Skip to content

A Will Eternal 182

บทที่ 182 ไข่มุกวิเศษของข้า…

เฉินเฟยลังเลเล็กน้อย มองเห็นแววให้กำลังใจจากสายตาป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง

“อาจารย์อาป๋าย นี่มิใช่คำพูดประจบเอาใจ นี่คือคำพูดที่ออกมาจากใจจริงของศิษย์ อาจารย์อาป๋ายสร้างฐานรากวิถีฟ้า เป็นลำดับผู้สืบทอดที่แน่นอน เป็นอนาคตบุรพาจารย์ของสำนักธาราเทพเรา แน่นอนว่าย่อมมีอายุยืนยาวดุจเทพเซียน วันหน้าย่อมเป็นหนึ่งในใต้หล้าอย่างแน่นอน!”

“หนวกหู!” ป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมือ สีหน้าดูคล้ายไม่สบอารมณ์

“อาจารย์อาป๋าย เรื่องพวกนี้ข้าไม่ได้เป็นคนพูดเองนะ พวกลูกศิษย์เขาพูดกัน ทุกคนล้วนพูดว่าอาจารย์อาป๋ายคุณธรรมสูงส่งดุจเมฆบนชั้นฟ้า คือผู้ยิ่งใหญ่ของศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ ข่มศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของรุ่นนี้ให้ดับแสง ดุจกิเลนที่จุติลงมาบนโลก องอาจสง่างาม!” แม้แต่ตัวเฉินเฟยเองก็ยังรู้สึกขนลุกขนพอง ทว่ากลับยิ่งพูดประจบมากกว่าเดิม

ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังไปฟังมา ในใจปลื้มปริ่ม รู้สึกไม่ดีที่จะร่ายมหาเวทควบคุมคนบนตัวของเฉินเฟย ดังนั้นสุดท้ายจึงถลึงตามองเฉินเฟยหนึ่งครั้ง เชิดคางขึ้น สะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ ทีหนึ่งแล้วบินจากไป

จนกระทั่งเขาจากไปไกล พวกเฉินเฟยถึงได้ผ่อนลมหายใจกันออกมา ตอนที่ชายร่างใหญ่สองคนนั้นมองมายังเฉินเฟย นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความนับถือ

“โชคดีที่ศิษย์พี่เฉินปราดเปรื่อง มิเช่นนั้นวันนี้พวกเราสามคนคงยากที่จะหลบภัยพิบัติครั้งนี้พ้น…”

“หึ ตลอดทั้งสำนักธาราเทพนี้ดูท่าคงไม่มีใครเข้าใจอาจารย์อาป๋ายไปมากกว่าข้าแล้วล่ะ” เฉินเฟยปาดเหงื่อ รู้สึกเหมือนกันว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองฉลาดเฉลียวมาก ยามนี้จึงแอบลำพองใจเล็กน้อย รีบพาคนทั้งสองจากไปทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนหาไปทั่วชายฝั่งทิศใต้แล้วหนึ่งรอบก็ยังหาคนที่จะมาเป็นเป้าหมายให้ตัวเองร่ายมหาเวทควบคุมคนด้วยไม่ได้ ดังนั้นจึงไปชายฝั่งทิศเหนือ จนกระทั่งดึกดื่นก็ยังหาเป้าหมายที่เหมาะสมไม่เจอ ขณะที่กำลังปลดปลงกับจิตใจที่ดีงามของตัวเอง บนเส้นทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินกลับมายังเขาจ้งเต้าก็เห็นซ่างกวานเทียนโย่วที่สวมชุดคลุมของผู้อาวุโสบินผ่านกลางอากาศไปด้วยท่าทางครุ่นคิด ซ่างกวานเทียนโย่วเองก็สังเกตเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเช่นกัน แค่นเสียงเย็นอยู่ในใจ ไม่คิดสนใจ ปมความแค้นระหว่างเขาและป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นลึกล้ำเกินแก้ เวลานี้ดวงตาเปล่งประกายคมกริบ เงยหน้าอย่างเย่อหยิ่ง กำลังจะจากไปไกล

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองซ่างกวานเทียนโย่วที่แสร้งวางท่าหยิ่งยโส ความแค้นครั้งเก่าครั้งใหม่พลันทบทวี หัวเราะหึหึ มือขวายกขึ้น ปากท่องพึมพำ ชี้นิ้วไปที่ซ่างกวานเทียนโย่ว

การชี้ครั้งนี้ทำให้ตลอดร่างของซ่างกวานเทียนโย่วสั่นเยือกขึ้นมาทันที ชุดผู้อาวุโสบนกายเขาพลันหดเล็กลง คล้ายต้องการก่อกวนร่างกายของตน

ซ่างกวานเทียนโย่วตะลึงงัน ตบะระเบิดออกตูมตาม คิดจะสกัดกั้น แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ด้านล่าง เวลานี้ก็เพิ่มพลังขึ้นมาเช่นกัน ทั้งสองคนใช้อาภรณ์ของซ่างกวานเทียนโย่วเป็นสนามรบ เริ่มประลองฝีมือกันด้วยพลังที่มองไม่เห็น

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ซ่างกวานเทียนโย่วสะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่โซซัดโซเซถอยหลังไปหลายก้าว อาภรณ์บนร่างพังทลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย กระจายหายไปรอบด้านในพริบตาเดียว เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า

เขาอึ้งตะลึง

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อึ้งตะลึง

ผู้อาวุโสสร้างฐานรากหลายคนที่อยู่รอบด้านก็อึ้งตะลึงกันหมด…

ไม่นาน ซ่างกวานเทียนโย่วก็คำราบแหบแห้งด้วยความสลดใจออกมาหนึ่งเสียง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าว่องไว นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ผมเผ้ายุ่งเหยิง คลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” ขณะที่คำรามเดือดดาลเขาก็พุ่งทะยานเข้าเข่นฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน เวลานี้ในสมองมีแค่เรื่องเดียว ต่อให้ต้องสละสิ้นทุกสิ่ง ต่อให้ต้องพินาศไปด้วยกันก็ต้องกำจัดป๋ายเสี่ยวฉุนให้ได้ ส่วนตัวเองจะสู้ได้หรือไม่นั้น เขาไม่สนใจอีกแล้ว

เขารู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคือตัวหายนะ หากยังมีชีวิตอยู่ สักวันสำนักธาราเทพย่อมต้องวอดวายเพราะถูกเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้นำภัยมาให้อย่างแน่นอน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงใช้ไม่ได้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบถอยหลบ มองเห็นท่าทางเช่นนั้นของซ่างกวานเทียนโย่ว เขาก็รู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะอธิบาย ซ่างกวานเทียนโย่วกลับไล่กวดเข้ามาใกล้ราวกับเป็นบ้า

“ศิษย์หลานซ่างกวาน ผิดพลาด ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดจริงๆ นะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นฝ่ายผิดเองจึงรีบเรียกเสียงดัง ห้อทะยานด้วยความรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลับเข้ามาอยู่ในถ้ำ ซ่างกวานเทียนโย่วได้ยินคำว่าศิษย์หลานจึงยิ่งโมโห คำรามเสียงดังลั่นอยู่นอกถ้ำ พักใหญ่ถึงได้หน้าเขียวหน้าดำกัดฟันจากไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ในถ้ำของตัวเอง หลายวันต่อมาเขาก็พลันตบขาตัวเองป้าบใหญ่

“ข้าคิดผิดไปแล้ว!”

“ความคิดในการควบคุมเสื้อผ้าของข้านั้นผิดถนัด เสื้อผ้าเปราะบาง ไม่สามารถทนรับได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นเสื้อผ้าวิเศษ! มหาเวทควบคุมคนที่แท้จริงคือควบคุมโครงสร้างบางอย่างในร่างกายของอีกฝ่าย…ยกตัวอย่างเช่นควบคุมผิวหนัง ควบคุมเลือดเนื้อ ควบคุมกระดูก สุดท้ายก็จะ…ควบคุมร่างคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ!”

“ทว่าตบะของข้าในตอนนี้ยังไม่พอ จำเป็นต้องมีพลังควบคุมมหาศาลเป็นรากฐาน…ข้าต้องใช้วัตถุอย่างหนึ่ง วัตถุที่สามารถบรรจุพลังควบคุมเอาไว้ได้!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกาย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล ดังนั้นจึงเริ่มตามหาวัตถุที่ว่านี้ ทว่าหาอยู่นานมากก็ยังหาไม่เจอ ขณะที่เขากำลังปวดหัว ทันใดนั้นก็หยิบปีกพลังแม่เหล็กออกมาจากในถุงเก็บของ ก้มหน้าลงมองครั้งหนึ่ง ดวงตาลุกเรือง

“พลังแม่เหล็กที่ข้าประจักษ์แจ้งในสถานที่ลับ สามารถดึงเอาพลังเส้นหนึ่งที่ทั้งผลักดันกันเอง และทั้งดึงดูดกันเองออกมาจากปีกพลังแม่เหล็กนี้ แล้วเอามันมารวมกันเป็นไข่มุกมายาเม็ดหนึ่ง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนขบคิด มือขวายกขึ้นทำมุทราชี้ไปหนึ่งครั้ง พลันมีปราณเส้นหนึ่งลอยออกมา พอมาตกอยู่กลางฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลายร่างเป็นไข่มุกมายาเม็ดหนึ่ง

เมื่อมองอย่างละเอียด ไข่มุกเม็ดนี้คล้ายเกิดจากปราณสองประเภทประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งผลักดันกันเอง และทั้งดึงดูดกันเองจนเกิดความสมดุล เป็นวงจรอย่างหนึ่ง และกลายร่างเป็นภาชนะบรรจุ

ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยความเด็ดเดี่ยว

“พลังวิญญาณคือรากฐานของนักพรต ส่วนพลังควบคุมคือพลังวิญญาณซึ่งแปลงเปลี่ยนมาจากคาถาลมปราณม่วงทงเทียนที่หลอมรวมเข้ากับความตั้งใจมั่น” ป๋ายเสี่ยวฉุนทดลองเปลี่ยนคลื่นพลังวิญญาณของตัวเองผ่านคาถาลมปราณม่วงทงเทียน หลอมรวมเข้ากับความตั้งใจของเขา ทำให้มันกลายมาเป็นพลังควบคุม แล้วค่อยๆ ปล่อยให้หลอมละลายเข้าไปอยู่ในไข่มุก

หนึ่งวันผ่านไป เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มหน้าซีดขาว เขาถึงได้หยุดมือ สีหน้าเผยความฮึกเหิม รีบนั่งทำสมาธิ จากนั้นก็เริ่มหลอมรวมอีกครั้ง

จนกระทั่งหนึ่งเดือนผ่านไป ท่ามกลางความบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน ในไข่มุกซึ่งอยู่กลางฝ่ามือของเขา พลังควบคุมมากมายที่ถูกหลอมละลายเข้าไปได้ใกล้เคียงกับระดับที่เรียกว่าน่าหวาดกลัวแล้ว เขาถึงได้หยุดมือ

มองไข่มุก ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยแววตื่นเต้น

“ต้องสำเร็จแน่ ในไข่มุกเม็ดนี้แฝงไว้ด้วยพลังควบคุมอันน่าตกตะลึง หากระเบิดออกมา พลังนั้นก็ต้องสามารถทำให้ข้าพอฝืนร่ายมหาเวทควบคุมคนออกมาได้!”

ขณะที่กำลังจะออกไปทดลอง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันชะงักฝีเท้า คิดไปคิดมาก็ยังรู้สึกว่าไม่มั่นคง

“ไม่ได้ ข้าต้องหลอมพลังควบคุมเข้าไปให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน นั่งทำสมาธิอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้เวลาสะสมนานเต็มสามเดือน ไข่มุกในมือของเขายังคงมีขนาดเท่าเดิม ทว่าพลังควบคุมที่อยู่ด้านในกลับน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถึงขนาดทำให้ความว่างเปล่ารอบด้านเกิดบิดเบือนขึ้นได้ แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง มากพอที่จะทำให้คนขนพองสยองเกล้า

โดยเฉพาะในรัศมีสิบจั้งรอบกายเขา วัตถุทุกอย่างยังถึงขั้นลอยขึ้นมา ส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ คล้ายได้รับอิทธิพล แม้แต่ผนังถ้ำก็ยังมีก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนลอยออกมา

นี่ถึงได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพกพาความฮึกเหิมเดินออกจากถ้ำด้วยดวงตาแดงก่ำ และเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง

“มหาเวทควบคุมคนของข้าป๋ายเสี่ยวฉุนจะถือกำเนิดขึ้นบนโลกนี้แล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดัง เดินออกมาจากถ้ำ แต่มองหาไปรอบด้านกลับไม่พบเจอใคร ขณะที่กำลังสงสัยก็มองเห็นว่าห่างออกไปไกลมีรุ้งยาวหลายเส้นกำลังบินมาที่เขาจ้งเต้า ทอดสายตามองไปคล้ายว่าเจ้าสำนักเรียกรวมลูกศิษย์สร้างฐานรากทุกคน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ป๋ายเสี่ยวฉุนแปลกใจ จึงรีบบินออกไปเช่นกัน

ไม่นานเขาก็มองเห็นว่าบนลานกว้างนอกตำหนักใหญ่ของเจ้าสำนัก เวลานี้ผู้อาวุโสสร้างฐานรากหลายร้อยคนของสำนักธาราเทพแทบจะมาถึงกันทุกคนแล้ว พวกเขากำลังเอนหัวกระซิบกระซาบกัน แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด คล้ายมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ช่วงนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนมัวแต่จมจ่อมอยู่กับการฝึกวิชามหาเวทควบคุมคน ไม่ได้สนใจแผ่นหยก เวลานี้จึงรีบบินไป ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้สอบถาม แค่บินผ่านทุกคนเท่านั้น…

นักพรตสร้างฐานรากสามคนที่อยู่ในรัศมีสิบจั้งของเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี!

หลู่เทียนเหล่ยคือหนึ่งในสามคนนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สังเกตเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว มองผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงของเขา แต่พริบตาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ามาใกล้ในรัศมีสิบจั้ง ทันใดนั้นร่างของคนทั้งสามก็สั่นเยือก ตบะในร่างพลันปะทุวุ่นวายควบคุมไม่ได้ จนกระทั่งระเบิดกระจายออกนอกร่างอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่กระทบเข้ากับแรงดันด้านนอก อาภรณ์ตลอดร่างพลันกลายเป็นขี้เถ้าบินว่อน

ทั้งสามคนตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำไปหมด รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ถอยกรูดว่องไว ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาก็เผยความเกรี้ยวกราด พวกเขาดูออกถึงความผิดปกติของป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้แล้ว!

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าทำอะไร!”

ขณะเดียวกันกับที่พวกเขาเอ่ยปาก จากการที่ป๋ายเสี่ยวฉุนบินผ่านไป ตลอดทุกที่ที่เขาผ่าน ในรัศมีสิบจั้งรอบด้าน นักพรตสร้างฐานรากทุกคนตาเหลือก วินาทีนั้น เสื้อผ้าของพวกเขาพลันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงตูมตามดังต่อเนื่อง

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เร็วเกินไป เร็วจนตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน เบื้องหลังเขามีนักพรตสร้างฐานรากหลายสิบคนที่อาภรณ์แหลกสลายหายไปหมด ซ่างกวานเทียนโย่วก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

“สมควรตายเอ๊ย เจ้าทำอะไร!” นักพรตสร้างฐานรากเหล่านี้ไฟโทสะโหมไหม้ขึ้นมาทันที แต่ละคนหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็คิดจะเข้าไปเอาเรื่องป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าใครก็ตามที่เข้ามาในระยะสิบจั้งของเขา เสื้อผ้าก็แตกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง ทำเอาทุกคนตกใจจนต้องรีบถอยหลังกรูด

ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งค้าง ถอยร่นไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูของตำหนักใหญ่ เขาสำลักลมหายใจ หนังหัวชาหนึบ ใจหล่นลงดังโครม รู้ว่าตัวเองก่อเรื่องอีกแล้ว

“โทษข้าไม่ได้นะ นี่…เป็นฝีมือของเจ้าไข่มุกนี่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้น รีบยื่นมือออกมา แบให้เห็นไข่มุกที่อยู่กลางฝ่ามือเขา ไข่มุกเม็ดนี้ยามนี้กำลังบิดเบือนรอบด้าน ในรัศมีสิบจั้ง มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนผู้เดียวที่เป็นปกติ หากคนอื่นย่างกรายเข้ามาใกล้ เป็นต้องเกิดเรื่องทันที

และในเวลานี้เอง เจ้าสำนักเจิ้งหย่วนตงดันได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก จึงเดินออกมาพร้อมกับผู้อาวุโสไท่ซ่างหลายคนอย่างไม่สบอารมณ์ คนเหล่านี้เพิ่งจะเดินออกมาจากตำหนักใหญ่ แค่ก้าวเดียวก็เหยียบเข้าไปอยู่ในรัศมีสิบจั้งรอบกายป๋ายเสี่ยวฉุน

“ไม่!! ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งหลาย รีบถอยหลังไป!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตาค้าง กรีดร้องเสียงแหลม คิดจะโยนไข่มุกทิ้งไป ทว่าก็ยังสายไปแล้ว…

อาภรณ์บนร่างของเจิ้งหย่วนตง พริบตานั้น…พลันแตกสลาย ลมพัดโชยมาโดนร่างของเขา ให้ความรู้สึกเย็นวาบ นัยน์ตาเคว้งคว้าง ยืนอึ้งเป็นไก่ไม้

ผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายเขา เดิมทีมีสีหน้าเคร่งขรึม ทว่าวินาทีนี้ อาภรณ์บนร่างของพวกเขาก็คล้ายจะแตกสลายไปเช่นกัน ผู้อาวุโสเหล่านี้เบิกตากว้าง รีบทำการยับยั้ง แต่ยิ่งยับยั้งก็ยิ่งแตกสลายเร็วขึ้น เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็เผยร่างเปลือยเปล่า

นี่ไม่ใช่เพราะว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมีตบะที่ร้ายกาจอะไร แต่เป็นเพราะความประหลาดของไข่มุกเม็ดนั้น อาภรณ์ที่ขาดกระจายไม่ใช่เพราะพลังของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เกิดจากตบะของตัวผู้ที่ได้รับอิทธิพลเอง

หลังจากที่เจ้าสำนักและผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านี้เผยร่างเปลือยออกมา รอบด้านพลัน…เงียบสงัด

———————-

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version