น้ำวนทั้งเก้าบนนภากาศทำให้ความหวังในใจของทุกคนที่ได้เห็นยิ่งลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สร้างฐานรากแห่งใด ปราณชีพจรดินล้วนมีจำกัด นักพรตที่สร้างฐานรากได้สำเร็จจึงไม่สามารถเกินไปจากจำนวนที่กำหนดไว้ได้
เช่นเดียวกัน จำนวนนี้ไม่ได้คงที่เสมอไป สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีคนที่สร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้แปดครั้ง ดึงดูดเอาปราณชีพจรดินไปมากกว่าเดิม ปราณชีพจรดินตลอดทั้งโลกลดจำนวนลงฮวบฮาบ ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเลือกหยุดการสร้างน้ำขึ้นน้ำลง
ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด…ที่น่ากลัวที่สุดก็คือมีสุดยอดศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่สร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้ถึงเก้าครั้ง คนเช่นนี้บังเกิดขึ้นเมื่อใด หากระหว่างที่ประคับประคองน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าแล้วมีคนจากสำนักอื่น หรือแม้แต่คนจากสำนักเดียวกันเข้ามารบกวนและทำลาย สุดท้ายเมื่อไต่สู่จุดสูงสุดของสร้างฐานรากชีพจรดินได้สำเร็จก็จะต้องไปประหัตประหารคนจากสำนักอื่นๆ หรือแม้แต่คนสำนักเดียวกันที่มารบกวนคิดทำลายน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าของเขา!
เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อแปดร้อยปีก่อน ซึ่งก็เพราะความบ้าคลั่งของอู๋จี๋จื่อในครั้งนั้นที่ทำให้คนของสำนักธาราโอสถซึ่งอยู่ในหุบเหวกระบี่อุกกาบาตถูกสังหารเกลี้ยง สำนักธาราทมิฬและสำนักธาราเทพเหลือคนที่รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน แม้แต่สำนักธาราโลหิตเอง ภายใต้ความบ้าระห่ำของอู๋จี๋จื่อก็ยังมีคนถูกฆ่าไปไม่น้อย
และในเวลานี้ เหล่าลูกศิษย์ของสี่สำนักที่ยังรวบรวมตัวล่อปราณชีพจรดินออกมาไม่ได้ แต่ละคนหากไม่ยอมรับชะตาฟ้าลิขิต ก็ตกอยู่ท่ามกลางการเข่นฆ่าอันบ้าคลั่ง ไม่เลือกวิธีการ แม้แต่การดักโจมตีลอบฆ่าคนสำนักเดียวกันเองก็ยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เพื่อให้ได้ครอบครองตัวล่อปราณชีพจรดินสำหรับสร้างฐานราก
เวลาผันผ่าน ขณะที่คนกลุ่มสองอย่างซ่างกวานเทียนโย่ว สวีเสี่ยวซาน เป่ยหันเลี่ยและจ้าวโหรวทยอยกันยุติน้ำขึ้นน้ำลงสามรอบแรก น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่สี่ของกุ่ยหยาก็เสร็จสมบูรณ์ เริ่มน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้า
ส่วนซ่งเชวียและจิ๋วต่าวก็ดำเนินน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้านี้ไปได้เกินครึ่งแล้ว
ทางฝ่ายของป๋ายเสี่ยวฉุนนั้น…เขาไวที่สุด เวลานี้น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้าใกล้จะสิ้นสุดลง ท่ามกลางการหมุนโคจรของน้ำวนนั้น เมื่อปราณชีพจรดินมากมายไหลทะลักทลาย มหาสมุทรวิญญาณชั้นที่ห้าก็ได้ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนมหาสมุทรวิญญาณชั้นที่สี่ในร่างของเขา
สองชั่วยามต่อมาป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง น้ำวนลูกที่ห้าในร่างแผ่ขยายออก พลังน้ำขึ้นน้ำลงระเบิดตัว ทำให้หลังจากที่มหาสมุทรวิญญาณชั้นที่ห้าก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบในจุดตันเถียนของเขาแล้ว น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้าของเขาถึงได้สิ้นสุดลง
“ยังมีรอบที่หก!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนทอประกายความเด็ดเดี่ยว มาถึงขั้นนี้แล้ว ตัวเขาเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เขาอยากรู้ว่าขีดสุดความสามารถของตัวเองนั้นจะอยู่ที่ระดับใด ท้ายที่สุดแล้วตัวเองจะสามารถสร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้…กี่ครั้งกันแน่!
“ลมปราณม่วงควบคุมกระถางทำให้ข้าสร้างน้ำขึ้นน้ำลงรอบแรกได้ ลมปราณม่วงแปลงกระถางสร้างน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่สอง ส่วนพลังมังกรพลังคชสาร แบ่งออกเป็นน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่สามและรอบที่สี่!”
“เดิมทีน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้าควรจะเป็นวิชาแปลงมหาสมุทร ทว่าเนื่องจากข้าฝ่าทะลุพันธนาการแห่งชีวิตขั้นที่หนึ่ง จึงสร้างรอบที่ห้าขึ้นมาเอง ถ้าเช่นนั้นตอนนี้วิชาแปลงมหาสมุทรก็น่าจะผลักดันต่อไปให้สร้างน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่หกได้!” ลมหายใจป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น คัมภีร์มังกรคชสารแปลงมหาสมุทรในร่างระเบิดออกมาเต็มรูปแบบ หลังจากเกิดพลังมังกรและพลังคชสารแล้ว จึงเกิดการหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายมาเป็นพลังแปลงมหาสมุทร!
คำว่าแปลงมหาสมุทร เดิมทีก็คือแปลงออกมาเป็นมหาสมุทรวิญญาณ กลายมาเป็นฐานรากแห่งนักพรต!
เวลานี้หลังจากที่มันเคลื่อนหมุน ท้องฟ้าเบื้องบนของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเกิดเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง น้ำวนรอบที่หกโผล่พรวดออกมา ด้านในน้ำวนนั้นคือมหาสมุทรผืนใหญ่ที่คลื่นโหมซัดสาดไล่หลังกัน
มองดูแล้วเหมือนจะโอ่อ่ายิ่งใหญ่ ทว่าในความเป็นจริงแล้วคล้ายจะไม่ค่อยมั่นคงนัก ความเร็วในการดึงดูดจึงช้าลงไปเล็กน้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนมีเวทคาถาลับอย่างเขตแดนธารา แต่กลับไม่ยอมเอามาใช้ตอนนี้ ขอเพียงพลังแปลงมหาสมุทรนี้มีความเป็นไปได้ในการสร้างน้ำขึ้นน้ำลง เขาก็ไม่อยากปล่อยทิ้งให้สิ้นเปลือง
ภาพนี้เมื่อเหล่านักพรตมองเห็นเข้าก็พากันคลายใจลงไปได้
“น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่หกของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มั่นคง ดูท่าน่าจะเป็นขีดสุดของเขาแล้ว คาดว่าที่สามารถยืนหยัดได้นานขนาดนี้เป็นเพราะก่อนหน้านั้นใช้เวทคาถาลับ ภูเขาที่พังทลายของน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้านั่นน่าจะเป็นวิชาลับอย่างหนึ่ง”
“น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่หกก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว ผ่านรอบที่หกไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย!”
เวลาเดียวกันนั้นฟางหลินและจิ๋วต่าวต่างก็แอบผ่อนลมหายใจเช่นกัน ตอนที่พวกเขาเลือกสร้างฐานรากที่นี่ก็ได้สังเกตรอบด้านด้วยความระแวดระวัง ขณะเดียวกันกับที่ทำการป้องกันภัย ก็ยังสัมผัสถึงคนอื่นได้ด้วย
“ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขีดสุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวล”
ทว่ากุ่ยหยากลับขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชอบมาพากล เขายังไม่เห็นเวทคาถาลับของป๋ายเสี่ยวฉุนเลย ซ่งเชวียเองก็มีนัยน์ตาวาบไหวเช่นกัน คล้ายกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง
เวลาหมุนเปลี่ยน น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่หกของป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะที่ค่อยๆ ดูดดึงเอาปราณชีพจรดินมาอย่างเชื่องช้าก็เริ่มนิ่งสงบลง แม้ว่าจะไม่พังทลาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าลักษณะพลังเทียบเท่าก่อนหน้านั้นไม่ได้
ไม่นานก็มีคนอีกหลายคนรวบรวมตัวล่อปราณชีพจรดิน สร้างกระแสน้ำขึ้นน้ำลงขึ้นมาได้ โหวอวิ๋นเฟยก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากสามสิบกว่าชั่วยามผ่านไป เมื่อน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่หกของป๋ายเสี่ยวฉุนสิ้นสุดลง ขณะที่นักพรตส่วนใหญ่ล้วนเข้าใจว่าการสร้างฐานรากของป๋ายเสี่ยวฉุนจะยุติอยู่แค่ตรงนี้…
ใต้ทะเลสาบ ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในถ้ำพลันโชนแสง น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่หกในร่างแผ่กระจายก่อตัวกลายมาเป็นมหาสมุทรวิญญาณชั้นที่หก เขาสูดลมหายใจเข้าลึก มือทั้งคู่ยกขึ้นตวัดโบกออกไปรอบด้าน
“เวทคาถาลับ…เขตแดนธารา!”
พริบตาเดียวถ้ำที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ก็มีไอน้ำเกิดขึ้น ไอน้ำนี้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ไหลทะลักทะลายออกไปนอกถ้ำ หลอมรวมเข้ากับทะเลสาบ ทำให้ทะเลสาบเกิดลูกคลื่นซัดโหมขึ้นมาทันที สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่ามันยังขยายใหญ่ออกไปอย่างต่อเนื่อง
คล้ายว่าอยู่ๆ น้ำในทะเลสาบก็เพิ่มขึ้นมาจากความว่างเปล่า เวลาแค่ไม่กี่อึดใจก็พลันแผ่วงกว้างออกไปอย่างน้อยหลายเท่า ไม่ใช่ทะเลสาบอีกต่อไป แต่เป็นดั่งทะเลในผืนหนึ่ง
เวลาเดียวกันนั้น น้ำวนชั้นที่หกบนท้องฟ้าก็ได้สงบนิ่งลงอย่างสมบูรณ์แบบ ทว่ากลับไม่มีลางที่จะสลายหายไป กลับกันคือยิ่งให้ความรู้สึกคล้ายกำลังตั้งท่าเตรียมรออะไรบางอย่าง
ถึงขั้นที่ว่า…บัดนี้ตลอดทั้งโลกกระบี่อุกกาบาตคล้ายถูกกดทับ ขณะที่ทุกคนพากันแปลกใจ หรือแม้แต่พวกจิ๋วต่าวเองก็ยังใจสั่นนั้นเอง ทันใดนั้น…
การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงพลันอุบัติขึ้น!!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นกะทันหัน มือทั้งสองยกขึ้นโบกแรงๆ หนึ่งครั้ง ภายใต้การโบกมือนี้ บนทะเลสาบพลันมีคลื่นยักษ์โถมตัวขึ้นสูง เสียงดังเลือนลั่นก้องสี่ทิศ บนนภากาศ บนน้ำวนชั้นที่หกซึ่งสงบนิ่งอยู่ เวลานี้พลันบิดเบือนและหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงอุทานแตกตื่นของคนจำนวนนับไม่ถ้วน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาคือ…น้ำวนชั้นที่เจ็ด!
ยังไม่สิ้นสุด หลังจากน้ำวนชั้นที่เจ็ดนี้ก่อร่างขึ้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเหนือขึ้นไปด้านบน ความว่างเปล่าจะบิดเบือนอีกครั้ง เมฆหมอกเหลือคณานับพัดหมุน น้ำวนชั้นที่แปดโผล่พรวดออกมา!
น้ำวนชั้นที่เจ็ดและชั้นที่แปดบังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เมื่อภาพนี้ปรากฏขึ้น ก็คล้ายมีสายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าฟาดผ่าอยู่ในจิตวิญญาณของนักพรตทุกคนที่เห็นภาพนี้
“เป็นไปไม่ได้!! ก่อนหน้านี้น้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่ห้าของเขาเห็นชัดๆ ว่านั่นก็คือวิชาลับแล้ว!”
“วิชาลับ นี่คือวิชาลับ สวรรค์ ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ได้ใช้วิชาลับ!!”
“ถึงขั้นเกิดน้ำวนสองชั้นในเวลาเดียวกัน นี่…นี่ก็คือสุดยอดเวทคาถาลับแห่งสำนักธาราเทพ คือเขตแดนธารา? หรือว่าขบวนภูติรัตติกาล!!”
ขณะที่ทุกคนกำลังร้องอุทานอย่างตกตะลึงกันอยู่นั้นเอง พลันมีคนตั้งตัวขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน แผดร้องเสียงหลง
“แปดครั้ง เขาจะสร้างน้ำขึ้นน้ำลงแปดครั้ง หากเขาทำสำเร็จ ปราณชีพจรดินของที่นี่ก็จะถูกดึงดูดเอาไปปริมาณมาก!”
“ขัดขวางเขา!”
พริบตานั้นเสียงก็ดังขึ้นเซ็งแซ่ ตลอดทั้งนภากาศสั่นคลอนรุนแรง เมื่อน้ำวนของน้ำขึ้นน้ำลงชั้นที่เจ็ดแปดพัดหมุน พลังดึงดูดน่าตกใจที่มากมหาศาลกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่าก็ระเบิดตูมออกมาทันที ความแข็งแกร่งของพลังดึงดูดนี้ยากที่จะอธิบายได้ พริบตาที่มันระเบิดออกมาดุจมีหลุมดำหนึ่งหลุมดูดกระชากปราณชีพจรดินของโลกใบนี้ไปอย่างบ้าคลั่ง
เวลานี้แม้แต่น้ำวนลูกอื่นๆ ก็ยังบิดเบี้ยวไปด้วย ความเร็วช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ได้รับผลกระทบรุนแรง
“ลูกศิษย์สำนักธาราโอสถฟังคำสั่ง สังหารป๋ายเสี่ยวฉุน หยุดยั้งการสร้างน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่แปดของเขา!! ลูกศิษย์ทุกคนที่ฟังคำสั่งข้า กลับไปถึงสำนัก ข้าฟางหลินจะเอายาสร้างฐานรากมาให้พวกเจ้าอย่างไม่คิดเสียดายค่าตอบแทนใดๆ รับรองว่าพวกเจ้าจะร่ำรวยมีเกียรติยศไปตลอดชีวิต!” และเวลานี้เอง เบื้องล่างน้ำวนที่ฟางหลินอยู่ เขาที่นั่งสมาธิพลันเบิกดวงตาโพลง เสียงล่องลอยไปตามน้ำวนบนนภากาศ ดังเอ็ดอึงไปทั่วสี่ทิศ
เวลาเดียวกันนั้น จิ๋วต่าวที่อยู่ในค่ายกลก็เงยหน้าขึ้นพรวด ไอสังหารในดวงตาเปล่งวาบ
“ลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬฟังคำสั่ง สังหารป๋ายเสี่ยวฉุน สังหารคนผู้นี้ก็จะทำให้ปราณชีพจรดินของเขากระจายออกไป กลับคืนสู่โลกอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่ดีต่อทั้งตัวข้า และตัวพวกเจ้าเอง!”
แทบจะเวลาเดียวกันกับที่คำพูดของจิ๋วต่าวดังสะท้อนออกไป ซ่งเชวียเองก็ลืมตาขึ้น หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ก็พลันเอ่ยปาก
“ลูกศิษย์สำนักธาราโลหิตฟังคำสั่ง สังหารป๋ายเสี่ยวฉุน หยุดยั้งน้ำขึ้นน้ำลงของเขา!”
โหวอวิ๋นเฟยร้อนใจ ทว่าเวลานี้เขาเองก็กำลังสร้างฐานราก ไม่สามารถออกไปช่วยเหลือได้
ดวงตาทั้งคู่ของซ่างกวานเทียนโย่วโชนแสงวาบ เผยรอยยิ้มเย็นชา เมื่อครู่นี้เขาเองก็อึ้งตะลึงไปเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นกัน โดยเฉพาะการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เจ็ดแปดพร้อมกันสองชั้น ทำให้เขาสำลักลมหายใจ แต่เวลานี้กลับวางใจลงได้แล้ว
“เจ้ารนหาที่ตายเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้” ซ่างกวานเทียนโย่วปิดดวงตาทั้งคู่ลง ชักนำน้ำขึ้นน้ำลงต่อไป
กุ่ยหยาเงียบงัน นัยน์ตาฉายแสงคมกล้า สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์อะไร เพียงแต่ว่าต่อให้ตอนนี้เขาคิดจะไปช่วยก็ได้แค่คิดเท่านั้น ไม่อาจทำอะไรได้
เป่ยหันเลี่ยลังเล สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีความรู้สึกเช่นไร จะว่าเกลียดก็เกลียด ใจที่คิดสังหารก็มี ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป เขาไม่อยากให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตายด้วยน้ำมือคนอื่น เขาอยากจะโจมตีให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือตนเอง
“ต่ำช้า!” เป่ยหันเลี่ยกัดฟัน พลันคำรามเสียงทุ้มต่ำ น้ำเสียงดังลอยออกไปนอกน้ำวน แม้ว่าเขาจะไม่อาจออกไปช่วยได้ ทว่าจะไม่ให้ออกแม้แต่เสียง เขาก็ทำไม่ได้
หลังจากที่ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของทั้งสามสำนักเอ่ยปาก เสียงของพวกเขาสะท้อนออกมาจากน้ำวนดังไปสี่ทิศ ทุกคนของทั้งสามสำนักที่อยู่ในโลกกระบี่อุกกาบาตแห่งนี้ดวงตาแดงฉานขึ้นมากันหมด
“ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน หากเขาตายไป ปราณชีพจรดินของเขาก็จะกระจายออก ความหวังที่พวกเราจะสร้างฐานรากได้สำเร็จก็มีมากขึ้น!”
“ใช่แล้ว ซ่งเชวียก็ดี จิ๋วต่าวก็ช่าง หรือแม้แต่ฟางหลินก็ล้วนไม่ควรไปหาเรื่อง ในข้อมูลของสำนักเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ไม่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด สามารถฆ่าได้!”
“ทว่าข้อมูลของป๋ายเสี่ยวฉุนในสามสำนักดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมือนกันนัก… ช่างเถอะ คิดมากขนาดนั้นไม่ได้แล้ว ไม่ฆ่าคนผู้นี้ ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีหวังจะได้สร้างฐานรากแล้ว!”
“เขาไม่มีสิทธิ์สร้างน้ำขึ้นน้ำลงถึงแปดครั้ง!”
ลูกศิษย์ของสามสำนักแต่ละคนอารมณ์ดุเดือด คนจากสี่ด้านแปดทิศตรงดิ่งไปยังทะเลสาบที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ ลูกศิษย์ของสำนักธาราเทพร้อนใจ คิดจะเข้าไปขัดขวาง ทว่าจำนวนคนของสำนักธาราเทพเมื่อเทียบกับอีกสามสำนักที่เหลือแล้วช่างน้อยนิดยิ่งนัก
พวกเขาสามารถขัดขวางคนส่วนเล็กๆ ได้ ทว่าลูกศิษย์ของสามสำนักส่วนใหญ่ล้วนเร่งความเร็วสุดขีด พุ่งไปยังสถานที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ คนที่เร็วสุดก็มาอยู่ด้านข้างทะเลในของทะเลสาบแล้ว
และเวลานี้เอง ประกายตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนลุกโชน ดวงตาที่เบิกโพลงขึ้นมากลางถ้ำในทะเลสาบเผยให้เห็นเส้นเลือดฝอย
“คิดจะสังหารข้ารึ?!”
————