บทที่ 204 เลือดหวนคืนสู่บรรพบุรุษ!
“ปราณเลือด จงมา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าคำราม เมื่อนิ้วมือของเขาชี้ลงไป ภาพที่ทำให้นักพรสร้างฐานรากขั้นกลางแต่ละคนที่อยู่ในรุ้งยาวตะลึงพรึงเพริดก็บังเกิดขึ้น!
พื้นที่ตลอดนิ้วส่วนล่างของเขาจงเฟิงสั่นสะเทือน บัดนี้ปราณเลือดแต่ละเส้นคล้ายได้รับการร้องเรียกหาจากป๋ายเสี่ยวฉุน สัมผัสได้ถึงการร้องเรียกจากสายเลือดเดียวกัน พลันพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมเปล่งประกายความปิติยินดีและเบิกบานราวกับมีชีวิต
ปราณเลือดเส้นแล้วเส้นเล่าลอยสูงขึ้น ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน พริบตาเดียวก็ทะลุทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขา ปราณเลือดพวกนี้มีมากมาย พวกมันลอยมาจากบนพืชหญ้าทุกต้น ลอยมาจากในถ้ำทุกแห่ง ลอยมาจากบ่อเลือด ลอยมาจากน้ำตกเลือด ลอยมาจากทุกชุ่นบนพื้นดิน ระเบิดออกมาจากทุกตำแหน่งตลอดพื้นที่นิ้วส่วนล่างของเขาจงเฟิงแห่งนี้
ตูม ตูม ตูม!
นี่คือภาพเหตุการณ์สะเทือนเลื่อนลั่นปฐพียากจะอธิบาย ปราณเลือดไร้ที่สิ้นสุดลอยขึ้นกลางอากาศ อาบย้อมท้องฟ้าและผืนดินให้เป็นสีแดงฉาน ปราณเลือดนั้นเข้มข้นเกินสิ่งใดเปรียบ เข้มข้นจนคล้ายจะปิดแผ่นฟ้าและดวงจันทร์เอาไว้ได้ ยามนี้ขณะที่พุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศมันได้กลายเป็นหมอกสีเลือดหลอมรวมเข้าไปในกายของป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งหมด
ราวกับว่าเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายมาเป็นราชาของพวกมัน คำพูดประโยคเดียวของเขา การร้องเรียกเดียวของเขาก็สามารถทำให้ปราณเลือดตลอดทั้งนิ้วส่วนล่างของยอดเขาจงเฟิงเดือดพล่าน
อีกทั้งไม่ได้มีเพียงแต่พื้นที่นิ้วส่วนล่างของยอดเขาจงเฟิงเท่านั้น แม้แต่ปราณเลือดของพื้นที่นิ้วส่วนบน วินาทีนี้ก็ยังระเบิดออกกลายเป็นลำแสงที่น่าตื่นตะลึงลำหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หลอมรวมเข้าไปในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน
นาทีนี้ตลอดทั้งเขาจงเฟิงพลันสั่นไหว สะท้านฟ้าสะเทิ้นดิน!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้นักพรตสร้างฐานรากหลายสิบคนรอบด้านตะลึงลาน แต่ละคนตัวสั่น เมื่อพวกเขาค้นพบอย่างน่าหวาดกลัวว่าปราณเลือดในร่างกายของพวกเขามีลางที่จะหลุดพ้นออกไปจากร่างกาย จึงสำลักลมหายใจขึ้นมาทันที
ต่อให้เป็นนักพระสร้างฐานรากขั้นกลางก็ยังไม่อยากเชื่อภาพนี้ ในสมองมีคลื่นยักษ์โถมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ถึงกระทั่งที่ว่าพื้นที่ใกล้กับนิ้วส่วนบนยามนี้ก็ยังมีรุ้งยาวหลายต่อหลายเส้นบินออกมา กลายร่างเป็นเงาร่างมากมาย เงาร่างเหล่านั้นคือนักพรตสร้างฐานรากขั้นปลาย ทุกคนล้วนมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ
“เขาคือตัวประหลาดอะไรกัน!!”
“ปราณเลือดกลับเชื่อฟังคำสั่งของเขา!!”
“สมควรตายเอ๊ย ในเมื่อเจ้าเย่จั้งร้ายกาจถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่ได้สร้างฐานรากวิถีดิน!”
เขาเส้าเจ๋อเฟิง เขาอู๋หมิงเฟิง และเขาซือเฟิง นักพรตทุกคนของทั้งสามเขานี้เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ผู้อาวุโสใหญ่ของทั้งสามเขายิ่งบินออกมาก่อนผู้ใด มองเขาจงเฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“นี่คือ…”
“พลังอำนาจเช่นนี้…”
และวินาทีนี้เอง ในตำหนักบุตรโลหิตของทั้งสามเขา บุตรโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนปรากฏตัวพร้อมกัน บุตรโลหิตทั้งสามนี้ล้วนอายุยังน้อย ไม่ว่าคนใดก็ตามล้วนทำให้คนมองรู้สึกถึงความล้ำลึกยากคาดเดา ยามนี้พวกเขามีสีหน้าจริงจัง ขณะที่มองนิ่งมายังเขาจงเฟิง ความคิดในใจของพวกเขาก็พลิกคว่ำคะมำหงายไม่ต่างกัน
และยามนี้ เขตนิ้วส่วนล่างของเขาจงเฟิง ซ่งจวินหว่านผู้อาวุโสใหญ่ของเขาจงเฟิงและผู้อาวุโสสีเลือดอีกเก้าท่านกำลังปรึกษาเรื่องสำคัญกันอยู่ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายในพื้นที่นิ้วส่วนล่างแล้ว แต่กลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าบัดนี้เมื่อปราณเลือดซัดโหมตลบอบอวล ใจของพวกเขาจึงสะท้านไหว
โดยเฉพาะปราณเลือดในพื้นที่นิ้วส่วนบนที่พากันลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ซ่งจวินหว่านมีสีหน้าไม่เข้าใจ รีบยุติการประชุม บินออกไปด้วยความรวดเร็วทันที ผู้อาวุโสสีเลือดเก้าท่านที่อยู่ด้านหลัง แต่ละคนก็ทำสีหน้าคาดคิดไม่ถึง พากันตามออกไปอย่างพร้อมเพรียง
คนทั้งสิบบินออกมาอย่างรวดเร็ว มองปราดเดียวก็เห็นปราณเลือดตลอดทั้งเขาจงเฟิงระเบิดปะทุอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันทะยานดิ่งขึ้นสู่กลางฟากฟ้า…ทะยานดิ่งเข้าหาผู้ที่ราวกับมารโลหิต เส้นผมสะบัดพลิ้วไหว ดวงตาเผยแววอำมหิตเย็นชา ตลอดทั้งร่างเต็มไปด้วยไอสังหารไร้ที่สิ้นสุดราวกับดวงตะวันสาดแสงแรงกล้าอย่างป๋ายเสี่ยวฉุน!
“นี่…”
“สวรรค์…ปราณเลือดตลอดทั้งยอดเขาล้วนไปรวมอยู่ที่ตัวเขาทั้งหมด!!” ขณะที่จิตใจของผู้อาวุโสสีเลือดเหล่านั้นเกิดเสียงดังกัมปนาท ซ่งจวินหว่านหายใจถี่กระชั้นน้อยๆ เผยสีหน้าเหลือเชื่อสุดขีด
หรือแม้แต่บนเขาจู่เฟิงเอง ยามนี้จิตสัมผัสของผู้อาวุโสไท่ซ่างจำนวนมากพลันกวาดลงมาที่เขาจงเฟิงอย่างครึกโครม หลังจากสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงรุนแรงที่เกิดขึ้น จิตใจของพวกเขาก็ไม่สงบสุขเช่นกัน
“เลือดหวนคืนสู่บรรพบุรุษ…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!!”
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าเด็กเย่จั้งคนนี้จะมีวาสนาถึงเพียงนี้ สามารถทำให้เลือดกลับคืนสู่บรรพบุรุษได้!!”
“บัดซบ ก่อนหน้านี้ใครเป็นผู้พยากรณ์พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ หากรู้เร็วกว่านี้ว่าเมื่อเขาฝึกวิชากระบี่โลหิตจะทำให้เลือดหวนกลับคืนสู่บรรพบุรุษได้ ไม่ว่าจะอย่างไรสำนักธาราโลหิตของเราก็ต้องให้เขาสร้างฐานรากวิถีดินให้ได้!”
และขณะที่จิตสัมผัสของผู้อาวุโสไท่ซ่างเกิดคลื่นเคลื่อนไหวอยู่นั้น จิตสัมผัสหนึ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า เหนือล้ำเกินขอบเขตของผู้อาวุโสไท่ซ่าง ข่มทับทุกคน พลันย่างกรายมาถึง มันส่งผลกระทบต่อนภากาศ ทำให้ตลอดทั้งฟ้าดินเกิดการบิดเบือน
“เลือดหวนคืนสู่บรรพบุรุษ พบเจอได้ทว่าไม่อาจร้องขอ ในคนแสนคนที่ฝึกวิชาของสำนักธาราโลหิต จะมีเพียงคนเดียวที่เนื่องจากสายเลือดตรงกัน สะสมเตรียมพร้อมรอวันสำแดงเดช ก่อให้เกิดการกลับคืนสู่บรรพบุรุษที่ต่างไปจากคนอื่น นี่คือโชควาสนาอย่างหนึ่ง…เคยเกิดขึ้นเพียงสองครั้ง ก่อนหน้าที่จะเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน ยากที่จะมีใครจับได้” น้ำเสียงแก่ชรา ดังสะท้อนอยู่ภายในจิตใจของผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกคน
เวลาเดียวกันนั้น ภายใต้การหลอมรวมของปราณเลือดจำนวนมหาศาล ชั่วขณะที่คนทั้งหมดกำลังตื่นตะลึง ป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งเสียงร้องแผดยาว ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน สูดรับเอาปราณเลือดมาอย่างบ้าคลั่ง
ปราณเลือดตรงนี้มีเยอะมากมายยิ่งนัก ร่างของเขาราวกับหลุมดำแห่งหนึ่ง เมื่อดูดซับเอาไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ผิวคงกระพันตลอดทั้งร่างของเขาก็ค่อยๆ ปล่อยแสงจ้าบาดตา แสงนี้ไม่ใช่สีทองอีกต่อไป แต่เป็นสีเลือดแดงฉาน!
สีเลือดนี้ก็คือสัญลักษณ์ สีเลือดนี้ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่ามันคือ…ตราประทับของสำนักธาราโลหิต ไม่มีแสงสีใด ไม่มีหลักฐานใดจะพิสูจน์ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้วว่า…เวทที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายออกมาในยามนี้ ก็คือวิชาของสำนักธาราโลหิต!
ขณะเดียวกันกับที่แสงสีเลือดแผ่กระจายไปแปดทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงทุ้มลึก เบื้องหลังของเขาพลันปรากฏเงาร่างมายาขนาดใหญ่ร่างหนึ่ง เงามายานี้ยิ่งใหญ่เกินทัดเทียม ผิวเป็นสีเขียว ใบหน้าดุร้าย ฟันแสยะออกมาด้านนอก พลานุภาพโหมซัดสาด!
เล็บคมกริบคล้ายสามารถกรีดผ่าสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่กางกั้น ทั้งยังมีเขาแท่งหนึ่งตั้งตระหง่านราวกับจะแทงสู่นภากาศ และยังมีหางยาวที่ขึ้นเต็มด้วยแผ่นเกล็ดพัดกวาดไปทั่วความว่างเปล่า เกิดเสียงกรีดผ่าอากาศดังสนั่น
เงามายานี้…ก็คือสิ่งที่บอกกันไว้ในตำนานอย่าง…ผีร้าย!!
บัดนี้เมื่อเงามายาของผีร้ายปรากฏกายก็หมายความว่าเนื้อคงกระพันขั้นแรกของป๋ายเสี่ยวฉุน…ก่อตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
วินาทีที่เงาของผีร้ายปรากฏขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่เขาเส้าเจ๋อเฟิงเบิกตาถลน เปล่งเสียงร้องคำรามแหบห้าว บุตรโลหิตของเขาเส้าเจ๋อเฟิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาโชนแสงแรงกล้า
“เย่จั้งผู้นี้ เขาเส้าเจ๋อเฟิงของเราจองแล้ว!!”
ผู้อาวุโสใหญ่ของเขาเส้าเจ๋อเฟิงก็คิดไม่ต่างกัน จะไม่ให้เขาตื่นเต้นอย่างไรไหว เงาของผีร้ายนี้คือภาพที่สลักประทับอยู่บนเขาเส้าเจ๋อเฟิง นั่นคือเวทคาถาลับที่คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าของเขาเส้าเจ๋อเฟิงบรรลุจากการศึกษามือใหญ่บรรพบุรุษแห่งโลหิต!
ทว่าตอนนี้ ภายใต้การหวนคืนสู่บรรพบุรุษ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสามารถทำให้มันก่อตัวขึ้นมาได้เอง นี่ทำให้เขาเส้าเจ๋อเฟิงคลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ
เวลาเดียวกันนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่กลางอากาศคำรามกร้าว ปราณเลือดที่ดูดรับเอามาได้ว่ายวนอยู่ในร่างกายของเขา ขณะเดียวกันก็แผ่ขยายออกไปนอกร่างด้วย กระบี่โลหิตเล่มยักษ์ที่อยู่ด้านหลังของเขา ก่อร่างขึ้นมาจากปลายกระบี่อย่างรวดเร็ว
จากการก่อร่างของมัน ปราณเลือดจำนวนมากยิ่งกว่าเดิมถูกป๋ายเสี่ยวฉุนดูดซับเอาไว้ หลังจากว่ายวนในร่างก็ถูกปลดปล่อยออกมาด้านนอก จนถึงท้ายที่สุด ท่ามกลางเสียงดังครั่นครืน กระบี่ใหญ่ด้านหลังก็เริ่มปรากฏเป็นตัวกระบี่ โกร่งกระบี่ และด้ามกระบี่!
ทั้งหมดนี้พูดแล้วเหมือนนาน ทว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงเวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจเท่านั้น ในที่สุดกระบี่ใหญ่สีเลือดก็ปรากฏออกมา…อย่างครบถ้วน!
ขณะที่ทุกคนสูดลมหายใจเฮือกๆ มือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนยกขึ้นคว้าจับไปที่กระบี่ยักษ์ คำรามเสียงทุ้มลึก เหวี่ยงกระบี่ขึ้น หันไปทางนักพรตสร้างฐานรากหลายสิบคนที่อยู่เบื้องหลัง วาดเป็นเส้นโค้งสีเลือดหนึ่งเส้น แล้ว…ตวัดฉับ!
“นี่ต่างหาก ถึงจะเรียกว่าโลหิตปลิดโลกา! พวกเจ้าจะสังหารข้า ข้าก็จะสังหารพวกเจ้าก่อน!”
เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดังสะท้อน หนึ่งกระบี่ผ่านภากาศ ชั่วขณะที่กระบี่นั้นตวัดฟันลงไป ปราณเลือดรอบด้านตรงดิ่งเข้าหากระบี่โลหิต ภายใต้การหลอมรวมอย่างต่อเนื่อง กระบี่โลหิตยิ่งขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ใหญ่หลายสิบจั้ง ขณะเดียวกันกับที่ฟันลงไป ปราณทำลายล้างระลอกหนึ่งก็ระเบิดตูมตาม
นักพรตสร้างฐานรากหลายสิบคนนั้น ยามนี้สีหน้าซีดขาว เปล่งเสียงร้องโหยหวนรวดร้าว ทำได้เพียงร่วมมือกัน ชั่วขณะที่กระบี่ใหญ่นั้นฟาดฟันลงมา ทุกคนระเบิดพละกำลังทั้งหมด ร่ายเวทไม้ตายของใครของมัน ช่วยกันสกัดกั้นเอาไว้!
ตูม ตูม ตูม!!
เสียงดังเลือนลั่นเขย่าคลอนฟ้าดิน กระบี่นี้ตวัดลงมา นักพรตสร้างฐานรากสี่ห้าคนที่อยู่หน้าสุดกรีดร้องเสียงแหลมดัง ร่างระเบิดตูมแล้วแตกสลายลง การแตกสลายนี้ราวกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ หลายคนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาตัวสั่นกันหมด ภายใต้การจู่โจมของกระบี่โลหิตนี้ร่างของนักพรตคนแล้วคนเล่าพังทลายลงไป ซ่งเชวียเองก็อยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน ดวงตาเผยให้เห็น…ความดุร้ายและพร้อมสู้ตายอีกครั้ง!
ทว่าตอนนี้เอง เสียงฮึดฮัดเย็นชาพลันดังก้องขึ้นมา
“พอได้แล้ว! ปราณเลือด แยก!”
วินาทีที่เสียงนี้ดังออกมาก็ราวกับเสียงอสนีบาต และนั่นทำให้กระบี่โลหิตในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นคลอนอย่างรุนแรง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว กลับกลายมาเป็นปราณเลือด แผ่กระจายออกรอบด้าน
ตลอดทั้งเขาจงเฟิงพลันสั่นสะเทือนดั่งมีพลังมหาศาลระลอกหนึ่งย่างกรายมาเยือน เขย่าคลอนไปทั้งเขาจงเฟิง และบนผืนดินของเขาจงเฟิง บัดนี้มีอักขระของค่ายกลปรากฏขึ้นมาหลายต่อหลายเส้น ดูเหมือนว่ามันถูกประทับนาบลงบนนิ้วมือแห่งนี้มานานมากจนกลายมาเป็นวิชาควบคุมจากแรงภายนอก!
ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนหดลง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากเสียงนั้นดังขึ้น ปราณเลือดของที่นี่ก็ไม่อยู่ในการควบคุมของตัวเองอีก ดุจว่าเจ้าของเสียงนั้นมีความสามารถในการควบคุมปราณเลือดได้ลึกล้ำยิ่งกว่าเขา
ทว่าในเวลาเดียวกันป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ว่าวิธีการควบคุมปราณเลือดของอีกฝ่าย มองดูเหมือนลึกล้ำกว่าตน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงแค่การควบคุมจากแรงภายนอกเท่านั้น ไม่เหมือนตนที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับปราณเลือดนี้!
“ไม่พอ!” พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใคร ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดดาล โทสะนี้ยังไงเขาก็มิอาจเก็บกลั้นเอาไว้ได้!
“ตอนที่พวกเขาจะฆ่าข้าทำไมไม่พูดว่าพอ ตอนนี้ข้าเอาคืนพวกเขา เจ้ากลับพูดให้ข้าพออย่างนั้นหรือ? ข้าไม่ยอม!”
หลังจากที่มาอยู่สำนักธาราโลหิต เขารู้สึกว่าตัวเองทำตัวสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด ยามนี้อารมณ์ระเบิดออก ความไม่เป็นธรรมที่ได้รับในใจ ทำให้ไอสังหารที่มีต่อพวกผู้พิทักษ์สร้างฐานรากซึ่งบีบคั้นตนเหล่านั้นปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ต้องโทษพวกเจ้านั่นแหละ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตาแดงก่ำ ตั้งท่าเตรียมพร้อมว่าหากเกิดท่าไม่ดี จะถือโอกาสร้องเรียกมือยักษ์เพื่อทำให้สำนักธาราโลหิตเกิดความวุ่นวาย แล้วฉวยโอกาสหนีไป เมื่อปราณกระบี่โลหิตจางหาย พลานุภาพสยบอบอวลไปรอบด้าน ชั่วขณะที่นักพรตสร้างฐานรากหลายสิบคนผ่อนลมหายใจ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันพุ่งถลาออกไปปรากฏอยู่ด้านหน้าผู้พิทักษ์สร้างฐานรากคนหนึ่ง มือขวายกขึ้นกำเป็นหมัดเหวี่ยงลงไป
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง นักพรตสร้างฐานรากคนนี้เพิ่งจะคลายใจ ปฏิกิริยาตอบสนองจึงช้าลงไปเล็กน้อย เมื่อโดนหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนอัดกระแทกลงมา เขาก็พลันกระอักเลือด หัวใจแหลกละเอียด
“เจ้า…” เขาเบิกตากว้าง ขาดลมสิ้นใจตายทันที
ทุกคนที่เหลือแตกฮือ ขณะที่กำลังจะกระจายตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนอารมณ์ปะทุถึงจุดเดือด ยิ่งนึกถึงความไม่เป็นธรรมที่ได้รับ สีหน้าก็ยิ่งมืดทะมึน นัยน์ตาแฝงเร้นไว้ด้วยจิตสังหาร พุ่งถลาออกไปอีกครั้ง
——