บทที่ 43 ช้ามาก…ช้ามาก…
“หรือว่า…เขาก็คือเจ้าเต่าน้อย!!” ทุกคนฮือฮา
เมื่อเปรียบเทียบกับทุกคนแล้ว คนที่ตกใจมากที่สุด ณ ที่แห่งนี้คือสวีเป่าไฉ เขายืนเซ่อมองป๋ายเสี่ยวฉุน รู้สึกเหมือนลูกตาจะปลิ้นถลนออกมานอกเบ้า เมื่อครู่เขายังดูถูกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ให้ความสำคัญระดับความรู้สัตว์วิเศษเล่มสาม เวลานี้พอมองไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ควรให้ความสำคัญจริงๆ นั่นแหละ…
“พืชหญ้าสำเร็จขั้นสูงสุด สัตว์วิเศษสำเร็จขั้นสูงสุด…ป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อครู่นี้เขาจงใจหลอกล่อข้าชัดๆ!! แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เขาเพิ่งเข้าสำนักมาได้แค่ไม่กี่ปีเอง…นอกเสียจากเขาจะเป็นเจ้าเต่าน้อย?” สวีเป่าไฉสูดลมหายใจเขาลึก รีบหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา บันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นลงไป ในใจแอบดีใจที่ตนเองสะสางบุญคุณความแค้นกับอีกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ดีใจที่เมื่อครู่ไม่ได้พูดจาดูหมิ่นออกไปชัดเจนนัก
และในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมาจากประตู ถอนหายใจหนึ่งที ในความเป็นจริงแล้วหากไม่ต้องเปิดเผยระดับความรู้ลึกซึ้งด้านพืชหญ้าและสัตว์วิเศษออกมาได้ เขาเองก็ไม่อยากจะเปิดเผยมันแบบนี้ เพราะยังไงซะในกลุ่มบุคคลที่ชื่นชอบโจวซินฉียังมีลูกศิษย์ฝ่ายในอยู่ด้วย
แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาไม่สามารถทิ้งการเลื่อนขั้นไปเพราะเหตุนี้ แม้ว่าเวลานี้จะรู้สึกจนใจ แต่เห็นสีหน้าของผู้คนรอบด้านและได้ยินเสียงของพวกเขา ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็อดตื้นตันใจขึ้นมาไม่ได้
“ล้วนแต่เป็นสหายร่วมสำนักที่ดีทั้งนั้น ถ้าทุกคนเป็นแบบนี้ก็คงจะดีนัก” ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจ เดินออกมาจากประตู ภายใต้สายตาของทุกคนที่จ้องมองมา เขาเลือกเตาหลอมยาเตาหนึ่งแล้วนั่งลงไป
ผู้เฒ่าสวีมองป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งที ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้มุมปากถึงเผยรอยยิ้มออกมา แต่ไม่นานก็หายไป กลับมาสงบนิ่งดังเดิม เอ่ยปากเนิบช้า
“ถุงที่อยู่ด้านหน้าพวกเจ้ามีพืชหญ้าสิบส่วน สามารถหลอมยาวิเศษขั้นหนึ่งอย่างธูปโม่หลิงได้สิบครั้ง!”
“ใช้อัตราส่วนที่หลอมสำเร็จมาเป็นเกณฑ์ในการทดสอบ สองครั้งผ่านเกณฑ์ ผู้ที่ได้มากที่สุด…รางวัลคือคะแนนคุณความดีห้าพันคะแนน เริ่มได้”
และทันทีที่คำพูดของผู้เฒ่าสวีเปล่งออกมา ในใจของลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่เฝ้าดูการทดสอบอยู่รอบด้านก็พากันสะท้านขึ้น
“คราวนี้ทดสอบธูปโม่หลิงเชียวรึ!”
“ธูปโม่หลิงนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ยาวิเศษที่หลอมได้ยากที่สุดในขั้นที่หนึ่ง แต่ระดับความยากก็ไม่น้อย…ไม่เหมือนยาวิเศษอย่างพวกธูปหนิงหลิงที่เด็กโอสถหลายคนเคยฝึกฝนมาก่อน”
“หึ ยิ่งเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งทดสอบพรสวรรค์ด้านการหลอมยาของคนๆ หนึ่งได้เป็นอย่างดี พวกเจ้าดูไม่ออกเหรอ ก่อนหน้านี้จากพืชหญ้าสี่เล่มก็กลายมาเป็นห้าเล่ม ตอนนี้ระดับความยากของยาวิเศษก็เพิ่มมากขึ้น ต่อไปคงจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ”
ขณะที่คนรอบทิศวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา ทุกคนที่นั่งรอการทดสอบอยู่หน้าเตาหลอมยาบนลานกว้าง แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม แม้ว่าหลายคนพอได้ยินคำว่าธูปโม่หลิงแล้วในใจจะโอดครวญร้องทุกข์ แต่กลับเสียสมาธิไม่ได้ พากันเปิดถุงออกสำรวจวัตถุดิบ
ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ฟังสวีเป่าไฉพูดถึงเรื่องคะแนนคุณความดีห้าพันคะแนนมาก่อนแล้ว ในเวลานี้หลังจากได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าสวี ในใจก็ยิ่งกระตุก คะแนนคุณความดีของเขามีเหลือไม่เยอะแล้ว ต่อไปไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตำรับยาหรือว่าซื้อพืชหญ้าล้วนจำเป็นต้องใช้คะแนนคุณความดีทั้งสิ้น
‘หากได้คะแนนคุณความดีห้าพันคะแนนนี้มา ข้าก็จะตัดความยุ่งยากออกไปได้เยอะ ไม่ต้องเปลืองสมองคิดว่าจะแลกเอามันมายังไงอีกแล้ว’ ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็เปิดถุงที่อยู่ด้านหน้า ข้างในนอกจากพืชหญ้าสิบส่วนแล้ว ยังมีแผ่นหยกอีกหนึ่งแผ่น เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านจึงรู้ว่าเป็นตำรับยาของธูปโม่หลิง
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้หลอมทันที แต่รวบรวมสมาธิอยู่ชั่วครู่ก็ทำการศึกษาตำรับยาอย่างละเอียด
ความเร็วในการศึกษาของเขานั้นช้ามาก นี่เกี่ยวข้องกับความเคยชินในการหลอมยาของเขา ต่อให้เป็นปัญหาน้อยนิด เขาก็จำเป็นต้องพิชิตให้ได้ทั้งหมดถึงจะรู้สึกว่ามั่นคง
พอเริ่มศึกษาก็ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วยาม
ในหนึ่งชั่วยามนี้ พวกตู้หลิงเฟยตรวจสอบพืชหญ้าและเริ่มทำการหลอมยากันนานแล้ว อีกทั้งยังลงมือทำอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นที่ว่าเตาแรกหลอมเสร็จไปเกินครึ่ง
มองไปทั่วทั้งลานกว้าง นอกจากป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนกำลังหลอมยา มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่พิจารณาแผ่นหยกในมือ ภาพประหลาดเช่นนี้ ทำให้พวกลูกศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านั้นซึ่งรวมไปถึงสวีเป่าไฉด้วยล้วนพากันแปลกใจ
และในเวลานี้เอง ยาวิเศษเตาแรกก็ทยอยกันปรากฏผลลัพธ์ออกมา เสียงกัมปนาทอื้ออึงดังออกมาเป็นระลอก ไม่รวมป๋ายเสี่ยวฉุน สิบแปดคนที่เข้าร่วมการทดสอบคราวนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเงียบงัน ในเตาหลอมยาของพวกเขามีควันสีดำลอยขึ้นมาเป็นระลอก เตาแรกล้มเหลว
มีเพียงหานเจี้ยนเย่คนเดียวที่เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ขณะที่เตาหลอมยาตรงหน้าเขาสั่นสะเทือน กลิ่นยาก็ลอยกำจายออกมา ในเตาหลอมยาปรากฏก้อนธูปโม่หลิงขนาดประมาณสามชุ่นโผล่พรวดออกมา
ลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบทิศที่เฝ้ามองอยู่ แต่ละคนหันไปมองทันที
“เตาแรกก็สำเร็จเลย!”
“หานเจี้ยนเย่คนนี้ มีเอกลักษณ์ด้านการหลอมยาที่ไม่เหมือนใครเลย!”
บนใบหน้าหานเจี้ยนเย่เผยความฮึกเหิม มองปราดไปยังผู้ทดสอบคนอื่นๆ รอบด้านอย่างลำพองใจหนึ่งที โดยเฉพาะตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน พบว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงศึกษาตำรับยา นัยน์ตาก็เผยแววดูหมิ่น ก้มหน้าลงหยิบพืชหญ้าส่วนที่สองออกมาแล้วทำการหลอมยาอีกครั้ง
สีหน้าพวกตู้หลิงเฟยไม่น่ามองเท่าไหร่นัก ต่างพากันกัดฟัน หลอมยาใหม่อีกรอบ
เวลาผันผ่าน ขณะที่ชั่วยามที่สองหมดลง ยาวิเศษเตาที่สองของทุกคนทยอยกันออกจากเตา เสียงกัมปนาทอื้ออึงดังออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้…ทุกคน ไม่มีใครสำเร็จสักคน ล้มเหลวกันหมด
และในเวลานี้เอง ในที่สุดป๋ายเสี่ยวฉุนก็วางแผ่นหยกลง ในสมองของเขาเข้าใจตำรับยาของธูปโม่หลิงอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะเริ่มหลอมยานั้น แต่ละคนกลับตะลึงพรึงเพริด เมื่อพบว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหยิบพืชวิเศษต้นหนึ่งออกมา ทำการศึกษาอยู่ตรงนั้นอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง ตั้งใจอย่างถึงขีดสุด
“ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังทำอะไรน่ะ? เขาศึกษาตำรับยาสองชั่วยามก็ยังพอว่า พืชหญ้านี้มีอะไรให้ต้องศึกษากัน?”
“ต่อให้เป็นแค่การตรวจสอบก็ไม่น่าจะช้าขนาดนี้นะ…”
ท่ามกลางความไม่เข้าใจของทุกคน ชั่วยามที่สามก็มาถึง คราวนี้ผู้ทดสอบทั้งสิบแปดคนนั้นพากันล้มเหลวทั้งหมดอีกครั้ง ชั่วยามที่สี่ตามมา เมื่อชั่วยามที่ห้าสิ้นสุดลง มีสี่คนหลอมธูปโม่หลิงออกมาได้สำเร็จ ตู้หลิงเฟย เฉินจื่ออ๋าง จ้าวอี้ตัวล้วนอยู่ในนั้น หลอมธูปโม่หลิงก้อนแรกออกมาได้สำเร็จ
จากกลิ่นหอมที่กระจายออกมา หานเจี้ยนเย่ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ เขาเป็นคนแรกที่หลอมธูปโม่หลิงได้สำเร็จเป็นก้อนที่สอง ในเวลานี้มองไปรอบด้าน สีหน้าก็ยิ่งลำพอง สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็ยิ่งดูแคลนเหยียดหยาม
และในเวลานี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังศึกษาพืชหญ้าชนิดที่สี่ แถมยังฉีกออกมาเป็นเส้นเล็กๆ เพื่อทำการสังเกตด้วย ไม่เพียงทุกคนที่อยู่ทั่วบริเวณเท่านั้นที่สงสัย แม้แต่ผู้เฒ่าสวีเองก็ยังมองเขาอยู่หลายที
เวลาโบยบินผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ชั่วยามที่หกใกล้เข้ามา ยาวิเศษเตาที่หกนี้ คนอื่นๆ ล้วนล้มเหลวทั้งหมด มีเพียงหานเจี้ยนเย่คนเดียวเท่านั้นที่ทำสำเร็จ
ในเวลานี้ คนรอบทิศฮือฮากันขึ้นมา แม้แต่ผู้เฒ่าสวีเองก็ยังพยักหน้าน้อยๆ
“หานเจี้ยนเย่คนนี้หลอมออกมาได้สามก้อน คนอื่นยังได้แค่ก้อนเดียวอยู่เลย!”
“การทดสอบที่ผ่านๆ มา อัตราความสำเร็จคือสองส่วนผ่านเกณฑ์ หานเจี้ยนเย่คนนี้ยังเหลือให้หลอมได้อีกหลายครั้ง ขอแค่ทำสำเร็จอีกก้อนเดียวก็กลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ!”
ขณะที่ทุกคนรอบด้านกำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้น ดวงตาหานเจี้ยนเย่เผยความมาดมั่นอันดุเดือด เขาพึมพำเสียงเบา
“ธูปโม่หลิงก้อนที่สี่ ข้าต้องหลอมออกมาให้ได้ กลายเป็นลูกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ คว้าที่หนึ่งมาครอง!” เขาสะบัดปลายเสื้อแขนยาวหนึ่งครั้ง จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม เริ่มหลอมเตาที่เจ็ด
สีหน้าตู้หลิงเฟยเขียวคล้ำ กัดฟันแรงๆ หนึ่งครั้ง เริ่มหลอมเตาที่เจ็ดพร้อมกับคนอื่นๆ
ชั่วพริบตาที่ชั่วยามที่เจ็ดสิ้นสุดลง นัยน์ตาตู้หลิงเฟยเผยความปลาบปลื้ม ในเตาหลอมด้านหน้านางมีกลิ่นหอมของยาลอยกำจายออกมา ตามมาด้วยควันดำจากยาเสียของคนไม่น้อยที่อยู่ข้างกายลอยขึ้นมา เตาที่เจ็ดนี้ มีเพียงนางผู้เดียวที่ทำสำเร็จ!
“ผ่านเกณฑ์แล้ว ข้าเลื่อนขั้นได้แล้ว แต่แค่ผ่านเกณฑ์ยังไม่พอ!” ตู้หลิงเฟยข่มกลั้นความตื่นเต้น สูดลมหายใจเข้าลึก หลอมยาอีกครั้งท่ามกลางใบหน้าเขียวคล้ำของหานเจี้ยนเย่
ชั่วยามที่แปดพริบตาเดียวก็ผ่านไป ครั้งนี้ขณะที่เสียงกึกก้องดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนล้วนล้มเหลว…อีกครั้ง
จนถึงตอนนี้ สิบเก้าคนที่เข้าร่วมการทดสอบเลื่อนขั้น หานเจี้ยนเย่ทำสำเร็จสามครั้ง ตู้หลิงเฟยทำสำเร็จสองครั้ง เฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัวทำสำเร็จหนึ่งครั้ง คนที่เหลือ…ล้วนทำไม่สำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนฝั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน ในเวลานี้กำลังศึกษาพืชหญ้าต้นสุดท้าย
“การทดสอบครั้งนี้ ยากมากเหลือเกิน…”
ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่เฝ้ามองอยู่รอบด้านก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดเช่นกัน ดูเหมือนว่าด้านหน้าของผู้เข้าทดสอบทุกคน ตอนนี้เหลือวัตถุดิบอยู่เพียงแค่สองชุด นอกจากตู้หลิงเฟยและหานเจี้ยนเย่ที่ผ่านเกณฑ์อย่างมั่นคงแล้ว เฉินจื่ออ๋างรวมไปถึงจ้าวอี้ตัว หากสองครั้งที่เหลือล้วนทำไม่สำเร็จ ถ้าเช่นนั้นก็จะพ่ายแพ้ไปในการทดสอบครั้งนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาสี่คน สิบกว่าคนที่เหลือก็ยิ่งกังวลเจ็บปวด เพราะที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นมีเพียงโอกาสครั้งเดียวแล้ว หากครั้งที่เก้ายังคงล้มเหลว ก็ไม่จำเป็นต้องหลอมครั้งที่สิบอีก ผู้เฒ่าสวีย่อมไม่มีทางให้พวกเขานำพืชหญ้ามาใช้อย่างสิ้นเปลืองอยู่แล้ว
หากเตาที่เก้าล้มเหลว การทดสอบก็…ล้มเหลว!
ท่ามกลางความตึงเครียดและกังวลใจของทุกคน พวกเขาแต่ละคนล้วนใช้สมาธิทั้งหมดที่มีเริ่มหลอมเตาที่เก้า… ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนใด ทุกคนต่างเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง ผู้ที่ผ่านเกณฑ์หวังว่าจะได้ผลคะแนนที่ดียิ่งกว่าเดิม ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็คิดอยากที่จะพยายามให้เต็มที่อีกสักครั้ง
มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุน…นั่งอยู่ตรงนั้นถือพืชหญ้าต้นสุดท้ายในมือ เหมือนว่าเจอกับปัญหายุ่งยากอะไรบางอย่าง เขาขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดอย่างหนัก ตอนนี้เขา…ถูกทุกคนเมินไปเสียสิ้นแล้ว
ชั่วยามที่เก้าดูเหมือนว่าจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนกำลังรอคอย ทันทีที่ชั่วยามที่เก้าสิ้นสุดลง เสียงดังสนั่นดังออกมา ลูกศิษย์คนหนึ่งที่ไม่เคยทำสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่ม สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวในพริบตา ฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวดหนึ่งครั้งก็ลุกขึ้นยืน คารวะบอกลาผู้เฒ่าสวี จากไปอย่างมืดมน
คนรอบด้านเงียบสนิท จากนั้นเสียงดังเลื่อนลั่นก็ทยอยดังไล่เลี่ยกันออกมา ลูกศิษย์คนหนึ่งลุกขึ้นยืนเงียบๆ ออกไปจากลานกว้าง สุดท้ายที่เหลืออยู่บนลานกว้าง มีเพียงเตาหลอมของคนหกคนที่กำลังหลอมยาอยู่
ไม่นานนัก เตาหลอมของหกคนนี้ก็ส่งเสียงกัมปนาทดังออกมาอีกครั้ง มีเพียงเตาหลอมเดียวที่กำจายกลิ่นหอมของยาออกมา ซึ่งก็คือเตาหลอมของจ้าวอี้ตัว
จ้าวอี้ตัวกำหมัดแน่น ลมหายใจถี่กระชั้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำไปหมด ยามนี้ใจของเขาเต้นระรัวอย่างถึงขีดสุด ในที่สุดเขาก็สามารถทำตามเงื่อนไขของการทดสอบได้สำเร็จ ทำสำเร็จสองครั้ง ผ่านเกณฑ์แล้ว!
มีคนดีใจมีคนเสียใจ ในห้าคนที่ล้มเหลว ลูกศิษย์สองคนที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยทำสำเร็จฝืนยิ้มอย่างเจ็บปวด ถอนหายใจเบาหนึ่งครั้งแล้วลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากลานกว้าง
เฉินจื่ออ๋างรู้สึกถูกกระตุ้นไปทั่วทั้งกาย เขาจ้องจ้าวอี้ตัวเขม็ง หายใจถี่กระชั้นท่ามกลางความเจ็บปวดในหัวใจ ดึงสายตากลับมามองวัตถุดิบชุดสุดท้ายที่อยู่ข้างหน้า ดวงตาแดงก่ำ
ตู้หลิงเฟยขมวดคิ้ว หลับตาครุ่นคิด หานเจี้ยนเย่ความกดดันน้อยที่สุด แต่ก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่ทำสำเร็จสามครั้งเท่านั้น เขาต้องการเจาะทะลุกลายไปเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ
“เตาสุดท้าย!” คนรอบด้านพากันสูดหายใจ มองภาพเหล่านี้บนลานกว้าง เวลานี้ผู้ที่อยู่บนลานกว้างมีเหลือเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น หานเจี้ยนเย่ ตู้หลิงเฟย จ้าวอี้ตัว เฉินจื่ออ๋าง และยังมีอีกคนหนึ่งคือ…ป๋ายเสี่ยวฉุน
สามคนแรกผ่านเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว เฉินจื่ออ๋างเหลือโอกาสเพียงครั้งเดียว ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุน…ทุกคนปรายตามองแค่แวบเดียวก็เมินเขาไปอีกครั้ง พวกเขาถึงขั้นสงสัยว่าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาครั้งนี้ แค่ศึกษาตำรับยาและพืชหญ้าก็ใช้เวลาไปตั้งเก้าชั่วยาม แถมเก้าชั่วยามก็ยังศึกษาไม่เสร็จสิ้นอีก…คงจะมาเพื่อประสมโรงเอาสนุกเท่านั้นกระมัง?
พวกตู้หลิงเฟยสี่คนที่อยู่บนลานกว้างพกพาความตั้งใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ละคนล้วนเริ่มหลอมยาวิเศษเตาที่เก้าอย่างเอาจริงเอาจังกันอย่างยิ่ง ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น ชั่วยามที่สิบผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง เตาหลอมยาที่อยู่ด้านหน้าจ้าวอี้ตัวมีควันสีดำลอยขึ้นมา เขาถอนหายใจ แม้ว่าจะล้มแล้ว แต่ยังไงก็ผ่านเกณฑ์แล้ว
แต่ชั่วขณะที่จ้าวอี้ตัวล้มเหลว เตาหลอมด้านหน้าเฉินจื่ออ๋างมีกลิ่นหอมของยาปรากฏขึ้น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เตาหลอมของตู้หลิงเฟย และเตาหลอมของหานเจี้ยนเย่เองก็ล้วนปรากฏกลิ่นหอมของยาด้วยเช่นเดียวกัน!
กลิ่นยาลอยคลุ้งไปทั่วในพริบตา สีหน้าของคนทั้งสามเผยความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง ทั้งหมดทำสำเร็จ!
“ข้าทำสำเร็จแล้ว ธูปโม่หลิงสี่ก้อน ข้าคือที่หนึ่ง!!” หานเจี้ยนเย่ลุกขึ้นพรวด เสียงหัวเราะแฝงด้วยความฮึกเหิมดังก้องไปแปดทิศ ตู้หลิงเฟยเองก็ผ่อนลมหายใจหนึ่งที แม้ว่าจะไม่ได้เป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ แต่ทำสำเร็จสามครั้งก็ถือว่าน่าตะลึงแล้ว
เฉินจื่ออ๋างถึงขั้นรู้สึกเหมือนตายแล้วฟื้น หัวเราะเสียงดังเช่นเดียวกัน
ในเวลานี้ ความกดดันที่คนรอบด้านอัดอั้นกันมาตลอดหนึ่งชั่วยามก็ระเบิดตามออกมาด้วย
“การทดสอบครั้งนี้ยากมากเลย ใต้ความยากระดับนี้ หานเจี้ยนเย่คนนั้นสามารถทำสำเร็จได้ตั้งสี่ครั้ง คนๆ นี้สามารถเรียกว่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจได้อย่างแท้จริง!”
“ตู้หลิงเฟยสามครั้ง เฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัวสองครั้ง…แต่ก็ล้วนสอดคล้องกับเงื่อนไขของการเลื่อนขั้น หากไม่ใช่เพราะการทดสอบครั้งนี้เพิ่มระดับความยากขึ้น คาดว่าสามคนนี้ก็คงสามารถทำสำเร็จได้สี่ครั้งเหมือนกัน!”
ทุกคนล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ และก็มีสหายของพวกตู้หลิงเฟยคอยส่งเสียงไชโยโห่ร้องอยู่ด้านข้าง ผู้เฒ่าสวีเองก็พยักหน้าน้อยๆ โดยเฉพาะตอนที่มองไปยังหานเจี้ยนเย่ นัยน์ตาเผยความชื่นชม แต่ขณะที่เขากำลังจะประกาศผล ทันใดนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็ขยับตัวขึ้นมา
———