Skip to content

A Will Eternal 308

บทที่ 308 อีกาหยินหยาง

ค่ายกลเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะวินาทีที่กระบี่เขาสวรรค์ซึ่งหลอมพลังจิตสิบครั้งเล่มนั้นแทงเข้าไปยังค่ายกลเมืองคูน้ำ เมื่อแสงสีเงินเปล่งวาบ ค่ายกลก็พลันบิดเบือนรุนแรงมากขึ้น ทั้งยังมองเห็นได้ด้วยว่าตลอดทั้งค่ายกลเริ่มโยกคลอน แม้จะไม่พังทลาย ทว่ากลับเผาผลาญพลังวิญญาณของค่ายกลไปไม่น้อย

เวลาเดียวกันนี้ บุรพาจารย์รวมไปถึงยาอายุวัฒนะของสองสำนักเทพโลหิต และยังมีพวกสร้างฐานรากจำนวนมากต่างก็โอบล้อมค่ายกล ใช้พลังทั้งหมดที่มีโจมตีต่อเนื่องเสียงดังโครมคราม

ป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดจัด เวลานี้ก็พุ่งถลันออกไปเช่นกัน ปลดปล่อยปราณเลือดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักพรตของสำนักธาราโลหิตหลายคนรักษาพลังการสู้รบให้อยู่ในสภาวะสูงสุดได้ตลอดเวลา เถี่ยตั้นที่อยู่ด้านข้างก็ขุ่นแค้นไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อมันเงยหน้าคำราม ปราณราชันย์แห่งสัตว์แผ่ซ่าน สัตว์รบจำนวนนับไม่ถ้วนบ้าคลั่ง แย่งกันเฮโลเข้าชนค่ายกล

หัวปีศาจ ศพหลอม กระบี่โลหิต กระถางม่วง ทุกอย่างนี้…ทำให้สงครามไต่ไปสู่ระดับดุเดือดถึงขีดสุด โดยเฉพาะ…ท้องนภาที่ดังครั่นครืน ภูเขาลูกที่เก้าของสำนักธาราเทพ…พลันทะยานดิ่งลงมา พื้นดินสั่นไหว เทือกเขาเกิดรอยปริแตก!

เมฆโลหิตก็ยิ่งแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง ราวกับว่าไม่มีอณูใดที่แผ่ไปไม่ถึง อาบย้อมให้เทือกเขาและเมืองคูน้ำแห่งนี้กลายเป็นสีแดงฉานทันที อีกทั้งด้านหลังเมืองคูน้ำ พละกำลังที่ยังหลงเหลืออยู่ของสำนักธาราโอสถก็ได้ระเบิดออกเต็มที่ โจมตีค่ายกลต่อเนื่อง ทำให้สำนักธาราทมิฬถูกจู่โจมทั้งหน้าและหลัง เทือกเขาเริ่มถล่มทลาย ค่ายกลก็ยิ่งเกิดการหดตัวลง…เป็นครั้งแรก!

คล้ายว่าหากไม่หดตัว ก็จะไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้ มีเพียงลดขอบเขตลงเท่านั้นถึงจะแลกมาด้วยความมั่นคง

“สำนักธาราทมิฬ…ไม่จำเป็นต้องรอให้พวกเจ้าเผยพลังแฝงออกมาก่อน ข้าผู้อาวุโสอยากจะเห็นนักว่าเมื่อต้องเผชิญกับพลังแฝงเร้นสำนักธาราโลหิตของข้า พวกเจ้าจะยังซ่อนพลังแฝงเอาไว้อีกหรือไม่!” ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตสีหน้ามืดทะมึน วิกฤตความเป็นความตายของป๋ายเสี่ยวฉุนเมื่อครู่นี้ทำให้เขาตึงเครียดอย่างยิ่ง และยังมากด้วยความโกรธแค้น

ในฐานะที่เป็นนักพรตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบคนเดียวในสำนักธาราโลหิต ไฟโทสะของเขา ผู้ที่สามารถทนรับได้จึงมีเพียงบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพและบุรพาจารย์ชื่อหุนของสำนักธาราทมิฬเท่านั้น

พวกเขาสามคนล้วนอยู่ในขั้นก่อกำเนิดสมบูรณ์แบบ เมื่อเทียบกับนักพรตก่อกำเนิดคนอื่นๆ แล้วจึงแข็งแกร่งมากกว่านัก

เวลานี้มือขวาของปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตทำมุทราชี้ไปที่ท้องฟ้า พลันเอ่ยปากด้วยเสียงอันดังประดุจสายฟ้าที่ฟาดผ่าไปแปดทิศ

“หุ่นรัตติกาลธาราโลหิต!”

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตเปิดปาก ทันใดนั้นตลอดทั้งนภากาศพลันส่งเสียงครั่นครืน สายฟ้าสีแดงเส้นหนึ่งแลบปลาบขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่า กรีดผ่าขอบฟ้า ฉีกกระชากให้อากาศเกิดเป็นช่องโหว่หนึ่งช่อง เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน…หุ่นไล่กาหนึ่งตัวที่น่าพิศวง!

มีเสียงหัวเราะน่าขนลุกดังลอยมาจากท้องฟ้า รอยยิ้มของหุ่นไล่กาตัวนี้แฝงไว้ด้วยความพิลึกและชั่วร้าย นัยน์ตาเผยสีแดงแปลกประหลาด มือข้างหนึ่งถือหนังคนหนึ่งชิ้น อีกข้างถือตาชั่ง วินาทีที่เผยตัวออกมา พลานุภาพสยบน่าครั่นคร้ามระลอกหนึ่งแผ่กระจายเยื้องกรายไปทั่วทั้งผืนแผ่นดิน

เพียงแค่พลานุภาพสยบก็ทำให้ค่ายกลของเมืองคูน้ำสั่นไหวรุนแรง คล้ายว่าใกล้จะแตกทลายเพราะไม่อาจทนรับได้

นักพรตทุกคนของสำนักธาราโลหิตล้วนสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเผยประกายความฮึกเหิม นั่นคือพลังแฝงเร้นของ…สำนักธาราโลหิตของพวกเขา!!

พลังแฝง คือรากฐานของสำนัก!

สายฟ้าแลบดังเปรี้ยงปร้าง บัดนี้ตลอดทั้งท้องฟ้ามีสายฟ้าสีแดงจำนวนนนับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบไม่ขาดระยะ หุ่นไล่กาตัวนั้นพลันหายวับไป แล้วปรากฏตัวพรวดอีกครั้งนอกค่ายกลเมืองคูน้ำ มือขวายกขึ้น เมื่อตาชั่งที่อยู่ในมือของมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด ในถาดตาชั่งพลันมีเงามายาหนึ่งเผยขึ้นมา

เงามายานี้หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่ามันคือภาพย่อส่วนของตลอดทั้งเทือกเขาและเมืองคูน้ำแห่งนี้!

เวลานี้เดียวกันนั้น ลูกตุ้มตาชั่งก็เคลื่อนไหวไปตามคันตาชั่ง คล้ายกำลังปรับวัด คล้ายกำลังชั่งน้ำหนักของ…เทือกเขาและเมืองคูน้ำแห่งนี้!

พื้นดินสั่นสะเทือน เทือกเขาพังถล่ม เมืองคูน้ำโยกคลอน ค่ายกลปรากฏร่องรอยปริแตก เสมือนว่ามีตาชั่งขนาดใหญ่ที่ใช้วัดฟ้าดินกำลังชั่งน้ำหนักของเมืองนี้อยู่!

หากชั่งเสร็จเมื่อไหร่ ตลอดทั้งเทือกเขาและเมืองก็จะสิ้นราบพนาสูรไปในพริบตา!

ป๋ายเสี่ยวฉุนสำลักลมหายใจ มองภาพเหตุการณ์นี้ มองหุ่นไล่กาพิลึกพิลั่นตัวนั้น มองเมืองคูน้ำและเทือกเขาที่กำลังสั่นคลอน เขาพลันค้นพบว่าเมื่อเทียบกับศักยภาพอันเป็นรากฐานแฝงเร้นนี้แล้ว เกรงว่าแม้ต่บุรพาจารย์ก็ยังเล็กกระจ้อยร้อยจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง

“นี่ก็คือพลังแฝงเร้น…ถ้าเช่นนั้นพลังแฝงของสำนักธาราเทพข้าจะเป็นอะไร?” ขณะที่จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังสะท้านสะเทือน บุรพาจารย์หลายคนในสำนักธาราทมิฬล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด บุรพาจารย์ชื่อหุนดวงตาโชนแสง มือขวาพลันยกขึ้นตบลงไปบนพื้นดินอย่างแรง

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง พื้นดินสั่นสะเทือน เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นกระเพื่อม แท่นบูชาแท่นหนึ่งลอยพรวดขึ้นมาจากในลานกว้างอันเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองคูน้ำท่ามกลางการสั่นไหวนี้!

“ธูปเทียนจุน[1]!” บุรพาจารย์ชื่อหุนคำรามเสียงดังหนึ่งครั้ง เมื่อเสียงคำรามของเขาดังก้องออกไป กลางแท่นบูชาที่ลอยขึ้นมานั้นพลันเผยให้เห็น…ธูปสีดำหนึ่งก้าน…ที่มีขนาดแค่นิ้วหัวแม่มือ!

ธูปนี้เต็มไปด้วยความเก่าแก่ ทั้งยังให้ความรู้สึกถึงกาลเวลายาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ คล้ายว่าดำรงอยู่มานานมากเหลือเกินแล้ว อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าถูกนำมาใช้แล้วหลายครั้ง ตอนนี้จึงเหลืออยู่ไม่มาก…

หลังจากที่ปรากฏขึ้นมันก็จุดเผาตัวเอง ปลดปล่อยควันสีเขียวมากมายหลายเส้นลอดทะลุออกไปนอกค่ายกล ตรงดิ่งขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นควันนี้ก็วาดเค้าโครงร่างมายาขึ้นมาร่างหนึ่ง!

เงาร่างนี้เพิ่งเผยตัว แสงสีแดงในดวงตาทั้งคู่ของหุ่นไล่กาพลันเข้มข้นรุนแรง หันไปมองทันที แทบจะวินาทีเดียวกับที่มันหันไปมอง เงาร่างนี้ก็ก่อตัวได้สมบูรณ์แบบ กลายมาเป็นนักพรตผู้หนึ่ง!

นักพรตผู้นี้มองดูแล้วคือชายวัยกลางคนคนหนึ่ง สวมใส่อาภรณ์ของนักพรตเต๋า มีหมวกเต๋าครอบศีรษะ ลักษณะราศีโดดเด่นประดุจเทพเซียน ทั้งยังมีปราณของผู้ละทางโลกที่สุภาพสง่างามแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างชัดเจน เวลานี้หลังจากที่ดวงตาทั้งเบิกโพลง เผยให้เห็นประกายคมกริบ พลังอำนาจบนร่างของเขาก็ระเบิดออกทันใด คล้ายจะผสานรวมเข้ากับฟ้าดินแห่งนี้ ทำให้เมฆโลหิตบนท้องฟ้าซัดกลิ้งไล่หลังกัน แม้แต่ภูเขาลูกที่เก้าก็ยังสั่นคลอนน้อยๆ

โดยเฉพาะเมื่อนักพรตวัยกลางคนผู้นี้ยกมือขึ้นชี้ โลกก็พลันบิดเบือน ลูกตุ้มตาชั่งในมือหุ่นไล่การะเบิดตูมทันที ทำให้การชั่งน้ำหนักไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ภาพนี้เขย่าคลอนจิตใจทุกคน

“พลังของคนฟ้า!!” ดวงตาทั้งคู่ของบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพฉายแสงคมกล้า เขารู้ว่าพลังแฝงของสำนักธาราทมิฬไม่ธรรมดา ตอนนี้ได้มาเห็นเองกับตา เมื่อเอามาเชื่อมโยงกับเรื่องเล่าที่เคยได้ยินจึงประจักษ์แจ้งขึ้นมาทันควัน

เวลานี้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นสะเทือนเหมือนกัน เขามองชายวัยกลางคนซึ่งเกิดจากการแปลงกายของควันธูปผู้นั้น สัมผัสได้ถึงพลานุภาพสยบน่าหวาดกลัวที่บอกไม่ถูกจากร่างของเขา หรือถึงขั้นที่ว่าแค่ตนมองเขาแวบเดียว ดวงตาทั้งคู่ของตนก็ปวดแสบปวดร้อน จิตวิญญาณสั่นคลอนดังตูมตาม

ในความรู้สึกของเขา อีกฝ่ายคล้ายได้เข้ามาแทนที่นภากาศ กลายมาเป็นอานุภาพจากสวรรค์!

แสงสีแดงในดวงตาของหุ่นไล่กายิ่งมากขึ้นกว่าเดิม มันกรีดร้องเสียงโหยไห้ มือซ้ายยกขึ้นโบกหนึ่งครั้ง โยนหนังคนออกไป พุ่งร่างของตัวเองตามเข้าไปสวมหนังคน กลายมาเป็นเด็กคนหนึ่ง มุมปากแสยะยก เผยให้เห็นปากกว้างน่าสะพรึงกลัว ตลอดทั้งร่างพิลึกพิลั่นสุดจะเปรียบ พุ่งทะยานเข้าหาชายวัยกลางคนอย่างน่าครั่นคร้าม แล้วพลังแฝงเร้นยิ่งใหญ่ทั้งสองนี้ก็เริ่มเข่นฆ่ากันขึ้นมาทันที!

ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมและเมฆพัดตลบอบอวล เสียงดังกัมปนาทเกินเสียงอสนีบาต ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนี้ บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพไร้ซึ่งความลังเลใด ทำมุทราแล้วชี้ไปที่ท้องฟ้าเช่นกัน!

“อาทิตย์เทพอีกาดำ!”

ตูมๆๆ หลังจากที่บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพเอ่ยปาก นภากาศซัดโหมตลบ ดุจดั่งมีมือใหญ่คู่หนึ่งแหวกท้องฟ้าออก เผยให้เห็นฟากฟ้าสดใสหลังชั้นเมฆ ในท้องฟ้าโล่งโปร่งนี้พลันเผยให้เห็น…ดวงอาทิตย์สีขาวหนึ่งดวง!

ในดวงอาทิตย์สีขาวนี้มีอีกาสีดำตัวหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ของอีกาพลันเบิกโพลง เผยให้เห็นประกายแสงคมกล้า มันอ้าปากออก เปล่งเสียงร้องแหบแหลมที่ทำให้ทุกคนแก้วหูดับออกมาหนึ่งเสียง!

ทั้งยังมีคลื่นเคลื่อนไหวกระเพื่อมแผ่ไปแปดทิศ อีกาสีดำตัวนี้สูดลมหายใจหนึ่งครั้งกลับสูดเอาดวงอาทิตย์สีขาวที่คลุมอยู่นอกร่างเข้าไปในปากตัวเองจนหมด มันสะบัดร่างกลายเป็นดาวตกหนึ่งดวงแล้วพุ่งดิ่งเข้าหาค่ายกล

“พลังแฝงธาราโอสถ จงเผยตัว!!” บุรพาจารย์ชื่อหุนสีหน้าชั่วร้าย เวลานี้คำรามเดือดดาลอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ หลังจากเสียงแผดคำรามของเขาดังขึ้น บุรพาจารย์คนหนึ่งของสำนักธาราโอสถที่ยอมสวามิภักดิ์ซึ่งถูกกักตัวอยู่ในเมืองคูน้ำกัดฟันกรอด มือขวายกขึ้นโบกอย่างแรงหนึ่งครั้ง

เสียงตูมตามดังอึกทึก บนท้องฟ้า จุดที่ดวงอาทิตย์สีขาวปรากฏก่อนหน้านี้ บัดนี้พลันมีดวงอาทิตย์ที่ลักษณะแทบจะคล้ายคลึงกันทุกประการปรากฏขึ้น มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ…สีที่เป็นสีดำ!

เมื่อดวงอาทิตย์สีดำเผยกาย ตลอดทั้งท้องฟ้าก็พลันมืดครึ้มลง ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือในดวงอาทิตย์สีดำนี้ก็มีอีกาตัวหนึ่งเหมือนพลังแฝงของสำนักธาราเทพเช่นกัน!

เพียงแต่ว่าสีของอีกาตัวนี้กลับเป็น สีขาว!

บัดนี้ นักพรตคนใดก็ตามที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ล้วนหายใจถี่กระชั้น มีคนไม่น้อยเบิกตาถลน เผยความเหลือเชื่อ พลังแฝงเร้นของสำนักธาราเทพและสำนักธาราโอสถเหมือนกันมากเกินไป หากจะบอกว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตะลึงเช่นกัน ตอนที่มองไป อีกาสีขาวตัวนั้นก็ได้อ้าปากออกแล้วสูดดวงอาทิตย์สีดำรอบกายเข้าไป มันกลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาว พริบตาเดียวก็ตรงเข้าชนปะทะกับอีกาสีดำของสำนักธาราเทพราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาหลายชาติ เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้า พื้นดินสั่นไหว

“อีกาหยินหยาง!” ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตทำท่าครุ่นคิด ปีนั้นเขาก็เคยได้ยินข่าวลือหนึ่ง ว่ากันว่าเมื่อหมื่นปีก่อนตอนที่สำนักธาราเทพเพิ่งเข้ามาอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรตอนล่าง เดิมทีไม่มีพลังรากฐาน แต่ภายหลังเมื่อร่วมมือกับสำนักธาราโอสถหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันเป็นพลังแฝงของตัวเองขึ้นมา!

“ไม่ว่าจะอย่างไร ศึกครั้งนี้ควรสิ้นสุดลงได้แล้ว สำนักธาราทมิฬ…ไม่มีทางมีอาวุธอันเป็นพลังแฝงชิ้นที่สาม” หลังจากที่ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตและบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพมองกันและกัน ต่างก็พยักหน้าให้กันน้อยๆ ในความเป็นจริงแล้วหากก่อนหน้านี้พวกเขาจะโจมตีขั้นเด็ดขาด ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าหากทำเช่นนั้น ความเสียหายจะมีมากเกินไป ที่ศึกครั้งนี้ทอดยาวมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะเทพโลหิตสองสำนักพยายามรักษาพละกำลังเอาไว้ และก็เพื่อลบเลือนขวัญกำลังใจของนักพรตสำนักธาราทมิฬ เพราะยังไงซะเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขา…ไม่ใช่ฆ่าล้างสำนักธาราทมิฬ แต่เป็นฮุบกลืน!

และเมื่อสำนักธาราทมิฬเผยพลังแฝงอันเป็นรากฐานออกมาแล้ว สงครามครั้งนี้จึงไม่เหลือสิ่งใดให้ต้องคำนึงถึงอีก!

“สำนักธาราทมิฬ พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือไม่!” บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพสะบัดปลายแขนเสื้อเป็นวงกว้าง น้ำเสียงเย็นเยียบสะท้อนไปสี่ทิศ

——

[1] เทียนจุน (天尊)เป็นคำที่ศาสนาเต๋าใช้เรียกพระผู้เป็นเจ้า และเป็นคำที่ศาสนิกชนใช้เรียกพระพุทธเจ้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version