Skip to content

A Will Eternal 44

บทที่ 44 ฟ้าสว่างหมดแล้ว

เขาศึกษาพืชหญ้าต้นสุดท้ายเสร็จ แก้ปัญหาที่ยากที่สุดข้อหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ให้ความสนใจเสียงไชโยโห่ร้องของคนรอบกาย นับตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่เขาหยิบตำรับยาแผ่นหยกนั้นขึ้นมา ก็จมจ่อมอยู่ในวิถียา ตกอยู่ในสภาพลืมสิ้นแม้กระทั่งตัวเอง

นอกเสียจากจะมีฟ้าผ่าอย่างบ้าคลั่งแล้ว มิเช่นนั้นเสียงจอแจด้านนอกใดๆ ล้วนไม่สามารถทำให้เขาเสียสมาธิไปได้แม้เพียงนิด และก็ไม่ได้ให้ความสนใจด้วยว่าคนอื่นล้วนหลอมยากันเสร็จหมดแล้ว

การขยับตัวของเขาครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของคนรอบด้านได้ทันที รวมไปถึงสวีเป่าไฉด้วย แต่ละคนล้วนมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าเหยเก ต่างพากันรู้สึกว่าแนวคิดด้านเวลาของป๋ายเสี่ยวฉุนช่างแตกต่างไปจากทุกคนอย่างสิ้นเชิง

“ป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้เชื่องช้ายิ่งนัก ทุกคนหลอมกันเสร็จหมดแล้ว เขาเพิ่งจะเริ่ม การทดสอบครั้งนี้น่าจะสิ้นสุดลงแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“หืม? เหมือนข้าจะไม่เคยได้ยินว่า…การทดสอบเลื่อนขั้นศิษย์โอสถมีการจำกัดเวลานะ…” และในขณะที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคสุดท้าย ทำให้ทุกคนอึ้งกันไปทันที มองไปยังผู้เฒ่าสวี

ผู้เฒ่าสวีลังเล การทดสอบเลื่อนขั้นศิษย์โอสถไม่มีการจำกัดเวลาจริงเสียด้วย ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ตรงนั้น มองป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมยา

หานเจี้ยนเย่ไม่มีความกดดันแม้แต่นิด ยิ้มบางๆ นัยน์ตามีความดูหมิ่นวาบผ่าน เดิมทีเขายังคิดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นศัตรูตัวร้าย แต่หลังจากทดสอบครั้งนี้ผ่านไป เขาไม่เชื่อเลยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะสามารถเหนือกว่าตนเองได้

ตู้หลิงเฟยขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะมองป๋ายเสี่ยวฉุนยังไงก็ให้รู้สึกขัดหูขัดตานัก

การเคลื่อนไหวของป๋ายเสี่ยวฉุนรวดเร็วราวกับบิน ดวงตาเปล่งประกาย ทั้งโลกใบนี้เหลือแค่เพียงเตาหลอมยาที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น พืชหญ้าแต่ละต้นที่อยู่ในมือเขาถูกนำมาแปลงรูปอย่างว่องไว หากไม่ได้บีบให้กลายเป็นน้ำ ก็บดให้ละเอียดเป็นผง หลังจากทั้งหมดเข้าไปอยู่ในเตาหลอมยาแล้ว มือขวาเขาทำท่ามุทราชี้ไปยังเตาหลอมหนึ่งที ฟืนที่อยู่ล่างเตาก็ติดไฟพรึ่บ

หนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นกลิ่นหอมของยาอันเข้มข้นลอยกระจายออกมาจากในเตาหลอมยา มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าไปจับกลางอากาศ ทันใดนั้นธูปโม่หลิงขนาดสี่ชุ่นก้อนหนึ่งก็ลอยออกมา เขาคว้าจับเอาไว้ในมือแล้วมองดู มองไปมองมา คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่น

เวลานี้ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณล้วนมีสีหน้าแข็งค้าง ทางด้านผู้เฒ่าสวีก็มีประกายแสงเต้นระริกอยู่ในดวงตา แต่ขณะที่ทุกคนรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มหลอมเตาที่สอง กลับค่อยๆ พบว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถือธูปโม่หลิงก้อนนั้นเอาไว้ในมือ แล้วดัน…ศึกษาขึ้นมาอีกครั้ง

“เขาคิดจะทำอะไรน่ะ??”

“ในเมื่อทำสำเร็จแล้ว ทำไมไม่หลอมเตาที่สองเล่า” แต่ละคนที่อยู่โดยรอบล้วนงงงัน

ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้มองธูปโม่หลิงที่อยู่ในมือ ในใจรู้สึกไม่พอใจ แม้จะทำสำเร็จ แต่จากการคาดการณ์ของเขามันควรจะมีขนาดเจ็ดชุ่นสิถึงจะถูก

“เกิดปัญหาตรงจุดไหนกันนะ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำขึ้นมา พอเริ่มครุ่นคิดทีหนึ่ง…ก็ผ่านไปสามชั่วยาม

ขณะที่คนรอบด้านหมดสิ้นแล้วซึ่งความอดทน ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปล่งประกาย หยิบพืชหญ้าออกมาทำการหลอมอีกครั้ง ทุกคนพากันจิตใจสั่นไหว มองไปอีกครั้ง

และยังคงผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม กลิ่นยาที่เข้มข้นยิ่งกว่าเมื่อครู่กำจายแผ่กว้างออกมา ในเตาหลอมยาปรากฏธูปโม่หลิงขนาดห้าชุ่นหนึ่งก้อน

ตู้หลิงเฟยหน้าเปลี่ยนสี เฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัวก็พากันตกตะลึง ดวงตาหานเจี้ยนเย่วาบประกาย มองดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจกลับเครียดขึ้นมาแล้ว

ที่พวกเขาตื่นเต้นไม่ใช่เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนทำสำเร็จสองครั้ง แต่เป็น…ทำสำเร็จติดต่อกัน!

ขณะที่ทุกคนพากันตะลึงงันอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งที พืชหญ้าชุดที่สามลอยออกมา นัยน์ตาจริงจังหนักแน่น เริ่มหลอมเตาที่สาม ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่รอบด้านเหล่านั้น แต่ละคนพลันมองอย่างจดจ้องตั้งใจ

หลังจากหนึ่งชั่วยามแห่งความเงียบงันผ่านไป ทันใดนั้นเตาหลอมยาสั่นไหวอย่างรุนแรง กลิ่นหอมของยาที่มีพลังยิ่งใหญ่กว่าเมื่อครู่ซึ่งซัดโหมเป็นระลอกอยู่ในเตาแพร่กระจายออกมาทันทีทันใด ในเตาหลอม ธูปโม่หลิงขนาดหกชุ่นหนึ่งก้อนปรากฏพรวดออกมา!

“ติดต่อกันสามครั้ง นี่…นี่เป็นไปได้ยังไง!!”

“ป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้ เขาทำได้ยังไง หรือว่าเมื่อก่อนเขาเคยหลอมธูปโม่หลิงมาก่อน!” คนรอบด้านส่งเสียงร้องอื้ออึงด้วยความตกตะลึง การทำสำเร็จติดต่อกันเช่นนี้ สำหรับทุกคนแล้วเป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงมาก่อน

ตู้หลิงเฟยสูดหายใจถี่กระชั้น จ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่โหมซัดขึ้นมาเช่นเดียวกัน เฉินจื่ออ๋างและจ้าวอี้ตัวล้วนมองเซ่ออยู่ตรงนั้น

“ติดต่อกันสามครั้ง…เขาต้องคุ้นเคยกับธูปโม่หลิงมากแน่ๆ อีกทั้งยังมีโชคอย่างถึงที่สุด ครั้งหน้าเขาต้องล้มเหลวแน่นอน!” หมัดของหานเจี้ยนเย่กำเข้าหากันแน่น เส้นเลือดฝอยปรากฏอยู่ในดวงตา

ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มหลอมเตาที่สี่อยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับหยิบธูปโม่หลิงหกชุ่นที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา ขมวดคิ้วอีกครั้ง เท้าคางครุ่นคิด

รอครั้งนี้…นานห้าชั่วยาม

หากเปลี่ยนเป็นช่วงแรกสุด ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้คงแยกย้ายกันไปแล้วเกินครึ่ง ไม่มีทางรออย่างแน่นอน แต่พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนทำสำเร็จติดต่อกันสามครั้ง ขอแค่ครั้งที่สี่ทำสำเร็จอีกครั้ง ก็จะอยู่เหนือคนอื่นๆ ในทันที บรรลุถึงระดับของหานเจี้ยนเย่ ใจพวกเขาอยากรู้อยากเห็น จึงทำได้เพียงแค่รอต่อไป

“ป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้อืดอาดจริงๆ แค่ยาวิเศษขั้นหนึ่ง ทำไมเขาถึงได้ใช้เวลาคิดนานขนาดนี้!”

โดยเฉพาะตู้หลิงเฟยและหานเจี้ยนเย่ที่ยิ่งจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง ไม่ยอมจากไป

และในเวลานี้เอง ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งประกาย ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง มือทั้งสองยกขึ้นสะบัด พืชหญ้าลอยออกมา เริ่มหลอมเตาที่สี่ เวลานี้จิตใจของทุกคนที่อยู่รอบด้านสะท้านไหว พากันมองไปอย่างพร้อมเพรียง

หนึ่งชั่วยามต่อมา เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ไม่ใช่เสียงแห่งความล้มเหลว แต่เป็นเพราะกลิ่นหอมของยามีมากเกินไป เมื่ออบอวลอยู่เต็มเตาหลอมจึงแผ่กระจายออกมากลายเป็นเสียงดังสนั่น พริบตาเดียวกลิ่นหอมของยาที่เข้มข้นมากกว่าเดิมก็กำจายออกไปทั่วทิศ ในเตาหลอมธูปโม่หลิงขนาดเจ็ดชุ่นปรากฏพรวดออกมา!

เตาที่สี่ สำเร็จอีกครั้ง!

ผู้คนทั่วทิศฮือฮากันขึ้นมาโดยพลัน

“ติดต่อกันสี่ครั้ง!”

“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ด้วยหรือนี่…สุดท้ายแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้จะทำได้สำเร็จกี่ครั้งกันแน่!”

“สองครั้งผ่านเกณฑ์ สี่ครั้งศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ ข้าจำได้ว่าโจวซินฉี ศิษย์พี่หญิงโจว ตอนนั้นที่เลื่อนขั้นนางทำได้เจ็ดครั้ง!” ขณะที่ทุกคนพากันส่งเสียงอย่างตกตะลึง สีหน้าตู้หลิงเฟยบิดเบี้ยวน่าเกลียด แม้นางจะรู้ว่าความรู้ลึกซึ้งด้านพืชหญ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเหนือล้ำกว่าตนเองอยู่มาก แต่ในเวลานี้หลังจากที่เห็นว่าแม้แต่ในด้านการหลอมยา อีกฝ่ายก็ยังเป็นอุปสรรคใหญ่ขวางกั้นตนเองได้ถึงเพียงนี้ ในใจของนางก็สับสนอย่างหนัก

ส่วนหานเจี้ยนเย่ ในเวลานี้กัดปากเค้นฟันกำหมัดแน่น แม้แต่ตัวก็ยังสั่น เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่ภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่อาจทำให้เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้

“สี่ครั้ง สี่ครั้งก็คือขีดจำกัดของเขาแล้ว รอบหลังเขาต้องล้มเหลวหมดอย่างแน่นอน!”

ขณะที่ทุกคนสะท้านสะเทือน รอคอยให้อัตราการทำสำเร็จของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มขึ้นอย่างเข้มข้นนั้น พวกเขาก็ค้นพบอย่างหน่ายใจว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนยังจะหยิบธูปโม่หลิงขึ้นมาเริ่มใคร่ครวญอีกครั้ง

“เจ้าหมอนี่ศึกษาอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย!” แม้จะหน่ายใจ แต่ยามนี้ทุกคนที่อยู่โดยรอบก็ไม่อาจจากไปได้ แต่ละคนทำได้เพียงมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน วาดหวังว่าครั้งนี้เขาจะใช้เวลาศึกษาน้อยลงมาหน่อย

เวลาผันผ่าน แปดชั่วยามผ่านไป ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขามีเส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อครู่ตอนที่หลอมยาครั้งที่สี่ ทุกคนไม่รู้ แต่เขารู้ดี อีกนิดเดียวก็เกือบจะล้มเหลวเสียแล้ว

“ธูปโม่หลิงนี่หลอมยากกว่ายาวิเศษที่ข้าหลอมมาก่อนหน้านั้นเยอะเลย” นิสัยป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนชอบความมั่นคง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความละเอียดรอบคอบ ย้อนคิดถึงภาพแต่ละภาพของการหลอมยาก่อนหน้านั้นอย่างละเอียด หาต้นตอของปัญหา จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าไม่มีช่องโหว่ใดๆ อีก จึงได้เริ่มหลอมเตาที่ห้า

ส่วนคำพูดของคนรอบด้าน เขาก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย พอเริ่มหลอมยา ความมุ่งมั่นของเขามีมากกว่าที่คิด ต่อให้คนนอกจะพูดมากสักแค่ไหน หากเขาไม่มั่นใจก็จะไม่มีทางหลอมยาง่ายๆ เด็ดขาด

ในเวลานี้พอเตาที่ห้าเริ่มทำการหลอม ผู้คนรอบด้านที่อดหลับอดนอนตั้งแต่ต้นมาจนถึงตอนนี้ล้วนเหนื่อยเปลี้ยเต็มทน แต่ละคนแข็งใจทน พากันมองไป

ไม่นาน เสียงกัมปนาทดังก้อง กลิ่นหอมของยาพลันแผ่กระจายไปทั่วด้าน เพียงแค่ได้กลิ่นหอม ทุกคนก็หัวใจกระเด้งกระดอน!

เตาที่ห้า สำเร็จ!

หานเจี้ยนเย่นั่งเซ่ออยู่ตรงนั้น ความขมฝาดพุ่งขึ้นสูงในใจไร้ที่สิ้นสุด เนิ่นนานถึงได้ถอนหายใจยาวหนึ่งที นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

คราวนี้ไม่ได้ให้ทุกคนรอคอยนานนัก ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เริ่มหลอมเตาที่หกต่อ

ไม่นานนัก เสียงกัมปนาทปรากฏขึ้นอีกครั้ง กลิ่นหอมยิ่งกระจายออกมาอย่างรุนแรง เตาที่หก สำเร็จ!

ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งวาบ ไม่ได้หยุดพัก เขาหยิบเอาพืชหญ้าออกมาเริ่มหลอมเตาที่เจ็ด แต่ชั่วขณะที่เตาที่เจ็ดใกล้จะหลอมเสร็จสิ้นนั้น พลันมีกลิ่นไหม้จางๆ ลอยออกมา แม้ว่าจะน้อยมาก มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียวที่ได้กลิ่น แต่กลับทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสะดุดกึก

มือขวาเขาทำมุทราชี้ไป ทันใดนั้นไฟก็ลดระดับอุณหภูมิลง สุดท้ายพอกล้อมแกล้มจนเสร็จสิ้นไป เตาที่เจ็ด สำเร็จอีกครั้ง!

เพียงแต่ธูปโม่หลิงที่ปรากฏมีขนาดแค่สามชุ่นเท่านั้น อีกทั้งสารเจือปนยังเยอะมากด้วย อีกนิดเดียวก็จะตกไปอยู่ระดับล่าง กลายเป็นธูปพิษเสียแล้ว แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับสายตาของทุกคนก็ยังถือว่าเป็นความสำเร็จ!

มาถึงเวลานี้ จิตใจของคนรอบด้านถูกปลุกเร้าขึ้นมาอย่างเต็มที่ แต่ละคนสูดลมหายใจถี่กระชั้น โดยเฉพาะสวีเป่าไฉที่นัยน์ตายิ่งเผยความไม่อยากเชื่อออกมา

“สำเร็จเจ็ดครั้ง…สวรรค์ ป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้ทำได้ถึงเจ็ดครั้งจริงๆ ด้วย!”

“เหมือนศิษย์พี่หญิงโจวซินฉีเลย! ข้าจำได้ว่าดูเหมือนในตำนานเล่าว่าปีนั้นมีศิษย์พี่ที่ชื่อว่าหวังชิงซานคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ถึงแปดครั้ง คนผู้นี้ปัจจุบันคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่ตำแหน่งสูงส่งอยู่เหนือมวลชนไปแล้ว!!”

“ส่วนเก้าครั้ง…ยังไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน!”

ขณะที่ทุกคนกำลังฮือฮาอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงันลงไป จ้องไปที่เตาหลอม ดวงตาทั้งคู่ของเขาค่อยๆ มีเส้นเลือดฝอยปรากฏออกมา เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับการทดสอบนานแล้ว แต่จมดิ่งอยู่ในการหลอมยา สำหรับเมื่อครู่ที่เกือบจะล้มเหลวนั้น เขาครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง จึงหยิบเอาพืชหญ้าออกมาสำรวจอีกครั้ง ค่อยๆ หาสาเหตุ

“พืชวิเศษที่เรียกว่าผลน้ำหมึกประเภทนี้ หมึกที่อยู่ในแต่ละผลล้วนมีความแตกต่างกันเล็กน้อย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องผลน้ำหมึกในมือตัวเอง ในสมองวิเคราะห์และอนุมานไม่หยุด

เวลาค่อยๆ ผ่านไป แต่ละคนที่อยู่รอบด้านมองท่าทางคิดหนักของป๋ายเสี่ยวฉุน ล้วนยิ้มเจื่อนกันขึ้นมา แม้จะตื่นเต้น แต่การครุ่นคิดเวลาหลอมยาทุกครั้งก่อนหน้านี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน ช่างเชื่องช้าเสียจนทำให้คนโกรธเดือดดาลยิ่งนัก

เมื่อไม่ยอมจากไปทั้งอย่างนี้ ลูกศิษย์ฝ่ายนอกแต่ละคนที่อยู่รอบด้านก็ถือโอกาสนั่งขัดสมาธิกันตรงนี้มันเสียเลย รอคอยป๋ายเสี่ยวฉุน ยังมีบางคนที่อ่อนเพลียเต็มที จึงนั่งพิงข้างๆ ก้อนหิน หลับไปทั้งอย่างนั้น

สีหน้าผู้เฒ่าสวีเหยเก กระแอมไอหนึ่งทีก็นั่งลงไปด้วยเช่นกัน

ตู้หลิงเฟยและหานเจี้ยนเย่ แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมจากไป แต่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนทรมานเสียจนเหนื่อยไปทั้งกายทั้งใจ ดวงตาของคนทั้งคู่แดงก่ำ ยามนี้จึงจำต้องนั่งลงอย่างเสียมิได้

รอบด้านค่อยๆ เงียบสงบลง ไม่นานนักยังถึงขั้นมีเสียงกรนลอยออกมาให้ได้ยิน แต่ก็ยังมีคนบางส่วนอดตาหลับขับตานอน นั่งมองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่อย่างนั้น สวีเป่าไฉก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

หลายชั่วยามผ่านไป มีคนตื่นขึ้นมาแล้ว พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงครุ่นคิดอยู่ก็อดที่จะปลงอนิจจังขึ้นมาไม่ได้

“นี่เขายังศึกษาอยู่อีกเรอะ?”

“ฟ้าสว่างไปหลายตลบแล้ว…”

ในที่สุด สิบกว่าชั่วยามผ่านไป ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เงยหน้าพรวดขึ้นมา

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version