Skip to content

A Will Eternal 173

บทที่ 173 โลกใบนี้!

หลายวันต่อมา ทุกคนของสำนักธาราเทพพาป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสำนัก ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงันไปตลอดทาง คอยหันไปมองด้านหลัง มองทิศทางอันเป็นที่ตั้งของถ้ำซึ่งทั้งสองอยู่ด้วยกัน สถานที่ที่ตู้หลิงเฟยหายตัวไป

หลายวันที่ผ่านมานี้ หลี่ชิงโหวได้ออกคำสั่งให้ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรทุกตระกูลของสำนักธาราเทพร่วมกันตามหาตู้หลิงเฟย ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงไร้ซึ่งเบาะแส ราวกับว่าตู้หลิงเฟยหายไปกลางอากาศ…อย่างไร้ร่องรอย

เรื่องที่ไม่ธรรมดาประเภทนี้ก็ทำให้ระดับสูงของสำนักธาราเทพจับตามองและให้ความสำคัญเช่นกัน

เพราะการหายตัวไปของตู้หลิงเฟย ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กลับมาถึงสำนัก เขาไม่มีความสุขที่ตัวเองสร้างฐานรากวิถีฟ้า ต่อให้ทางสำนักจะจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โต ต่อให้ชื่อเสียงของเขาจะค่อยๆ โด่งดังไปแปดทิศทั่วโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันตกตอนล่าง โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ในโลกกระบี่อุกกาบาต การเข่นฆ่าเพื่อแย่งชิงปราณชีพจรฟ้ามาครองซึ่งโหดเหี้ยมทารุณยิ่งกว่าครั้งของอู๋จี๋จื่อเมื่อแปดร้อยปีก่อน

ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงไร้ซึ่งความฮึกเหิมเฉกเช่นก่อนหน้านี้

ต่อให้เขาจะได้รับรางวัลมากมหาศาล ต่อให้เวลาที่ลูกศิษย์ตลอดทั้งสำนักธาราเทพมองเห็นเขาแล้วจะเผยความเคารพยำเกรงผ่านทางดวงตา ต่อให้แม้แต่ผู้อาวุโสไท่ซ่างและบุรพาจารย์หลายท่านล้วนให้ความสนใจกับเขาอย่างถึงที่สุด แต่ในใจเขา…ก็ยังคงหดหู่

ในงานพิธีเลี้ยงฉลอง ป๋ายเสี่ยวฉุนเอาศพของลูกศิษย์สำนักธาราเทพที่ตายอยู่ในโลกกระบี่อุกกาบาตทุกคนซึ่งเขาหาเจอออกมา ชั่วขณะนั้น รอบด้านเงียบสงัด ผู้นำเขาก็ดี เจ้าสำนักก็ช่าง หรือแม้แต่สายตาของผู้อาวุโสไท่ซ่างที่ทอดมองลงมาจากเขาจ้งเต้าก็ยังมืดสลัวลง

หลังจากงานพิธี ในสายตาของคนมากมายเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งสงบลงไปเยอะมาก เหมือนเขาลืมโอ้อวดตัวเอง ลืมความภาคภูมิใจของตัวเอง หลายครั้งที่เขาชอบนั่งอยู่บนยอดเขาเซียงอวิ๋นเพียงลำพังด้วยสีหน้าเลื่อนลอย

ป๋ายเสี่ยวฉุนในลักษณะนี้ทำให้หลายคนรู้สึกไม่คุ้นชิน นอกจากความไม่คุ้นชินแล้ว ลูกศิษย์บางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เมื่อเห็นท่าทางของเขาก็ยังถึงขั้นรู้สึกเจ็บปวดใจตามไปด้วย

เถี่ยตั้นวิ่งมาจากชายฝั่งทิศเหนือ คล้ายรู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนอารมณ์ห่อเหี่ยว มันนอนหมอบอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน อยู่เงียบๆ เป็นเพื่อนเขา

จางต้าพั่งมาประจำ ทุกครั้งที่เห็นท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จึงถอนหายใจอยู่ข้างๆ โหวอวิ๋นเฟยเองก็มาเช่นกัน นั่งอยู่เป็นเพื่อนป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบๆ

และยังมีโหวเสี่ยวเม่ยที่มาหาบ่อยๆ ขณะที่ปลอบใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็คล้ายเตือนป๋ายเสี่ยวฉุนไปในคราวเดียวกันด้วยว่า ไม่มีตู้หลิงเฟยแล้ว ยังมีนางโหวเสี่ยวเม่ยนะ

“พี่เสี่ยวฉุน ข้าโหวเสี่ยวเม่ยจะไม่หายตัวไป…”

สวีเป่าไฉก็มากับเขาเหมือนกัน พกเอาข่าวลือมากมายมาเล่าให้เขาฟัง เช่นเรื่องที่กงซุนหว่านเอ๋อร์หายตัวไป ทว่าไฟของดวงจิตกลับยังไม่ดับลง กงซุนอวิ๋นตามหาอย่างบ้าคลั่ง…สวีเป่าไฉยังถึงขั้นรวบรวมข่าวทั้งหมดจากลูกศิษย์ซึ่งกลับมาจากสถานที่สร้างฐานรากสามแห่งใหญ่ เรียบเรียงได้อย่างครบถ้วน สรุปออกมาเป็นรายชื่อศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของทั้งสี่สำนักใหญ่

“อาจารย์อาป๋าย คราวก่อนท่านไปที่โลกกระบี่อุกกาบาต ท่านคงไม่รู้สินะ ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อุโมงค์วิญญาณ สำนักธาราโอสถบังเกิดสุดยอดศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่อยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคน!

คนผู้นี้ชื่อว่าหลินมู่ มู่ที่แปลว่าสุสาน เขาถึงขั้นฝึกมหาเวทยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของสำนักธาราโอสถ คาถาโอสถโบราณเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าได้สำเร็จ! จนถึงท้ายที่สุดทุกคนถึงได้พบว่าลูกศิษย์หลายคนของสำนักธาราโอสถล้วนถูกคนผู้นี้แอบฝังเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าเอาไว้ในร่าง และด้วยเหตุนี้เขาจึงสร้างฐานรากชีพจรดินได้ถึงแปดครั้ง กลายมาเป็นม้ามืดที่แท้จริงของสำนักธาราโอสถในครั้งนี้!”

“แล้วก็ยังมีในดินแดนลึกลับอี้โยวที่บังเกิดศิษย์แห่งความภาคภูมิใจน่าตื่นตะลึงอีกคนหนึ่ง ความโด่งดังของชื่อเสียงเป็นรองก็แค่ท่านอาจารย์อาป๋ายเท่านั้น นั่นคือผู้หญิงคนหนึ่ง มาจากสำนักธาราโลหิต นางสวมหน้ากาก บนหน้ากากมีดอกเหมยหนึ่งดอก แทบจะกวาดตะลุยไปทั่วดินแดนลึกลับอี้โยว และนางก็ตามรอยอู๋จี๋จื่อแห่งสำนักธาราโลหิต เป็นคนที่สองซึ่งบรรลุจุดสูงสุดชีพจรดินเก้าครั้ง หญิงสาวผู้นี้ฆ่าคนไปมากมาย ใจดำอำมหิตอย่างถึงที่สุด ถูกขนานนามว่านางมารเซวี่ยเหมย!”

“พูดก็พูดเถอะ ก่อนสร้างฐานรากที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ทั้งสี่สำนักใหญ่ต่างก็มีเรื่องปิดบังเอาไว้ ทำให้คราวนี้มีม้ามืดเกิดขึ้นเยอะมาก คาดว่าอีกสามสำนักที่เหลือก็คงมองอาจารย์อาป๋ายเองเป็นม้ามืดเช่นกัน อีกทั้งยังแข็งแกร่งที่สุด…สร้างฐานรากวิถีฟ้า!”

“คราวนี้สำนักธาราเทพของเราโชติช่วงชัชวาลใหญ่แล้ว!”

“แล้วก็กุ่ยหยา ก่อนปิดด่านเขาได้ไปเลือกวิชาตกทอดที่เขตต้องห้าม และช่องหลุมของวิชาตกทอดในถ้ำถึงขั้นเรืองแสงพร้อมกันทีเดียวยี่สิบกว่าช่อง สร้างความฮือฮาให้กับสำนักอย่างมาก” สวีเป่าไฉเชี่ยวชาญด้านการข่าว การพูดจ้อไม่หยุดของเขาทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนค่อยๆ รับรู้ถึงเรื่องราวในอุโมงค์วิญญาณและดินแดนลึกลับอี้โยว

แม้จะไม่โหดเหี้ยมน่าเวทนาเท่าในโลกกระบี่อุกกาบาต แต่ก็ป่าเถื่อนไม่ต่างกัน บาดเจ็บและล้มตายกันเป็นจำนวนมาก

และการสร้างฐานรากชีพจรดินในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกสองแห่งของสำนักธาราเทพ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ยินมาจากสวีเป่าไฉเช่นกัน อย่างพวกโจวซินฉี หลู่เทียนเหล่ย กงซุนอวิ๋น สวีซงต่างก็สร้างฐานรากชีพจรดินสำเร็จ เพียงแต่ว่าอย่างมากที่สุดก็แค่สร้างน้ำขึ้นน้ำลงหกรอบเท่านั้น คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนสละตำแหน่งที่จะได้รับหลังสร้างฐานรากสำเร็จ ตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะ เลือกปิดด่าน เห็นได้ชัดว่าต่างก็พยายามเพื่อได้เข้าเป็นลำดับผู้สืบทอด

ส่วนทางกุ่ยหยาและซ่างกวานเทียนโย่ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้มาจากสวีเป่าไฉอีกเหมือนเคย พวกเขาเลือกปิดด่าน และยังมีเป่ยหันเลี่ยที่ทุกวันนี้กลายมาเป็นที่จับตามองของคนนับหมื่น ได้รับความสำคัญสูงสุด ส่วนโหวอวิ๋นเฟยก็ถูกผู้อาวุโสไท่ซ่างท่านหนึ่งรับเข้าเป็นศิษย์

ทุกคนล้วนมีชะตาแตกต่างกันไป คนที่สร้างฐานรากชีพจรดินได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ผู้อาวุโสไท่ซ่างจะไม่ได้รับเข้าเป็นศิษย์ แต่ส่วนใหญ่ก็กลายมามีชื่อเสียงเป็นที่จดจำ หรือบางคนยังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสของแต่ละยอดเขา เข้าร่วมการจัดการดูแลสำนัก

และครั้งนี้ จำนวนคนของสำนักธาราเทพที่สร้างฐานรากชีพจรดินได้ก็เกินกว่าอีกสามสำนักไปมากโข สร้างพลังอันเป็นแกนสำคัญรุ่นใหม่ให้กับทั้งสำนัก นักพรตสร้างฐานรากชีพจรดินเหล่านี้ทำให้ขอบเขตการสร้างฐานรากของสำนักมีพลังเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะมาก

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุน เนื่องจากสร้างฐานรากวิถีฟ้า จึงถูกตลอดทั้งสำนักมองเป็น…ลำดับผู้สืบทอดที่แน่นอน!

ทว่าเรื่องพวกนี้กลับไม่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสนใจ อารมณ์ยากจะกลับคืนมาเป็นปกติ เวลาผันผ่าน ครึ่งเดือนผ่านไป ในถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุน เจิ้งหย่วนตงเดินเข้ามาช้าๆ มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อารมณ์เศร้าซึม เจิ้งหย่วนตงนั่งลงด้านข้างพลันเอ่ยปากขึ้นว่า

“เสี่ยวฉุน ตอนที่เจ้าไปหุบเหวกระบี่อุกกาบาต บุรพาจารย์รุ่นแรกเคยออกคำสั่ง…เขาเซียงอวิ๋น มีหนอนบ่อนไส้!” คำพูดของเจิ้งหย่วนตงเพิ่งเปล่งออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเยือกไปทั้งร่างทันที เขาไม่ใช่คนเขลา เขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก ย้อนนึกถึงเรื่องราวตลอดครึ่งเดือนมานี้ เขาพบข้อน่าสงสัยหลายจุด ตลอดการเดินทางตู้หลิงเฟยดูเหมือนเป็นปกติ ทว่าในความเป็นจริงแล้วสีหน้านางซับซ้อน ตอนนี้มาย้อนนึกดู…มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เข้าใจ

เขายังนึกถึงคืนนั้นที่ตู้หลิงเฟยหายตัวไป อีกฝ่ายเป็นคนเสนอเองว่าให้หยุดพักหนึ่งคืน

ทั้งหมดนี้ ล้วนชี้ชัดว่า…เป็นไปได้มากที่ตู้หลิงเฟยจะเป็นคนจากไปเอง

ส่วนเหตุใดถึงจากไป สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ยินดีที่จะคิดให้ลึกซึ้ง เพราะในใจเขาก็พอจะมีคำตอบอยู่แล้ว

สายตาของเจิ้งหย่วนตงตกลงบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่ได้พูดหัวข้อนี้ต่อไป เรื่องบางเรื่องเขาแค่ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรับรู้ก็พอ หากพูดมากไป กลับไม่เป็นการดี

และเขาเชื่อว่าประโยคนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมเข้าใจอย่างแน่นอน

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลลั่วเฉินถึงก่อกบฏ!” เจิ้งหย่วนตงลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง การเปลี่ยนหัวข้อเรื่องในคราวนี้ได้กระทบลงกลางจุดอ่อนที่แท้จริงในใจป๋ายเสี่ยวฉุนตลอดครึ่งเดือนมานี้ด้วย

เพราะข้อสงสัยเหล่านั้น เพราะการจากไปของตู้หลิงเฟย เพราะการคาดเดาในใจที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อยากค้นลงให้ลึก เขารู้สึกฉงนสนเท่ห์กับเหตุการณ์ที่เทือกเขาลั่วเฉิน ยามนี้พอได้ยินคำพูดของเจิ้งหย่วนตง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าพรวดมองเจิ้งหย่วนตง ต่อให้ไม่นึกถึงตู้หลิงเฟย ลำพังเพียงแค่การที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากน้ำมือคนตระกูลลั่วเฉิน ก็มากพอที่จะทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจดจำความโหดร้ายทารุณในครั้งนั้นไปได้ชั่วชีวิต

เขาลูบคลำแขนของตัวเองโดยไม่รู้ตัว จุดที่กระดูกโผล่ออกมาในปีนั้น แม้ว่าตอนนี้จะหายดีแล้ว ทว่าทุกครั้งที่เขาสัมผัสมัน ในสมองก็จะต้องมีภาพที่กระดูกแหลมคมทิ่มแทงลงไปบนลำคอของเฉินเหิง นายน้อยตระกูลลั่วเฉินเสียทุกครั้ง

และสาเหตุที่ตระกูลลั่วเฉินก่อกบฏ มองเผินๆ เหมือนต้องการหลุดพ้นการควบคุมของสำนักธาราเทพ ถึงขนาดที่ฆ่าคนธรรมดาเป็นผักปลา เพราะคิดเปลี่ยนถ่ายสายเลือด ทว่าในนี้จะต้องมีสาเหตุที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นซ่อนอยู่อย่างแน่นอน มิฉะนั้นตระกูลลั่วเฉินย่อมไม่กล้าทำอย่างนี้แน่ โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำสายตะวันออกตอนล่าง จะว่าใหญ่ก็ใหญ่มาก แต่จะว่าเล็กก็เล็กมากเช่นกัน

ทรยศสำนักธาราเทพ ต่อให้ตระกูลลั่วเฉินเปลี่ยนถ่ายสายเลือดได้สำเร็จ วันหน้าก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างสงบสุข

คำถามเหล่านี้หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสำนักมาในปีนั้นก็เคยใคร่ครวญถึงเช่นกัน ทว่าสำนักกลับระงับเรื่องนี้เอาไว้ ซุกซ่อนเบาะแสทุกอย่าง ไม่ประกาศให้ใครรู้

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่หลายปีหลังจากนั้น การที่นักพรตสร้างฐานรากในสำนักออกไปด้านนอกเป็นประจำก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมองออกถึงเส้นสนกลในบางอย่าง ยามนี้ได้ยินคำพูดของเจิ้งหย่วนตง ลมหายใจของเขาจึงถี่ขึ้นมาเล็กน้อย

“เจ้าสร้างฐานรากวิถีฟ้า เป็นลำดับผู้สืบทอดที่แน่นอน เป็นสมบัติล้ำค่าและความภาคภูมิใจแห่งสำนักธาราเทพของเรา เจ้ามีสิทธิ์ได้รับรู้…ความลับที่ลูกศิษย์คนอื่นไม่รู้ ข้าจะช่วยไขข้อข้องใจสี่ข้อให้กับเจ้า” เจิ้งหย่วนตงมองป๋ายเสี่ยวฉุนแน่วนิ่ง พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ สีหน้าเคร่งเครียด ทำให้บรรยากาศรอบด้านกดดันขึ้น

“คำถามข้อแรก รู้หรือไม่ว่าโลกใบนี้มีลักษณะเป็นเช่นไร?” เจิ้งหย่วนตงเงยหน้า ดวงตาเคว้งคว้าง น้ำเสียงเลื่อนลอยเล็กน้อย

ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นระรัว สำหรับโลกใบนี้ เขาได้ทำความเข้าใจผ่านตำราบางส่วน ทว่ายังคงรู้สึกคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ยามนี้จึงตั้งใจฟัง

“โลกที่พวกเราอาศัยอยู่ใบนี้กว้างใหญ่จนไร้ที่สิ้นสุด ตำแหน่งตรงกลางสุดมีมหาสมุทรใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่ง มหาสมุทรแห่งนี้มีสีทอง คลื่นโถมซัดสาดต่อเนื่อง เล่ากันว่าตรงกลางมหาสมุทรมีเกาะอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็นทางเข้าไปสู่นภากาศ

ดังนั้นมหาสมุทรแห่งนี้จึงมีชื่อว่ามหาสมุทรทงเทียน ดังนั้นโลกของพวกเราจึงเรียกว่าโลกทงเทียน แล้วก็เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแผ่นดินใหญ่ทงเทียน! หลายปีมานี้ มีผู้มากความสามารถจำนวนนับไม่ถ้วนคิดจะข้ามมหาสมุทรแห่งนี้เข้าไปในเกาะ ทว่าจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จ”

“สี่ด้านของมหาสมุทรทงเทียนมีแม่น้ำใหญ่สี่สาย ทอดยาวไปตามทิศออกตกเหนือใต้ ไม่รู้แน่ชัดว่าแม่น้ำทั้งสี่รับน้ำของมหาสมุทรมา หรือมหาสมุทรแตกแยกออกเป็นสี่แม่น้ำ แม่น้ำใหญ่ทั้งสี่นี้ถูกเรียกว่าแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออก สายเหนือ สายใต้ สายตะวันตก”

“แม่น้ำใหญ่ทั้งสี่ล้วนเป็นแม่น้ำตอนบน เมื่อมันทอดยาวออกไป แต่ละสายจึงแตกกิ่งก้านสาขาออกไป ที่บังเอิญก็คือล้วนแตกออกไปอีกสี่เส้น ซึ่งแม่น้ำที่แตกออกไปอีกนี้ก็คือแม่น้ำตอนกลาง และแม่น้ำตอนกลางแต่ละเส้นก็ยังทอดยาวไปเรื่อยๆ ปรากฏออกเป็นสี่สาขา สาขาเหล่านี้ก็คือแม่น้ำตอนล่าง

และไล่ลงไปจากแม่น้ำตอนล่างก็มีแม่น้ำตอนปลายที่มีจำนวนมากมายสุดจะนับ”

“เจ้าสามารถมองมหาสมุทรทงเทียนเป็นต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น นี่ก็คือโลกทั้งใบนี้ ออกตกเหนือใต้ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน” สายตาของเจิ้งหย่วนตงที่มองป๋ายเสี่ยวฉุนคมกริบ

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ คำพูดของเจิ้งหย่วนตงราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาบนโลกของเขา ขับไล่ความคลุมเครือทั้งหมดออกไป โลกที่ชัดเจนใบหนึ่งปรากฏขึ้นมาแทนที่ในใจของเขา

“คำถามข้อที่สอง รู้หรือไม่ว่าทำไมโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรของแม่น้ำสายตะวันออกตอนล่าง สี่สำนักใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดจึงมีคำว่าธารา? สำนักธาราเทพ สำนักธาราโลหิต สำนักธาราทมิฬ สำนักธาราโอสถ!” เจิ้งหย่วนตงยิ้มน้อยๆ ตอนที่เขารู้เรื่องของโลกใบนี้เป็นครั้งแรกก็ตะลึงลานไม่ต่างไปจากป๋ายเสี่ยวฉุน

——————————————-

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version