Skip to content

A Will Eternal 45

บทที่ 45 เอาเจ้าตายไม่ยาก!

ป๋ายเสี่ยวฉุนลมหายใจถี่กระชั้น เขาลืมสิ้นตัวเองไปนานแล้ว ไม่ได้สนใจว่าตัวเองทำสำเร็จไปแล้วกี่ครั้ง และไม่ได้สนใจผลลัพธ์จากการทดสอบในครั้งนี้ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย สิ่งที่คิดเพียงอย่างเดียวในเวลานี้ นั่นก็คือจะทำอย่างไรให้การเริ่มหลอมยาครั้งต่อไปของตนเองสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่

ไม่มั่นใจ ไม่มีทางเริ่มหลอมเด็ดขาด!

นิสัยชื่นชอบความมั่นคงของเขา สำแดงออกมาอย่างถึงขีดสุดในด้านการหลอมยา

แต่ครุ่นคิดมาถึงตอนนี้ เขาพบว่าไม่ว่าตัวเองจะคิดหาวิธีอย่างไรก็ล้วนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นอกเสียจากว่าสามารถกำหนดสารหมึกที่อยู่ในผลหมึกวิเศษได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตำรับยา แต่ก็เป็นการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยอย่างหนึ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงันไปชั่วครู่ ดวงตาก็เผยความเด็ดเดี่ยว

‘ทำได้เพียงข้ามตำรับยา ปรับสูตรไปตามที่จำเป็นเท่านั้นแล้วล่ะ!’ เขาบีบเค้นผลหมึกวิเศษในมือจนแหลกละเอียด

เสียงกร๊อบดังขึ้นหนึ่งที ของเหลวปริมาณเหลือคณานับไหลรินลงมาก ไม่ได้หล่นร่วงลงไปในเตาหลอม แต่กลับเกาะตัวแข็งค้างอยู่กลางอากาศ หลอมรวมเข้าด้วยกันไม่หยุด อิงตามระดับความเข้มข้นที่ต้องการภายใต้การควบคุมของป๋ายเสี่ยวฉุน

ภาพนี้คนอื่นมองแล้วไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่แปลกใจ แม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่รู้สึกแปลกตรงไหน เขาเพียงแค่รู้สึกว่าทำเช่นนี้ถึงจะมั่นคง ดังนั้นจึงทำ

แต่ผู้เฒ่าสวีกลับเบิกตากว้าง ส่วนลึกในดวงตาเผยความตื่นตะลึงออกมาเป็นครั้งแรก ต้องเข้าใจว่าต่อให้ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนทำสำเร็จถึงเจ็ดครั้ง เขาเองก็แค่แปลกใจเท่านั้น แต่ที่เห็นอยู่ตอนนี้ ความตื่นตะลึงประเภทนี้มีมากกว่าก่อนหน้านี้เยอะนัก

‘ป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้ เขาถึงขั้นลองปรับตำรับยาเชียวหรือ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา มิน่าล่ะเมื่อเดือนก่อน ก่อนที่ท่านผู้นำจะออกไปข้างนอกถึงได้ให้ข้าจับตามองเด็กคนนี้เป็นพิเศษ!’ ผู้เฒ่าสวีครุ่นคิด

ผ่านไปชั่วครู่ พลันมือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็โบกสะบัด หลังจากขจัดสารหมึกที่เกินความจำเป็นออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ส่วนขนาดเท่าปลายเล็บมือก็โยนเข้าไปในเตาหลอม จากนั้นถึงได้หยิบพืชวิเศษอื่นๆ ออกมาใส่ลงไปทีละอย่าง เริ่มหลอมเตาที่แปด!

เตาหลอมยาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม แค่ประมาณสองก้านธูปเท่านั้น เตาหลอมยาก็สั่นไปตลอดทั้งเตา กลิ่นหอมของยาพลันแผ่ซ่านออกมา เตาที่แปด สำเร็จ!

ผู้เฒ่าสวีปราดมองไปในเตาหลอม ทันใดนั้นก็มองธูปโม่หลิงปรากฏพรวดอยู่ด้านในขนาดใหญ่ถึง…สิบชุ่น สีดำอมม่วง!

“เกือบจะเป็นของระดับกลาง!” ดวงตาผู้เฒ่าสวีเผยแววแปลกประหลาด

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็มองเห็นถึงความแตกต่างของธูปโม่หลิงในครั้งนี้ สีหน้าของเขาดูใจลอย พลันเข้าใจขึ้นมาทันใด ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ยาวิเศษทั้งหมดที่ตัวเองหลอมออกมาถึงเป็นของระดับล่าง

‘ตำรับยาไม่แน่นอนเสมอไป… ต้องหลอมยาตามความต้องการของตัวเอง ถึงจะสามารถหลอมออกมาได้เป็น…ยาวิเศษระดับกลางขึ้นไป!’ ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกกระจ่างแจ้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน จิตใจฮึกเหิมอย่างยิ่ง ยังไม่ทันรอให้คนรอบกายฮือฮาอีกครั้ง ระหว่างที่โบกมือก็เริ่มหลอมเตาที่เก้าทันที!

ในเวลานี้คนรอบด้านพากันหายใจถี่กระชั้น ทุกคนไม่มีใครพูดจา พวกเขาถูกทำให้สะท้านสะเทือนกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะคาดหวังเอาไว้บ้าง แต่หลังจากที่มองเห็นกับตาตัวเองว่าป๋ายเสี่ยวฉุนทำสำเร็จติดต่อกันถึงแปดครั้ง ทุกคนก็ล้วนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ไม่เพียงแต่อยู่เหนือโจวซินฉี ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถเทียบเคียงกับหวังชิงซาน ลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนปัจจุบันได้เลย!

ยังไม่ทันรอให้ทุกคนฟื้นคืนมาจากสภาพตะลึงอึ้งงัน ความเร็วในการหลอมยาครั้งนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนไวกว่าเดิมเข้าไปอีก ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเตาหลอมยาก็สะเทือนเลื่อนลั่น กลิ่นหอมไหลบ่าอย่างบ้าคลั่ง เตาที่เก้า…สำเร็จอีกครั้ง!

“เป็นประวัติการณ์!!”

“ไม่เคยมีใครทำได้ถึงเก้าครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือธูปโม่หลิง แม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะใช้เวลาครุ่นคิดยาวนานจนทำให้คนเดือดดาล แต่…แต่อัตราความสำเร็จของเขา ก็เขย่าขวัญทุกคนได้เช่นเดียวกัน!”

สมองสวีเป่าไฉดังหวึ่งๆ ไม่หยุด ตะลึงงันอ้าปากแข็งค้างอยู่นานแล้ว ตู้หลิงเฟยรู้สึกเพียงแค่ว่าในสมองมีคลื่นลูกใหญ่โหมซัดอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ทำให้อดนึกถึงภาพประลองเล็กครานั้นที่อีกฝ่ายตอบเรื่องการทาบกิ่งไม่ได้

ตรงกันข้ามกับหานเจี้ยนเย่ที่ผ่อนลมหายใจ แม้ความเจ็บปวดใจจะยังคงมี แต่กลับไม่หงุดหงิดแทบบ้าเหมือนก่อนหน้า หากป๋ายเสี่ยวฉุนทำได้ดีกว่าเขาแค่เล็กน้อย เขาคงยังเอาเรื่องไม่จบไม่สิ้น แต่ตอนนี้ เขายอมแล้ว…

“ยังเหลือครั้งสุดท้ายอีกหนึ่งครั้ง ศิษย์พี่ป๋ายได้สร้างประวัติการณ์ขึ้นมา เขาจะสามารถสร้าง…ปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้หรือไม่!”

“คราวนี้คุ้มแล้ว ต่อให้ต้องอดหลับอดนอนอยู่ที่นี่หลายวันก็คุ้มแล้ว!”

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ยามนี้ทุกสายตาล้วนมองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขาหายใจหอบหนัก ดวงตาเผยความคาดหวังอันรุนแรง แม้แต่ผู้เฒ่าสวีเองก็ยังมองตาไม่กะพริบ ความตื่นตะลึงในใจก็ยิ่งมีมากขึ้น

ไม่นานป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มขยับตัว สีหน้าของเขาเอาจริงเอาจังหนักแน่น หยิบวัตถุดิบชุดสุดท้ายออกมา หลังจากจัดการกับแต่ละชิ้นแล้วก็ใส่ลงไปโดยอิงตามเวลาและการจับคู่ที่แตกต่างกัน มือทั้งสองทำมุทรา เร่งไฟให้แรงขึ้น

เวลาผันผ่าน รอบด้านเงียบสนิท ถึงขั้นที่ว่าผู้คนล้วนได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจของตัวเองเต้น รออยู่ที่นี่จนหนึ่งก้านธูปผ่านไป…

เสียงกัมปนาทดังสะท้านสะเทือนขึ้นหนึ่งครั้ง พลันควันที่ไม่ได้เกิดตอนทำล้มเหลวก็ลอยออกมาจากในเตาหลอม แต่ก็ไม่มีกลิ่นหอมใดๆ กระจายออกมา ทำให้ทุกคนพากันเกิดความสงสัย

“ล้มเหลวแล้วเหรอ?” สวีเป่าไฉรู้สึกปากคอแห้งผาก

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็อึ้งไป ในใจเริ่มคาดเดาเรื่องบางอย่าง ทันใดดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายสดใสขึ้น

และในเวลานี้เอง ทุกคนรอบด้านเห็นได้ทันทีว่า ในเตาหลอมยานั้นมีแสงสีลอดออกมาตามร่อง จากการปรากฏตัวของแสงนั้น ผู้เฒ่าสวีพลันรุดไปข้างหน้า มองธูปโม่หลิงขนาดเพียงหนึ่งชุ่นที่ตลอดทั้งก้อนเป็นสีม่วงซึ่งอยู่ในเตาหลอม ดวงตาเผยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง

“ระดับกลาง!”

ผู้เฒ่าสวีหัวเราะเสียงดัง สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เตาหลอมทุกเตารวมไปถึงถุงผ้าและธูปโม่หลิงที่ถูกหลอมออกมาเหล่านั้นก็มาอยู่ในมือทั้งหมด

“การทดสอบครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุน หานเจี้ยนเย่ ตู้หลิงเฟย เฉินจื่ออ๋าง จ้าวอี้ตัว พวกเจ้าห้าคนเลื่อนขั้นเป็นศิษย์โอสถได้สำเร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุน…อันดับที่หนึ่ง ได้รับคะแนนคุณความดีห้าพัน!”

เมื่อคำพูดของเขาเปล่งออกมา ผู้คนรอบด้านก็ระเบิดเสียงขึ้นในบัดดล ดังสนั่นแพร่ไปทั่วสี่ทิศ

“สิบครั้ง ทำสำเร็จหมดทั้งสิบครั้ง!!”

“แถมครั้งสุดท้ายที่หลอมออกมา ยังเป็น…ระดับกลางด้วย ตัวเป็นแค่ศิษย์โอสถ ถึงขนาดหลอมยาออกมาได้ระดับกลางเชียวหรือนี่!!”

ไม่ว่าจะเป็นสวีเป่าไฉ ตู้หลิงเฟย หรือว่าหานเจี้ยนเย่เองก็ตาม ในเวลานี้ทุกคนล้วนตะลึงลานสะท้านสะเทือนกันไปหมด

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกจนใจเล็กน้อย เขายังไม่ทันได้สำรวจยาวิเศษระดับกลางที่ตัวเองหลอมออกมาได้เพียงก้อนเดียวอย่างละเอียดก็ถูกผู้เฒ่าสวียึดเอาไปเสียแล้ว พอยืนขึ้นในใจก็ให้ไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายแล้ว รู้ชัดว่าคงไม่ให้โอกาสตัวเองแน่

ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจหนึ่งครั้ง ยามนี้อ่อนล้าเต็มกำลัง เดินลงมาจากลานกว้าง ตลอดทางขณะที่ผู้คนรอบด้านมองมายังเขา ในดวงตาล้วนแฝงไว้ด้วยความกระตือรือร้นบ้าคลั่งและความนับถือ ในเวลานี้พวกเขาเองย่อมดูออกว่าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำสำเร็จทั้งสิบครั้ง ไม่ใช่เพราะโชคช่วยอย่างแน่นอน การครุ่นคิดแต่ละครั้งของเขา ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้

“ยินดีกับศิษย์พี่ป๋ายที่สร้างปาฏิหาริย์ ทำสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน!”

“ศิษย์พี่ป๋าย นับถือ นับถือ!”

“ศิษย์พี่ป๋าย น้องหญิงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพืชหญ้าบางส่วน ศิษย์พี่ป๋ายจะช่วยน้องหญิงหน่อยได้ไหม…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตา เมื่อครู่ตอนหลอมยาเขาเข้าถึงอารมณ์เกินไปหน่อย ตอนนี้พอเห็นท่าทางของทุกคนก็รู้ทันใดว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่แล้ว แต่เมื่อพบว่าสหายร่วมสำนักรอบกายกระตือรือร้นกันถึงเพียงนี้ ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตื้นตัน รีบกำมือประสานคารวะไปที่ทุกคน

ในใจปิติสุข เมื่อก่อนตอนเป็นเจ้าเต่าน้อย เขาไม่มีโอกาสแสดงตัวต่อหน้าสายตาของคนนับหมื่น เวลานี้ในที่สุดก็รู้สึกว่ามีคนมองเห็นความยอดเยี่ยมขึ้นมาบ้างเสียที

สำหรับลูกศิษย์หญิงที่ขอให้เขาช่วยเหลือเหล่านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนพยักหน้ายอมรับโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด แถมยังคอยเตือนเหล่าลูกศิษย์ที่เรียกเขาว่าศิษย์พี่ป๋ายอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองชื่อป๋ายเสี่ยวฉุน ด้วยกลัวคนอื่นจะไม่รู้ชื่อ

ขณะที่กำลังได้ใจอยู่นั้น เขาพลันมองเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งในกลุ่มคนกำลังจ้องถมึงทึงมาที่ตนเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนมองปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือหนึ่งในบุคคลที่บูชาโจวซินฉี สีหน้าจึงเปลี่ยนทันใด ครั้นพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายไม่เป็นมิตร จึงรีบเบียดกลุ่มคนจากไปอย่างรวดเร็ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนวิ่งเหยาะๆ มาตลอดทาง หลังจากกลับมาถึงบ้านไม้ของตัวเองแล้ว รู้สึกเพียงว่าหัวหมุนติ้ว หลอมยามาหลายวัน ใช้ความคิดหมดไปเต็มที่ เขาล้มลงบนเตียงได้ก็นอนหลับทันที

หลับครั้งนี้นานถึงสองวัน

เที่ยงวันที่สามเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตา ความเหนื่อยล้าและวิงเวียนหายไปหมดสิ้น คิดถึงยาวิเศษระดับกลางชิ้นเดียวที่ตัวเองหลอมออกมาได้ถูกผู้เฒ่าสวียึดไปแบบนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้ทอดถอนใจ เมื่อสำรวจดู พบว่าในป้ายประจำตัวของตัวเองมีคะแนนคุณความดีเพิ่มมาห้าพันถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

มีคะแนนคุณความดี ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เตรียมที่จะหลอมยาต่อไปเพื่อฝึกวิชาอมตะมิวางวายของตัวเอง ดังนั้นจึงออกไปข้างนอก แลกเอาตำรับยาของสำนักมาได้เจ็ดแปดตำรับ เลือกชนิดที่เสริมพลังชีวิต และแลกพืชหญ้ามาจำนวนมาก

ทุกขั้นตอนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับอกสั่นขวัญแขวน พบว่าตลอดทางบางคนพอเห็นเขาสีหน้าก็เปลี่ยนไป แถมยังมีคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่บูชาโจวซินฉี พอเห็นเขาแล้วก็เผยรอยยิ้มเย็นยะเยียบ หยิบแผ่นหยกออกมาราวกับกำลังถ่ายทอดเสียง

ป๋ายเสี่ยวฉุนเครียดขึ้นมาทันที หลังจากแลกเอาพืชหญ้ามาได้ก็ไม่ได้กลับไปที่พัก ทะยานดิ่งไปยังหอหลอมยา ใช้คะแนนคุณความดีที่เหลือทั้งหมดแลกซื้อเวลามาหนึ่งปี แล้วมุดหัวเข้าไปอยู่ในนั้น

“ครั้งนี้ประมาทเกินไป…หึ รอข้าออกมาก่อนเถอะ พอข้าออกมาแล้ว ผิวหนังเหล็กคงกระพันสำเร็จไปได้ขั้นใหญ่ ใครกล้ามาหาเรื่องข้า มาหนึ่งคนข้าก็จะเด็ดหัวหนึ่งคน มาสิบคน…ข้าก็จะไปหาท่านผู้นำ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนทำเสียงหึเย็นชาหนึ่งที อยู่ในห้องของหอหลอมยา ไม่ออกไปอีก เริ่มต้นหลอมยา

ตัวเขาเองก็พอเดาได้ว่าสองวันที่เขาหลับสนิทไปนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาเลื่อนขั้นเป็นศิษย์โอสถจะต้องค่อยๆ แพร่ออกไปอย่างแน่นอน สามารถนึกภาพออกได้ว่า ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ก็คงแพร่ไปทั่วทั้งเขาเซียงอวิ๋น

ในความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่เขาคิด ในสำนักเวลานี้เริ่มมีคนสงสัยแล้วว่าป๋ายเสี่ยวฉุน…ก็คือเจ้าเต่าน้อย!

ไม่เช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร มีความรู้ทั้งด้านพืชหญ้าและสัตว์วิเศษในขั้นสูง โดยเฉพาะยาระดับกลางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมออกมา ที่มากไปกว่านั้นคือความสำเร็จทั้งสิบครั้งตลอดการหลอมยาเพื่อเลื่อนขั้น

เหล่าผู้ที่บูชาโจวซินฉีก็ยิ่งพากันเคลื่อนพล แม้แต่ผู้ที่บูชาตู้หลิงเฟยเองก็เข้าร่วมด้วย แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะระแวงภัยได้ถึงขั้นไม่กลับที่พัก แต่มาอยู่ในหอหลอมยาแทน โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาไหว้วานให้คนมาสืบข่าวจนได้รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขั้นซื้อเวลาในการหลอมยาหนึ่งปี ทุกคนก็พากันโกรธแค้น

มีแต่หอหลอมยาเท่านั้นที่พวกเขาไม่กล้าบุกเข้ามา อีกทั้งตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ทำให้พวกเขาหวาดเกรงอยู่บ้าง เพราะลูกศิษย์ที่เป็นแบบนี้ พวกเขาเองก็ไม่กล้าเอาเรื่องเอาราวป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างจริงจัง แต่การสั่งสอนหนักๆ สักครั้ง ทางสำนักก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก เพราะหากฝีมือสู้คนอื่นไม่ไหวก็ย่อมโทษผู้อื่นไม่ได้

แต่ตอนนี้ไร้ซึ่งหนทางเสียแล้ว ทุกคนทำได้เพียงจากไปอย่างคับแค้นใจ แต่ในกลุ่มคนกลับมีชายหนุ่มหน้าตกกระผู้หนึ่งมองหอหลอมยาด้วยสายตาเย็นชา มุมปากค่อยๆ เผยรอยยิ้มมุ่งร้าย

‘คิดว่าซ่อนตัวอยู่ในนี้แล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้งั้นเหรอ ตีเฉินเฟยน้องชายข้าก็ยังไม่เท่าไหร่ ยังมารังแกศิษย์น้องโจวที่ข้ารัก แถมยังรังแกศิษย์น้องตู้ที่ข้ารักมากที่สุดอีก แม้แต่ศิษย์น้องโหวที่ข้าถูกใจเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังพูดถึงเจ้าไม่ขาดปาก ป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ว่าเจ้าจะมีสติปัญญาด้านพืชหญ้า แต่หากข้าคิดจะเล่นงานเจ้าให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก!’ ในใจชายหนุ่มหัวเราะเสียงเย็น เขาก็คือลูกศิษย์ฝ่ายในแซ่เฉียนผู้นั้น เฉียนต้าจิน!

ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในห้องของหอหลอมยา อิสระสบายใจ ทุกวันหากไม่ได้หลอมยา ก็ฝึกวิชาอมตะมิวางวาย ชีวิตผ่านไปแต่ละวัน วิชาอมตะมิวางวายของเขากำลังก้าวทะยานพรวดพราด

ผิวหนังตลอดทั้งร่างก็ยิ่งแข็งแรงทนทาน ความเร็วและพละกำลังก็เหนือล้ำกว่าก่อนหน้า

“มีเวลาอีกสองวัน ผิวหนังเหล็กคงกระพันของข้าก็จะสำเร็จขั้นใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาเผยความฮึกเหิมห้าวหาญ

แต่สายันณ์ของวันนี้เอง ทันใดนั้นแสงสีเขียวเส้นหนึ่งบินออกมาจากจุดภารกิจของสำนัก บินทะยานดิ่งมายังหอหลอมยา ทั้งยังเพิกเฉยต่อการป้องกันของหอ พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ในห้องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่

ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง มองอย่างละเอียดจึงรู้ว่า นั่นคือป้ายคำสั่งป้ายหนึ่ง!

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version