บทที่ 340 หนึ่งฝ่ามือดับรวมโอสถ
ฝ่ามือนี้ก่อให้เกิดคลื่นมายาสีทองถาโถม ทั้งยังมีสายฟ้าร้องคำรณออกมาจากบนนภากาศ พลังที่แฝงเร้นไว้ด้วยยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุน และแฝงเร้นไว้ด้วยพลังกล้ามเนื้อจากการแตะสัมผัสถึงพันธนาการชั้นที่สอง หลังจากมาผสานรวมเข้าด้วยกันแล้ว จึงระเบิดออกมาเป็น…ความเผด็จการเหี้ยมหาญสูงสุดที่บดขยี้คนในระดับเดียวกัน!
ชายหนุ่มรวมโอสถร้องคำรามเสียงแหบแห้งราวสัตว์ที่ติดกับดัก วิกฤตความเป็นความตายเช่นนั้นทำให้เขาใจหาย ทำให้เขาบ้าคลั่ง เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้น รู้ว่าวิธีเดียวที่มีก็คือยอมรับฝ่ามือนี้เพื่อช่วงชิงเวลาให้คนอื่นมาช่วยเหลือ เวลานี้ขอบเขตระหว่างเขาและป๋ายเสี่ยวฉุนได้สับเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง!
ตอนนี้ไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก ท่ามกลางเสียงคำรามนั้น ชายหนุ่มรวมโอสถตบลงไปบนถุงเก็บของ หยิบเอาอาวุธวิเศษจำนวนมากออกมาทันที ทั้งยังทำมุทราชี้ไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างดุดัน และยังอ้าปากพ่น…ยาดินของเขาออกมา!
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตรวมโอสถแล้วจะสังหารข้าได้ด้วยฝ่ามือเดียว!!”
ชายหนุ่มแผดเสียง ดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ นัยน์ตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความอำมหิตเย็นชา มือขวาที่ยื่นออกมารวดเร็วราวสายฟ้าแลบกระทบเข้ากับอาวุธวิเศษที่ชายหนุ่มผู้นั้นเอาออกมาโดยตรง อาวุธเหล่านี้มิอาจสกัดกั้นได้แม้แต่นิด วินาทีที่สัมผัสเข้ากับมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พากันระเบิดพังทลายย่อยยับไปอย่างง่ายดาย ทำให้ฝ่ามือของของป๋ายเสี่ยวฉุนบุกไปข้างหน้าราวผ่าลำไผ่ พริบตาเดียวก็ลอดทะลุทุกอย่างมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม
ฝ่ามือนั้นร่วงลงบนนิ้วมือของชายหนุ่มที่ชี้ออกมา ภายใต้พลังสีทองของวิถีฟ้า มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่านิ้วมือของชายหนุ่มสลายกลายเป็นเถ้าธุลีราวกับถูกลบออก เสียงร้องโหยหวนดังลอยมา ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่คิดหยุดชะงัก ฝ่ามือยังคงผลักดันไปด้านหน้า สัมผัสเข้ากับยาดินของชายหนุ่ม!
การสัมผัสครั้งนี้ ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น เสียงกัมปนาทดังสะท้อน ยาดิน…แตกทลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ชายหนุ่มกระอักเลือด นัยน์ตาเผยความสิ้นหวัง และฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตบลงมาบนหน้าอกของเขาโดยตรง!
“คิดจะให้ข้าตาย ข้าจะให้เจ้าตายก่อน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม เย็นเยือกสะท้านทั้งจิตและวิญญาณ
เสียงพูดยังไม่ทันสิ้นสุด เสียงร้องโหยหวนกลับขาดหายไปกลางคัน…
ร่างของชายหนุ่มรวมโอสถถูกม้วนตลบลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วระเบิดกระจัดกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ กลายมาเป็นฝนเลือดที่สาดกระเซ็นไปรอบด้าน ตกกระทบลงบนร่างของนักพรตรวมโอสถสำนักธารฟ้าที่พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วหมายให้ความช่วยเหลือ
ตั้งแต่ลงมือ จนถึงโจมตีปลิดชีพ ทั้งหมดนี้เพียงแค่ฝ่ามือเดียว เพียงแค่วินาทีเดียว ว่องไวหมดจด!
ภาพนี้ทำให้นักพรตรวมโอสถเหล่านั้นพากันหน้าเปลี่ยนสี ฝีเท้าชะงักกึก เวลานี้พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้อย่างแท้จริงถึงความน่ากลัวของยาอายุวัฒนะวิถีฟ้า!
เพิ่งจะรวมโอสถก็สามารถสังหารคนในระดับเดียวกันได้แล้ว อีกทั้งการสังหารแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการบดขยี้ ภาพนี้มีหรือจะไม่ทำให้คนมองหวาดผวาตื่นตะลึง
รอบด้านเงียบสงัด หลังจากเกิดความเงียบขึ้นในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ทุกคนของสำนักสยบธารก็ระเบิดเสียงไชโยไห่ร้องดุเดือดออกมา ปณิธานในการสู้รบก็ระเบิดขึ้นไม่ต่างกัน ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุน เขายืนอยู่บนท้องฟ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง สายตาของเขาก็ไปตกอยู่บนร่างของเจินเหรินก่อกำเนิดเหล่านั้นของสองสำนัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า…ระยะห่างระหว่างตัวเองและพวกเขา ดูเหมือนว่า…จะไม่ไกลมากเท่าไหร่แล้ว
“หึหึ ลูกศิษย์สำนักสยบธารทั้งหมด โจมตีเต็มกำลัง บุกยึด…สำนักธารฟ้า!”
เฟิงเสินจื่อแห่งสายธาราโลหิตเงยหน้าหัวเราะร่า เสียงหัวเราะที่แหบพร่านั้นแฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัว เมื่อดังไปสี่ทิศ ลูกศิษย์สำนักสยบธารที่อยู่ในผืนป่าสองริมฝั่งแม่น้ำต่างก็คำรามขานรับ พุ่งเข้าเข่นฆ่าศัตรูทันที!
เมื่อคำพูดของเฟิงเสินจื่อดังก้อง ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ปราณเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่เข้มข้นยิ่งกว่าตอนสร้างฐานรากระเบิดตูมออกจากร่างของเขา สะเทือนเลือนลั่นปฐพี แสงสีเลือดนี้แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างยิ่งกว่าเดิม ทำให้พลังในการสู้รบของนักพรตสายธาราโลหิตถูกเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเป็นครั้งที่สอง!!
ท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้อง สงครามคล้ายจะถูกเพิ่มความเร็ว สนามรบถูกฉีกกระฉากอย่างเหี้ยมโหดด้วยวิธีการที่ยิ่งดุดัน
เมื่อมองจากที่สูง สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในผืนป่าสองชายฝั่งซ้ายขวาของสำนักธารฟ้า นักพรตของสำนักสยบธารราวกับมีดแหลมคมสองเล่มที่กำลังเสียบแทงเข้าไปยังที่ตั้งประตูสำนักธารฟ้าด้วยความเร็วราวกับบิน
การต้านทานของสำนักธารฟ้าไม่สามารถดำรงอยู่ได้นานนัก พวกเขาถอยร่นอย่างต่อเนื่อง ความปราชัย…ได้ปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด!
และเวลานี้เอง ทันใดนั้นโคมสีเขียวดวงหนึ่งพลันลอยออกมาจากในประตูสำนักธารฟ้า โคมดวงนี้ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงท้ายที่สุดก็ใหญ่พอหลายร้อยจั้ง แผ่
พลานุภาพสยบชวนพิศวง ทั้งรอบด้านของมันยังมีเงาของวิญญาณพยาบาทจำนวนนับไม่ถ้วนลอยเวียนวน พวกมันกรีดร้องแหบโหย พกพาเอาความดุร้ายบินทะยานเข้าใส่ชายฝั่งทางซ้ายพร้อมกับโคมดวงนั้น
นี่ก็คือหนึ่งในอาวุธล้ำค่าของสำนักธารฟ้า!
ทว่ายังไม่ทันที่โคมดวงนี้จะเยื้องกรายลงไป ทันใดนั้นพระอาทิตย์สีดำดวงหนึ่งก็ลอยขึ้นจากชายฝั่งทางซ้าย ในพระอาทิตย์ดวงนั้นมีอีกาสีขาวตัวหนึ่งเบิกตาโพลง นัยน์ตาเผยประกายเย็นเยียบ เปล่งเสียงร้องแหบปร่าเขย่าคลอนจิตวิญญาณ พุ่งเข้าใส่โคมไฟดวงนั้น!
เมื่อสงครามครั้งนี้มีการเพิ่มความเร็วจึงถึงคราวที่ทั้งสองฝ่ายต่างเอาพลังแฝงออกมาใช้ สำหรับสำนักสยบธารแล้ว พระอาทิตย์สีดำนี้คือพลังแฝงอันเป็นรากฐาน ทว่าสำหรับสำนักธารฟ้า พลังรากฐานของสำนักแม่น้ำตอนล่างเทียบเท่าได้กับอาวุธล้ำค่าของพวกเขาเท่านั้น
แทบจะวินาทีเดียวกับที่อาวุธล้ำค่าและพลังแฝงประมือกันในชายฝั่งทางซ้าย ป้ายหลุมศพใหญ่ขนาดหลายร้อยจั้งป้ายหนึ่งก็ลอยขึ้นกลางอากาศชายฝั่งทางขวาแล้วกระแทกลงไปบนพื้นอย่างแรง บนป้ายหลุมศพนี้แผ่กลิ่นอายเก่าแก่ราวกับดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน เพิ่งจะร่วงลง พื้นดินที่อยู่เบื้องล่างป้ายนี้ก็ปูดสูงขึ้นมาคล้ายกลายมาเป็นหลุมฝังศพขนาดใหญ่หนึ่งหลุม
มือแห้งเหี่ยวมากมายยื่นพรวดออกมาจากใต้ดิน ทั้งยังมีเสียงคำรามแหบแห้งสะท้อนก้องไปทั่วชายฝั่งทางขวา
ทว่าสำนักสยบธารมีหรือจะไม่ได้เตรียมตัวรับมือมาก่อน แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป้ายหลุมศพนี้ร่วงลง พระอาทิตย์สีขาวก็ลอยขึ้นกลางอากาศชายฝั่งทางขวา อีกาดำในนั้นกรีดร้องเสียงแหลมบาดแก้วหู ตรงดิ่งเข้าใส่ป้ายหลุมศพ เมื่อเข้าไปใกล้ มือที่ยื่นออกมาใต้ป้ายหลุมศพก็ถูกหลอมละลายกลายเป็นเถ้าธุลี ส่วนป้ายหลุมศพเองเวลานี้ก็ส่งเสียงร้องคำรามด้วยความเดือดดาล ใบหน้าขนาดมหึมาหน้าหนึ่งลอยขึ้นมาบนป้าย คำรามใส่ดวงอาทิตย์สีขาวแล้วบินเข้าหาอ้าปากหมายเขมือบกลืน
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายระเบิดขึ้นอีกครั้ง การจู่โจมระหว่างพลังแฝงและอาวุธล้ำค่า การเข่นฆ่าสังหารระหว่างนักพรตด้วยกันเอง ทั้งสองฝ่ายต่างก็บาดเจ็บล้มตาย ภายใต้การผลักดันเดินหน้าต่อเนื่อง บวกกับพลังต้านทานของสำนักธารฟ้าที่ถดถอยลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดนักพรตของสำนักสยบธารก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้…ตีนเขาอันเป็นที่ตั้งประตูสำนักธารฟ้า!
มาถึงเวลานี้ สงครามได้ดำเนินมาถึงช่วงที่สามแล้ว นั่นคือ…ศึกโจมตียึดครองประตูที่ตั้งสำนัก!
เมื่อศึกประตูสำนักดำเนินขึ้น นักพรตสำนักสยบธารจำนวนมากจากซ้ายขวาสองทิศทางจึงพากันไล่ฆ่ามาตามทางเถาวัลย์ของต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า พุ่งเข้าประหัตประหารกันอย่างดุเดือดอยู่ในประตูสำนักธารฟ้า!
เสียงกัมปนาท แสงของเวทคาถา เสียงร้องโหยหวนโอดโอย บัดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศ
ศึกระหว่างบุรพาจารย์ก็เริ่มดุเดือดขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างมีคนได้รับบาดเจ็บ ทว่าไม่มีใครคิดถอย มีแต่จะยิ่งรบกันอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น
ศึกของยาอายุวัฒนะไม่จำกัดขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นผืนป่าสองชายฝั่งหรือในประตูสำนักก็มีให้เห็นอยู่ทั่ว!
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ลงมืออยู่ในกลุ่มของสร้างฐานรากอีกแล้ว แต่ยืนอยู่กลางอากาศ ประชันเวทคาถากับนักพรตรวมโอสถของสำนักธารฟ้า เดิมทีนักพรตรวมโอสถของสำนักสยบธารก็ได้เปรียบเรื่องปริมาณอยู่แล้ว พอมาอยู่บนสนามรบนี้ ระดับความเสี่ยงภัยจึงมีไม่มาก ทั้งยังสามารถทำความคุ้นเคยกับวิธีการต่อสู้ของนักพรตรวมโอสถ ความรู้ความเข้าใจของเขามีเพิ่มขึ้นทุกเวลานาที ประสบการณ์ด้านการประมือกันของนักพรตรวมโอสถจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การเพิ่มพูนเช่นนี้ทำให้พลังในการรบของเขายิ่งแข็งแกร่ง จนนักพรตของสำนักธารฟ้าหวาดผวา
ขณะที่สงครามยังคงดำเนินไป บนภูเขาสูงลูกหนึ่งที่ห่างจากสำนักธารฟ้าระยะหนึ่ง เวลานี้บนนั้นมีร่างสามร่างกำลังยืนตระหง่านอยู่ด้านบน สายตาของพวกเขาทอดมองมายังสำนักธารฟ้า ตรงตำแหน่งนี้แม้จะอยู่ห่างไกลเล็กน้อย ทว่ากลับสามารถมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดของสนามรบได้
คนทั้งสามแบ่งเป็นชายสองหญิงหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นรูปโฉมงามพิสุทธิ์ มีเสน่ห์เย้ายวนอย่างมาก ตลอดทั้งร่างปล่อยกลิ่นอายของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองดูแล้วเหมือนเป็นภาพมายา บางครั้งเหมือนจริง บางครั้งพร่าเลือน หากจ้องนานจะทำให้คนมองรู้สึกมึนหัวตาลาย
ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งคือนักพรตวัยกลางคน คนผู้นี้ปล่อยควันสีดำแผ่กระจายออกมาทั้งร่าง ควันดำนี้ล่องลอยไปทั่วแล้วก่อตัวเข้าหากันเป็นกะโหลกศีรษะมากมาย พืชหญ้าที่อยู่บนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาล้วนเหี่ยวเฉา แม้แต่ก้อนหินก็ยังถูกกัดกร่อน เห็นได้ชัดว่าควันดำนี้มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง มองดูแล้วเหมือนกลิ่นอายของภูตผีปีศาจ!
คนสุดท้ายคือผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผู้เฒ่าคนนี้สวมชุดของนักพรตเต๋า บุคลิกราศีโดดเด่น บนร่างคล้ายจะมีปราณลึกลับมหัศจรรย์บางอย่างอบอวลไปทั่ว หากอยู่ใกล้ก็คล้ายได้ยินเสียงร้องของมรรคาแห่งเต๋าดังลอยมาจากความว่างเปล่าแว่วๆ
ทั้งสามคนนี้ก็คือคนของอีกสามสำนักที่เหลือในบรรดาสี่สำนักใหญ่แม่น้ำตอนกลางอย่างสำนักธารดารา สำนักธารอันต สำนักธารมรรคา!
หญิงสาวที่อยู่ระหว่างภาพมายาและความเป็นจริงผู้นั้นมาจากสำนักธารดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านพลังดวงดาว ชายวัยกลางคนที่กลิ่นอายของปีศาจอบอวลไปทั่วร่างมาจากสำนักมาร…สำนักธารอันต!
ส่วนผู้เฒ่าคนนั้นมาจากสำนักอันดับหนึ่งของแม่น้ำตอนกลาง สำนักธารมรรคา!
“สำนักธารฟ้า…ใกล้จะแพ้แล้ว น่าสนใจ”
“ดูท่าเพื่อนบ้านใหม่ของพวกเราก็ไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่นัก…แบบนี้ถึงจะสนุกหน่อย”
“ถึงขนาดมียาอายุวัฒนะวิถีฟ้าปรากฏขึ้นมาแล้ว…เกรงว่าคนผู้นี้คงดึงดูดความสนใจจากสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราได้แล้ว…”
“ในเมื่อสำนักธารฟ้าถูกกำหนดมาให้พ่ายแพ้ ถ้าเช่นนั้นส่วนแบ่งที่เป็นของพวกเขาก็น่าจะควรปรับเปลี่ยนเสียหน่อยแล้ว”
คนทั้งสามคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันไปมาแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ดูเหมือนพวกเขาจะมีความสุขมากที่ได้มองเห็นสำนักธารฟ้าพินาศวอดวาย…และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาอยากเห็นก็คือ บอบช้ำย่อยยับทั้งสองฝ่าย