Skip to content

A Will Eternal 313

บทที่ 313 สถาปนาสำนักสยบลำธาร!

ภาพการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้บุรพาจารย์ทุกคนที่อยู่ในตำหนักใหญ่พากันเบิกตากว้างอีกครั้ง โดยเฉพาะบุรพาจารย์ชื่อหุนของสำนักธาราทมิฬที่ถึงกับขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว สายตาเผยความเลื่อนลอย

สำนักธาราโอสถก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้แต่สำนักธาราโลหิตก็ยังอึ้งงัน

พวกบุรพาจารย์สำนักธาราเทพพากันยิ้มเจื่อน รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ส่วนบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพกลับถลึงตาดุดันใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งครั้ง หลังจากนวดคลึงหว่างคิ้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ข้าว่าเรื่องนี้ควรต้องพิจารณาสักหน่อยกระมัง…”

“บุรพาจารย์ ข้ารู้สึกว่าไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นบุรพาจารย์น้อยของสำนักสยบลำธารมากไปกว่าข้าอีกแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณา ข้า…ตกลง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น พลังอำนาจบนร่างแผ่กระจายออกอีกครั้ง เส้นผมปลิวสะบัด ในดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายสุกใสดุจดวงดาว เขาในเวลานี้เหนือล้ำเกินกว่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ ประหนึ่งประติมากรรมชิ้นเอกแห่งใต้หล้า!

“ชื่อเสียงของเจ้ายิ่งใหญ่เกินไป ควรจะให้โอกาสลูกศิษย์คนอื่นบ้าง…” ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตไอแห้งๆ หนึ่งที พลันเอ่ยปาก

“บุรพาจารย์ ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ เป็นตัวแทนของความรับผิดชอบ ภาระหน้าที่นี้หนักอึ้งเกินไป ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนรักสำนัก มีหรือจะยอมให้สหายร่วมสำนักคนอื่นต้องมาสละตนแบกรับความรับผิดชอบที่ควรเป็นของข้า นั่นมันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขา…ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนทำไม่ได้ ทำไม่ได้เด็ดขาด ในเมื่อโชคชะตาเลือกข้า ในเมื่อสำนักเลือกข้า ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เมื่อเงยหน้า ท่วงท่าเต็มไปด้วยความชอบธรรม ราวกับว่าใต้ฟ้าเหนือดิน ความชอบธรรมนี้ของเขาสามารถเขย่าท้องฟ้าโยกคลอนพื้นดินได้

“แต่เจ้าบาดเจ็บ หากเป็นบุรพาจารย์น้อย วันหน้าไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสได้รับบาดจ็บมากกว่าเดิม” บุรพาจารย์ชื่อหุนพลันเอ่ยปาก

ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง คราวนี้เขาครุ่นคิดโดยละเอียดอย่างแท้จริง ในใจสับสนพัวพันกันอุตลุด หลังจากนั้นจึงกัดฟันกรอด ทว่าใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มสง่างาม

“พวกเราเป็นนักพรต มีใครบ้างที่ไม่หลั่งเลือด? ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนหวังเพียงว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันที่ต้องหลั่งน้ำตาให้กับสำนัก ข้ายินดีใช้เลือดทั้งชีวิตของข้าแลกมาด้วยความหวังนี้ที่จะกลายมาเป็นจริง เพราะว่าข้าคือ…บุรพาจารย์น้อยของ สำนักสยบลำธาร!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองดูแล้วเหมือนยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึม ทั้งยังมากด้วยความคาดหวังที่มีต่อสำนัก มากด้วยความยึดมั่นถือมั่นที่มีต่ออนาคต บัดนี้ เมื่อคำพูดของเขาดังออกมา เมื่อพลังอำนาจบนร่างของเขาลุกโชติช่วง จิตใจของทุกคนที่อยู่ในตำหนักใหญ่จึงสะท้านสะเทือน

หากไม่เป็นเพราะว่าเมื่อครู่นี้ได้เห็นภาพของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ต่างไปจากตอนนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมองป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นสุดยอดบุคคลที่มีความจงรักภักดีอย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้!

ในตำหนักใหญ่เกิดความเงียบงัน บุรพาจารย์สี่สำนักแต่ละคนหน้าตาเหยเก มองป๋ายเสี่ยวฉุน ผ่านไปครู่หนึ่งบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพจึงคลี่ยิ้ม

“ตกลง หนึ่งเดือนให้หลังจะจัดงานพิธีใหญ่ ประกาศให้โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกตอนล่างรู้ว่า…สำนักสยบลำธาร ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันพวกเราก็จะส่งสารไปยังต้นกำเนิดแม่น้ำตอนบน แจ้งให้สำนักอันตมรรคาฟ้าดารารู้ว่า…เราจะท้ารบกับสำนักธารฟ้า เพื่อแทนที่พวกเขา!”

“ศึกนี้ ข้าผู้แซ่ป๋ายรอคอยมานานแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มสง่างาม หลังจากเอ่ยปากเนิบช้าก็พูดคุยปรึกษากับบุรพาจารย์ทั้งหลายอีกครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้หมุนตัวก้าวยาวๆ ออกมาจากตำหนักใหญ่พร้อมความภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม

หลังจากออกมาจากตำหนักใหญ่ พลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ลดลง ตลอดทางที่เดินผ่าน คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่หลังจากได้เห็นเขาก็ล้วนอึ้งตะลึง ทว่าหลังจากนั้นกลับเผยความเคารพยำเกรงและความกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่งออกมาดุเดือดมากกว่าเดิม

จนกระทั่งป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมาถึงในที่พัก อานุภาพนี้ถึงได้คลายลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเผยความตื่นเต้นและฮึกเหิม

“ตาแก่กลุ่มนั้นเมื่อครู่นี้ทำเอาข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าจะต้องได้ไปทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายอะไร ก็บอกกันแต่แรกสิว่าจะแต่งตั้งข้าเป็นบุรพาจารย์น้อยอย่างเป็นทางการ” ป๋ายเสี่ยวฉุนลำพองใจ ส่ายหัวไปมา แล้วนั่งลงขัดสมาธิ

“ในฐานะที่เป็นบุรพาจารย์น้อย ความยิ่งใหญ่ของชื่อเสียงต้องเขย่าคลอนไปแปดทิศแน่นอน ฮ่าๆ ถึงเวลานั้นต้องเปลี่ยนคำขวัญประจำตัวสักหน่อย ไม่ใช่บุตรโลหิตจงเฟิง อานุภาพไร้เทียมทาน ชีพจรฟ้าธาราเทพ บารมีเขย่าคลอนแปดทิศแล้ว ควรจะเปลี่ยนเป็น…บุรพาจารย์น้อยสยบลำธาร ใต้หล้าไร้ศัตรู!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งห้าวเหิมมากกว่าเดิม

“ส่วนเรื่องความปลอดภัย…หึหึ เป็นบุรพาจารย์น้อยน่ะปลอดภัยที่สุดเลยล่ะ ไม่มีทางออกไปไหนมาไหนด้วยตัวเองเป็นแน่ แถมทุกครั้งหากออกไปข้างนอกก็ต้องมีลูกศิษย์มากมายก่ายกองติดตามไปด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกใจสุดขีด รอคอยให้วันงานพิธีใหญ่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้ามาถึงโดยเร็ว

ไม่นาน เรื่องที่สำนักสยบลำธารจะก่อตั้งก็แพร่ไปถึงหูของลูกศิษย์สี่สำนัก กลายมาเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยมากที่สุดในช่วงระยะหลังนี้ อีกทั้งเมื่อข่าวแพร่ออกไป เมื่อบัตรเชิญถูกแจก โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกตอนล่างก็ฮือฮากันขึ้นมาหมด!

สำนักเล็กๆ รวมไปถึงตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีผู้บำเพ็ญเพียรแบบกระจัดกระจายต่างก็สะท้านสะเทือนกันหมด สำหรับพวกเขาแล้ว สี่สำนักไม่ว่าสำนักใดก็ตามล้วนเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ ทว่าตอนนี้ สี่สำนักใหญ่กลับรวมตัวกันเป็นหนึ่ง!

นี่คือพลังอำนาจของสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์แม่น้ำตะวันออกตอนล่าง โดยเฉพาะ…ช่วงเวลานี้ ระหว่างบรรดาตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรรวมไปถึงสำนักเล็กๆ ตอนปลายจำนวนนับไม่ถ้วน ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่ทำให้พวกเขาทุกคนตัวสั่น ทำให้พวกเขาเร่าร้อนบ้าคลั่ง ทำให้พวกเขาตื่นเต้นฮึกเหิม!

ข่าวนี้บอกว่า…เป้าหมายของสำนักสยบลำธาร ไม่เพียงแค่รวมตัวกันเท่านั้น ยังจะบุกขึ้นไปฆ่าถึงตอนกลาง แทนที่สำนักธารฟ้า เพื่อกลายมาเป็นสำนักของแม่น้ำตอนกลาง!

ข่าวนี้ทำให้คนฟังบ้าคลั่ง เพราะ…นี่หมายความว่า หากสำนักสยบลำธารทำสำเร็จ ถ้าเช่นนั้นตอนล่างก็จะมีตำแหน่งของสำนักว่างถึงสี่แห่ง!

ความปรารถนาที่สำนักสยบธารมีต่อสำนักตอนกลางลึกล้ำมากเท่าไหร่ แม่น้ำตอนปลายและตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็มีความปรารถนาต่อตอนล่างลึกล้ำมากเท่านั้น!

คำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย การแลกเปลี่ยนกันอย่างลับๆ รวมไปถึงการสั่นสะเทือนที่แผ่ขยายได้ก่อเกิดขึ้นไปทั่วโลกแห่งบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกตอนล่าง และใจกลางของทุกอย่างนี้ก็คืองานพิธีสถาปนาสำนักสยบลำธารที่จะมีขึ้น…ในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง!

สำนักสยบลำธารไม่มีประตูสำนัก แม้ว่าจะมีเมืองคูน้ำแห่งนี้อยู่ แต่ก็เป็นเพียงที่ตั้งสำนักชั่วคราวเท่านั้น เพราะสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับตั้งประตูสำนักสยบลำธารอย่างแท้จริง มีเพียง…จุดที่ตั้งของสำนักธารฟ้าในตอนนี้!

แม้ว่าจะเป็นที่ตั้งสำนักชั่วคราว ทว่าเมืองคูน้ำแห่งนี้เมื่ออยู่ภายใต้การร่วมมือกันซ่อมแซมของนักพรตหลายล้านคนจากสี่สำนักใหญ่ ไม่นานจึงกลับมาดีดังเดิม ทั้งยังมีการขยับขยาย ทำให้เมืองคูน้ำแห่งนี้ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร พลานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร เพราะมีพลังแฝงของสี่สำนักอยู่ที่นี่ ทำให้ท้องฟ้าของที่แห่งนี้มีน้ำวนหมุนโคจรครั่นครืนอยู่ตลอดเวลา พลานุภาพสยบแผ่ขยายออกไปต่อเนื่อง

ยิ่งเข้าใกล้วันงานพิธีใหญ่ สำนักและตระกูลของตลอดทั้งโลกบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกตอนล่างจึงพากันเร่งรุดเดินทางมาด้วยวิธีการของใครของมัน เนื่องจากเวลากระชั้นชิด ดังนั้นผู้ที่มาทันจึงมีแค่ผู้ที่มีศักยภาพแน่นอนเท่านั้น ส่วนเหล่าผู้ที่ไม่มีความสามารถมากพอย่อมเดินทางมาไม่ทัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ ทว่าโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกตอนล่างนั้นกว้างใหญ่มากเกินไป ทุกสำนักล้วนควบคุมแม่น้ำตอนปลายอีกสี่สาย รวมไปถึงตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องด้วยมากมาย ดังนั้นก่อนหน้าที่พิธีใหญ่จะเริ่มขึ้น ผู้ที่มาเยือนจึงมีจำนวนมากจนน่าหวาดกลัว ถึงขั้นที่ว่าในเมืองคูน้ำไม่อาจรองรับคนได้หมด จึงต้องตั้งค่ายพักกันรอบนอกโดยมีเมืองคูน้ำเป็นจุดศูนย์กลาง

แทบทุกวันจะต้องมีคนจำนวนล้นหลามมาเยือน และในที่สุด…วันงานพิธีใหญ่ก็มาถึง!

วันนี้ นักพรตสำนักสยบลำธารกำราบแปดทิศ ทุกคนล้วนสวมชุดนักพรตแบบเดียวกันอย่างเป็นระเบียบ พลังอำนาจซัดโหม บนท้องฟ้าน้ำวนเคลื่อนครั่นครืน พลังแฝงทั้งหมดเผยกายออกมา บุรพาจารย์สิบเจ็ดท่านราวกับเทพเจ้าสิบเจ็ดองค์ ยืนอยู่สูงกลางนภา พลานุภาพสยบแผ่โชติช่วง ด้านล่างมีนักพรตยาอายุวัฒนะผู้สืบทอดนับร้อยคน ทุกคนล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนัก อนาคตไร้ขีดจำกัด!

และยังมีผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกหลายร้อยคน ไม่ว่าใครก็ตามล้วนเป็นดั่งดวงดาวดารดาษ บวกกับนักพรตสร้างฐานรากอีกมากมาย เบียดเสียดแน่นขนัด ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมและเมฆซัดตลบ พลานุภาพสยบที่ก่อเกิดทำให้ทุกคนนอกเมืองที่เข้าร่วมพิธีล้วนจิตใจสั่นสะท้าน ลมหายใจถี่กระชั้น เสียงร้องอุทานแตกตื่นดังออกมาจากปากคนจำนวนไม่น้อย

“ฟ้าดินเป็นพยาน เดือนปีเป็นคำสัตย์สาบาน สำนักสยบลำธาร ได้ก่อตั้งขึ้นในวันนี้!” น้ำเสียงแก่ชราดังลอยมาจากท้องฟ้า ดังสะเทือนไปแปดทิศ ก่อเกิดเป็นเสียงอสนีบาต แผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ระเบิดขึ้นกลางใจของนักพรตทุกคนที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้

“สำนักธาราเทพของข้า นับแต่นี้ละทิ้งชื่อสำนัก ยินดีเข้าร่วมสำนักสยบลำธาร!”

“สำนักธาราโลหิตของข้า นับแต่นี้ละทิ้งชื่อสำนัก ยินดีเข้าร่วมสำนักสยบลำธาร!”

“สำนักธาราทมิฬของข้า…”

“สำนักธาราโอสถของข้า…”

หลังจากที่เสียงของบุรพาจารย์ทั้งสี่สำนักทยอยกันดังออกมา ตลอดทั้งโลกก็ขานรับดังกึกก้อง นภากาศกลิ้งซัดตลบอบอวล ราวกับเป็นพยานให้แก่คำสัตย์สาบานนี้ เป็นพยานว่าบัดนี้….สำนักแห่งหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกตอนล่าง ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!

ป๋ายเสี่ยวฉุนอารมณ์ฮึกเหิม เวลานี้เขายืนอยู่กลางอากาศ มองไปเบื้องบน มองลงมาด้านล่าง มองทุกสิ่งที่อยู่รอบด้าน คลื่นอารมณ์ของเขาก็ยิ่งมิอาจพรรณนาได้

และเวลานี้เอง ทันใดนั้นเสียงแปลกประหลาดก็พลันดังขึ้น!

แสงสีทองเส้นหนึ่งพลันปรากฏพรวดขึ้นกลางอากาศ ระหว่างที่แสงสีทองนี้เปล่งแสงระยิบระยับก็มีสายฟ้าสีทองเส้นหนึ่งกรีดผ่าน้ำวนกลางนภากาศด้วยเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหว เกิดเป็นช่องรอยกรีดขนาดยักษ์ใหญ่หลายพันจั้งหนึ่งรอย!

เมื่อรอยนี้ปรากฏ ท้องฟ้าก็คล้ายจะถล่มลงมา พลานุภาพสยบซัดสาดเยื้องกรายลงมาหา ภายใต้พลานุภาพสยบนี้ บุรพาจารย์ทุกท่าน ยาอายุวัฒนะทุกคน หรือแม้แต่พลังแฝงของสำนักสยบลำธารเองบัดนี้ก็ยังถูกข่มทับลงไปในพริบตา ประหนึ่งแสงจันทร์ที่อยู่ๆ ก็สาดส่องลงมาข้างกายหิ่งห้อย!

ไม่เพียงแต่ทุกคนของสำนักสยบลำธารที่ถูกบีบคั้น เมืองคูน้ำก็ยังสั่นไหว นักพรตที่เข้าร่วมงานพิธีซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบนั้นล้วนตัวสั่นเทิ้ม แต่ละคนเกิดเสียงดังอึงอลขึ้นในสมอง คล้ายมองเห็นพลานุภาพสยบจากสวรรค์ พากันคุกเข่าคำนับอย่างพร้อมเพรียง

ตลอดทั้งฟ้าดินเงียบกริบไร้สรรพสำเนียง

พวกบุรพาจารย์สำนักสยบลำธารที่อยู่บนท้องฟ้าก็ตัวสั่นเช่นกัน เมื่อแต่ละคนฝืนเงยหน้าจึงมองเห็นว่าในรูโหว่ขนาดยักษ์นั้น บัดนี้พลันมีดวงตาใหญ่มโหฬารข้างหนึ่งค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ดวงตานี้ใหญ่หลายพันจั้ง เมื่อมันเผยออกมาก็ทำให้ทุกคนที่มองเห็นสะท้านสะเทือนไปยันจิตวิญญาณ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตกตะลึงจนกลั้นลมหายใจ มองทุกอย่างนี้ด้วยความเหลือเชื่อ

ดวงตานั้นกวาดลงมองพื้นดินด้วยสายตาเย็นชาหนึ่งครั้ง เมื่อค่อยๆ เหลือบขึ้นก็มีเสียงกัมปนาทดังลอยมาจากในช่องโหว่ สะท้อนก้องครั่นครืนไปทั่วฟ้าดิน

“สำนักสยบลำธารรับโองการ!”

——

*หมายเหตุ เปลี่ยนชื่อสำนักจากสยบธารเป็นสยบลำธาร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version