Skip to content

A Will Eternal 175

บทที่ 175 ศิษย์พี่ป๋ายโปรดรักษาตัว

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ปลุกเร้าจิตใจให้กลับมาฮึกเหิมอีกครั้งกลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวจากยอดเขาเซียงอวิ๋น บินตรงไปยังเขาจ้งเต้า หลังจากสร้างฐานราก ตามกฎของสำนักธาราเทพถือว่าไม่ใช่ลูกศิษย์อีกแล้ว แต่กลายมาเป็นผู้อาวุโส

ผู้อาวุโสนี้ บุคคลที่มีคุณสมบัติธรรมดา ทางสำนักจะจัดหาตำแหน่งงานให้ช่วยรับผิดชอบเรื่องราวบางอย่างจากผู้นำเขาเหนือใต้ทั้งเจ็ด นักพรตสร้างฐานรากเช่นผู้อาวุโสโจวซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนเคยพบตอนยังเป็นลูกศิษย์ฝ่ายนอก ก็เคยเป็นผู้อาวุโสประเภทนี้

ส่วนพวกคนที่เดิมทีเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ และทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อเหยียบย่างเข้าใกล้ลำดับผู้สืบทอด ไม่สามารถเจอตัวได้ง่ายๆ และต่างก็ไม่ได้อยู่บนยอดเขาของใครของมันอีกแล้ว แต่มารวมตัวกันอยู่บนเขาจ้งเต้า

หลายปีให้หลัง ในบรรดาคนเหล่านี้อาจมีสักคนที่ได้เป็นลำดับผู้สืบทอด ทว่าส่วนใหญ่แล้วหลายร้อยปีต่อมามักจะเลือกเป็นผู้นำภูเขาด้วยความหดหู่ ตลอดชีวิตนี้อาจไม่มีทางไปถึงขั้นยาอายุวัฒนะ และต่อให้มีโอกาสได้เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นยาอายุวัฒนะโดยบังเอิญ เนื่องจากเวลาเลย 120 ปีไปแล้วจึงเป็นได้เพียงผู้อาวุโสไท่ซ่าง

และก็มีบางส่วนที่ความสามารถไม่ธรรมดา ซึ่งจะถูกเสนอให้รับตำแหน่งผู้นำเขาล่วงหน้า บำเพ็ญตบะพลางควบคุมดูแลยอดเขาหนึ่งไปด้วย หลี่ชิงโหวก็เป็นเช่นนี้ แถมนั่นยังไม่ส่งผลกระทบต่อการปิดด่านฝ่าไปสู่ขั้นยาอายุวัฒนะก่อนเวลา 120 ปีของเขาอีกด้วย

เมื่อมองไปทั่วทั้งสำนักธาราเทพ นักพรตสร้างฐานรากเหมือนจะมีแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น ทว่าในความเป็นจริงแล้ว สร้างฐานรากส่วนใหญ่ล้วนไปรวมกันอยู่บนเขาจ้งเต้า

และก็มีเพียงสร้างฐานรากเท่านั้นถึงจะได้รับถ้ำสถิตแห่งหนึ่งบนเขาจ้งเต้า นี่คือสัญลักษณ์ของตำแหน่งฐานะ และก็เป็นเครื่องหมายแห่งศักยภาพของบุคคลด้วย

แม้ว่าถ้ำสถิตเหล่านี้โดยมากแล้วจะอยู่ครึ่งล่างของตัวภูเขา ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ความเข้มข้นของพลังวิญญาณในที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยอดเขาทั้งเจ็ดจะเทียบเคียงได้

ส่วนครึ่งบนของตัวภูเขาคือที่อยู่ของผู้อาวุโสไท่ซ่างและเจ้าสำนัก

ป๋ายเสี่ยวฉุนสร้างฐานรากวิถีฟ้า ตำแหน่งสูงสุดในสำนักธาราเทพ และยิ่งได้รับความสำคัญจากบุรพาจารย์ ถ้ำสถิตของเขาจึงถูกจัดให้อยู่ช่วงกลางเขา ระดับชั้นเดียวกันกับพวกนักพรตสร้างฐานรากที่อยู่มานาน

การปฏิบัติที่สูงส่งต่อป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นนี้ ต่อให้มีคนไม่ชอบใจ ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้ สร้างฐานรากวิถีฟ้า…ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายมาเป็นดาวดวงใหม่ที่ลอยสูงอยู่กลางนภา เป็นที่จับตามองของทั้งแปดทิศ

เขาจ้งเต้ากว้างใหญ่อย่างยิ่ง ปีนั้นในฐานะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นศิษย์น้องของเจ้าสำนัก เป็นลูกศิษย์ฝ่ายในจึงได้รับสิทธิ์ให้มาที่นี่ แต่สถานที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขตหวงห้าม จึงยากที่จะเห็นทั้งหมดได้อย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นเขาก็จำได้ดีว่าภูเขาจ้งเต้าแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลอย่างมาก

เวลานี้ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากสร้างฐานราก เปรียบเทียบความใหญ่โตของเขาจ้งเต้ากับยอดเขาทั้งเจ็ดแล้ว ก็ราวกับผู้ใหญ่และเด็กน้อย

ลูกศิษย์สำนักธาราเทพตลอดทางที่มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ละคนล้วนเผยความเคารพยำเกรงออกมาทางสีหน้า ประสานมือคารวะอย่างต่อเนื่อง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่กลางอากาศเดิมทีกะว่าจะห้อตะบึงผ่านไป แต่พอเห็นภาพนี้เข้าจึงกระแอมหนึ่งครั้ง จงใจลดความเร็วลง เอามือไพล่หลัง วางสีหน้าเมตตาของผู้อาวุโส พยักหน้าเป็นพักๆ นัยน์ตาเผยแววชื่นชม

เขาไม่ทำอย่างนี้ก็ยังดี แต่พอเผยท่าทางเช่นนี้ออกมาปุ๊บ ลูกศิษย์ตามทางที่มองเห็นเขาจึงพากันทำหน้าปั้นยาก คล้ายนึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาทันที

บนเขาชิงเฟิง เวลานี้ผู้อาวุโสคนหนึ่งกำลังอธิบายวิชากระบี่ให้กับลูกศิษย์ฝ่ายนอกหลายสิบคนฟัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนกลางอากาศ จึงเอ่ยปากอย่างปลดปลง

“พวกเจ้าเงยหน้าดูสิ นักพรตที่เหยียบอยู่กลางแสงทองผู้นั้นก็คือสุดยอดศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของสำนักธาราเทพที่ข้าเคยเล่าให้พวกเจ้าฟัง ป๋ายเสี่ยวฉุน!”

ลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบด้านพากันเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึง แต่ละคนเมื่อมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่กลางอากาศ นัยน์ตาเผยความกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่ง

“เขาก็คืออาจารย์อาป๋าย?!”

“อาจารย์อาป๋ายองอาจกล้าหาญไม่ธรรมดา ทั้งยังสร้างฐานรากวิถีฟ้า ได้ยินว่าลูกศิษย์รุ่นเดียวกับเขาถูกแสงอันโชติช่วงของเขาคนเดียวกลบทับจนหมด”

“คนที่อยู่ในรุ่นของอาจารย์อาป๋ายต่างก็ไม่ธรรมดา ข้าได้ยินว่าอาจารย์กุ่ยหยา อาจารย์โจวซินฉี อาจารย์ซ่างกวานเทียนโย่ว อาจารย์เป่ยหันเลี่ย ไม่ว่าใครก็ตามล้วนสามารถกลายเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ได้ทั้งสิ้น ทว่าโชคร้ายที่พวกเขาเกิดมาอยู่ในรุ่นเดียวกันกับอาจารย์อาป๋าย”

ลูกศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านี้ล้วนเพิ่งเข้ามาอยู่ในสำนักได้ไม่นาน ตบะอยู่แค่ประมาณรวมลมปราณขั้นสามถึงห้าเท่านั้น แม้พวกเขาจะเคยได้ยินคำเล่าลือมากมายเกี่ยวกับป๋ายเสี่ยวฉุน ฝนกรดเอย ฟ้าผ่าเอย งูหุบเขาหมื่นอสรพิษเอย แต่พวกเขากลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องเกินจริงไปหน่อย เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาคิดว่าคำเล่าลือเกี่ยวกับสร้างฐานรากวิถีฟ้าที่แพร่หลายไปทั่วเมื่อไม่นานมานี้ต่างหากถึงจะเป็นจริงมากที่สุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนบินผ่านอยู่บนท้องฟ้า มองเห็นภาพนี้ของเขาชิงเฟิง สัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นจากสายตาเหล่านั้น เขาซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าถึงแม้ตนจะอยู่ขั้นสร้างฐานรากแล้ว แต่ก็ไม่ควรทำตัวเย่อหยิ่ง และยิ่งไม่ควรให้พวกคนรุ่นหลังที่นับถือตนต้องรู้สึกว่าตนสูงส่งประดุจเมฆขาวที่ลอยอยู่บนนภา

ดังนั้นจึงไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง ถือโอกาสเปลี่ยนทิศทาง สะบัดร่างหนึ่งที ตรงมาที่ยอดเขาชิงเฟิง พริบตาเดียวก็มาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าลูกศิษย์ฝ่ายนอกกลุ่มนั้น

ผู้อาวุโสเขาชิงเฟิงที่อยู่ตรงนี้รีบลุกขึ้นยืน ประสานมือคารวะป๋ายเสี่ยวฉุน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่รอบด้านแต่ละคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง พากันคารวะเช่นกัน

“คารวะอาจารย์อาป๋าย!”

“อาจารย์อาป๋าย ท่านคือแบบอย่างของข้า!”

“อาจารย์อาป๋าย ข้าชอบท่าน!” ในกลุ่มลูกศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านี้ยังมีลูกศิษย์หญิงอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ละนางล้วนเป็นดรุณีแรกรุ่น ดวงหน้าที่แดงปลั่ง ยามนี้เผยความตื่นเต้นออกมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตื่นเต้นเช่นกัน มองลูกศิษย์เหล่านี้ ในใจของเขามากด้วยความซาบซึ้ง เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนทำเพื่อสำนักนั้นล้วนคุ้มค่า สายตาจากคนรุ่นหลังเหล่านี้ก็คือของรางวัลที่ดีที่สุด ดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าจึงยิ่งอ่อนโยนมากกว่าเดิม พยักหน้าให้ทุกคนเป็นระยะ ทั้งยังเอ่ยปากชี้แนะ

“ตั้งใจบำเพ็ญตบะให้ดี”

“สู้ๆ ข้าเป็นกำลังใจให้พวกเจ้านะ”

“ชอบอาจารย์อาป๋าย? ฮะแฮ่ม ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ยิ่งต้องตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะให้มาก จำไว้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนมีความอดทนอย่างมาก พูดคุยกับลูกศิษย์ทุกคนคนละสองสามประโยค มองเห็นท่าทางที่ลูกศิษย์เหล่านี้เรียกขานตัวเองด้วยความตื่นเต้น ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งปลดปลง จึงถือโอกาสชี้แนะไปอีกหน่อย คิดไปคิดมา ก็ชี้แนะเพิ่มอีกสักนิด…

จนกระทั่งพูดชี้แนะไปสิบกว่าครั้ง ทั้งคำชี้แนะในแต่ละรอบล้วนเป็นการพูดซ้ำประโยคก่อนหน้า ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่รอบด้านจึงเริ่มมองเซ่อ พวกเขาเรียกอาจารย์อาป๋ายไปคนละหลายสิบรอบแล้ว รู้สึกทะแม่งๆ ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาจึงเริ่มมีแววลังเล

แม้แต่ผู้อาวุโสท่านนั้นก็ยังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไพล่นึกถึงภาพตอนที่ตัวเองยังเป็นลูกศิษย์ฝ่ายในแล้วถูกป๋ายเสี่ยวฉุนบีบให้เรียกว่าอาจารย์อาไม่หยุด…

จนกระทั่งถึงตอนเที่ยง ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้จากไปพร้อมความพอใจ ไม่ได้ไปที่เขาจ้งเต้าทันที แต่พกพาเอาความซาบซึ้งใจไปที่เขาจื่อติ่ง เขาเซียงอวิ๋น ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องนับครั้งไม่ถ้วน จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ห้าวเหิมเพิ่มขึ้น ยิ่งซาบซึ้งมากขึ้น จึงไปที่สี่ยอดเขาของชายฝั่งทิศเหนือ…

พอถึงกลางดึก ขณะที่ลูกศิษย์ฝ่ายนอกตลอดทั้งสำนักธาราเทพค่อยๆ เริ่มทำหน้าเหยเกใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีธุระ ไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง ไปที่เขาจ้งเต้า

ถ้ำสถิตช่วงกลางของเขาจ้งเต้ากว้างขวางอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลหรือการตกแต่งภายในก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกศิษย์รวมลมปราณจะเทียบเคียงได้ โดยเฉพาะความเข้มข้นของพลังวิญญาณที่ยิ่งน่าตกตะลึง

แม้จะไม่มีน้ำพุร้อน ทว่านอกถ้ำกลับมีทะเลสาบที่ขุดขึ้นมาเองอยู่หนึ่งแห่ง เมฆหมอกหมุนเป็นเกลียวลอยวนกลางอากาศ มองดูแล้วราวกับดินแดนของเซียน

รอบด้านมีเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของบุปผา ถึงขั้นที่ว่าหากต้องการยังสามารถเลือกลูกศิษย์ฝ่ายนอกมาเป็นเด็กเฝ้าถ้ำได้ด้วย ตั้งแต่ด้านในยันด้านนอกของถ้ำราวกับโลกส่วนตัวแห่งหนึ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ มองซ้ายทีมองขวาที พึงพอใจเป็นอย่างมาก

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนในที่สุดก็สร้างฐานรากแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ทำความเข้าใจผ่านทางแผ่นหยกจึงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีคุณสมบัติที่จะรับคนเข้าเป็นศิษย์แล้ว เขาครุ่นคิดว่าต่อไปอาจจะลองรับศิษย์ดูเล่นๆ…

ข่าวที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ามาอยู่บนเขาจ้งเต้าแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว หลายวันต่อมา ถ้ำของเขาถูกเหยียบย่ำเสียจนแทบทรุด นักพรตสร้างฐานรากบนเขาจ้งเต้ามากมายต่างพากันมาเยี่ยมเยือน อยากเห็นว่าสร้างฐานรากวิถีฟ้ามีอะไรไม่ธรรมดากันแน่

ในเมื่อมาเยี่ยมเยือน แน่นอนว่าย่อมไม่มามือเปล่า ดังนั้นไม่นานป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทั้งตะลึงและดีใจ รับของขวัญจนปวดมือไปหมด บนใบหน้าไม่ขาดรอยยิ้ม พูดจาพาทีกับคนที่มาหา

โดยเฉพาะนักพรตสร้างฐานรากที่ได้รับพระคุณยิ่งใหญ่จากป๋ายเสี่ยวฉุนในหุบเหวกระบี่อุกกาบาต ก็ยิ่งซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด

จนกระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างถึงได้กลับคืนสู่ความสงบ หลังจากที่แขกผู้มาเยือนเริ่มบางตาลง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เก็บใจเล่นสนุกกลับคืน ในสมองของเขายังคงมีคำพูดของศิษย์พี่เจ้าสำนักดังก้อง คำพูดที่บอกว่าเกาะกลางมหาสมุทรทงเทียนคือจุดทำให้ได้เหยียบย่างขึ้นสู่นภากาศ ได้เป็นอมตะ

“คิดจะไปมหาสมุทรทงเทียน จำเป็นต้องมีตบะที่มากพอ ข้าจะต้องตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง นัยน์ตาเผยความเด็ดเดี่ยว เช้าตรู่วันที่สองก็ไปยังสถานที่ต้องห้ามของเขาจ้งเต้า เขาจะไปเลือกวิชาของการบำเพ็ญตบะสร้างฐานราก

เขตต้องห้ามอยู่ในตัวภูเขาจ้งเต้า ทางสัญจรมีเพียงเส้นทางเดียว หลังจากเข้าไปแล้ว ด้านในกลับมีทางแบ่งแยกออกไปอีกนับร้อยเส้นทาง และทางแยกทุกเส้นล้วนเป็นตัวแทนของหนึ่งการสืบทอด

โดยทั่วไปแล้ว ถือเอาวัตถุยืนยันเข้าไปด้านใน เมื่อเข้าไปแล้วบีบวัตถุยืนยัน ปากถ้ำวิชาสืบทอดอันเป็นที่ตั้งของวัตถุยืนยันก็จะเปล่งประกายแสงชักนำ

สถานที่แห่งนี้มหัศจรรย์อย่างถึงที่สุด เคยมีคำเล่าลือว่าที่นี่ไม่เพียงแต่ลูกศิษย์เท่านั้นที่เลือกวิชาสืบทอด วิชาสืบทอดเองก็เลือกลูกศิษย์ด้วยเช่นกัน

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ที่วิชาสืบทอดจะเลือกลูกศิษย์นั้นมีให้เห็นไม่มาก ช่วงก่อนหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินสวีเป่าไฉเล่าให้ฟังว่าเมื่อไม่นานมานี้กุ่ยหยามาเลือกวิชาสืบทอดที่นี่ และมีวิชาสืบทอดถึงยี่สิบกว่าวิชาที่เลือกกุ่ยหยาพร้อมกัน

“ไม่เห็นจะร้ายกาจตรงไหนเลย วิชาสืบทอดยี่สิบกว่าวิชาเลือกเขาแล้วยังไง ข้าต่างหากที่สร้างฐานรากวิถีฟ้า” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกไม่ยอมแพ้เล็กน้อย เดินเข้าไปในเขตต้องห้าม

สถานที่แห่งนี้หากไม่มีวัตถุยืนยันไม่สามารถเข้าไปได้ นี่คือกฎของสำนัก และก็เป็นกฎเหล็ก หากไม่มีวัตถุยืนยัน ผู้ที่ย่างกรายเข้ามาจะถูกค่ายกลของเขตต้องห้ามสังหารทันที

ด้วยเหตุนี้ปกติจึงไม่มีคนคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึง มองไปรอบด้านไม่เห็นใคร เขาลังเลเล็กน้อย เดินเข้าไปในทางสัญจร ไม่นานก็มาถึงจุดรวมตัวของปากถ้ำ มองเห็นทางแยกของปากถ้ำนับร้อยอยู่เบื้องหน้า

ปากถ้ำเหล่านี้มองดูแล้วเหมือนธรรมดา ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนได้ทำความเข้าใจมาก่อนแล้ว ตนเองต้องบีบแผ่นหยกเท่านั้นถึงจะทำให้ปากถ้ำแห่งหนึ่งเปล่งประกายแสง นำทางให้ตนเข้าไปด้านใน

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดมองไปหนึ่งรอบ ขณะที่กำลังจะอาศัยการนำทางของแผ่นหยกก็รู้สึกได้ว่าปากถ้ำที่ตัวเองจะเข้าไปนั้น เบื้องหน้าพลันมีผู้หญิงเดินออกมาจากปากถ้ำแห่งหนึ่ง

ผู้หญิงคนนี้ก็คือโจวซินฉี นางเองก็มาเอาวิชาสร้างฐานรากที่นี่เช่นกัน เวลานี้ได้มาเรียบร้อยกำลังจะจากไปก็มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนพอดี

“เอ๋? ศิษย์หลานหญิงซินฉี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ตะโกนเรียก

โจวซินฉีขมวดคิ้ว หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งก็มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความนิ่งสงบ

“คารวะศิษย์พี่ป๋าย ศิษย์พี่ป๋ายโปรดรักษาตัว”

“อ๋า?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าหลังจากที่อีกฝ่ายสร้างฐานรากแล้ว ลำดับศักดิ์ก็กลายมาเป็นเท่าเทียมกับตัวเอง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ หลายปีมานี้ความปรารถนาของตนที่จะให้อีกฝ่ายเรียกขานว่าอาจารย์อาหลายๆ ครั้งยังไม่เป็นจริงเลย…

เขารู้สึกหมดอารมณ์จึงบีบแผ่นหยกที่อยู่ในมือหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเส้นทางนับร้อยเส้นพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา!

————

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version