บทที่ 497 สู้สุดชีวิต
แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่ยักษ์ชนพื้นเมืองตนนั้นถูกป๋ายเสี่ยวฉุนชนกระเด็น มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำมุทราชี้ไป ก่อนที่กระบี่บินสิบกว่าเล่มที่อยู่รอบด้านจะกลายร่างเป็นรุ้งยาวสิบกว่าเส้นพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปิดตายทางถอยหนีทั้งหมดของยักษ์ชนพื้นเมืองตนนั้น
เรียกได้ว่าไม่ให้เวลาอีกฝ่ายตั้งตัวเลยแม้แต่นิด ชั่วพริบตาเดียวเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังออกมา เห็นเพียงว่ากระบี่บินของป๋ายเสี่ยวฉุนเฉือดเฉือนร่างของยักษ์ตนนั้นออกเป็นชิ้นๆ!
จนกระทั่งตายไป ยักษ์ชนพื้นเมืองตนนี้ยังไม่ทันได้ระเบิดตัวเองก็กายดับจิตสลายไปก่อนแล้ว
ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ซึ่งความลังเลใด หลังจากปลิดชีพไปหนึ่งชีวิตก็สะบัดร่างคล้ายมังกรพิโรธที่บุกตะลุยชนดะจนเข้าไปใกล้กับยักษ์ชนพื้นเมืองอีกตนหนึ่ง พอยกมือขวาขึ้น กระบี่บินที่อยู่รอบกายก็คำรามอู้ไปข้างหน้า
ยักษ์ตนนั้นคิดจะหลบเลี่ยง แต่ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนมีมากเกินไป เขาจึงหลบไม่ทัน ท่ามกลางเสียงหวีดร้อง ศีรษะก็ปลิวกระเด็น!
เวลาเดียวกันนั้นยักษ์ชนพื้นเมืองตนอื่นๆ ก็ทยอยกันเข้ามาใกล้ และกำลังจะพร้อมใจกันลงมือ
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นพรวด มือขวายกขึ้นตบลงไปบนพื้นอย่างแรงหนึ่งครั้ง เสียงสะเทือนเลือนลั่นมาพร้อมกับพื้นดินที่สั่นไหว ลมพายุก่อตัวขึ้นก่อนจะหมุนคว้างพัดทำลายไปรอบด้าน ภายใต้แรงโจมตีนั้น ยักษ์ชนพื้นเมืองทั้งหลายล้วนหน้าเปลี่ยนสี และบัดนี้ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีมากอย่างถึงที่สุด ใช้กำลังของคนคนเดียวต่อกรกับยักษ์สิบกว่าตน
ตูมๆๆ!
เสียงกัมปนาทเขย่าคลอนฟ้าดิน บางทีภาพเหตุการณ์นี้หากมองจากทั้งสนามรบอาจไม่ถือว่าน่าตกใจ ทว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่เขตเล็กๆ แห่งนี้ การดำรงอยู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่ต่างอะไรไปจากเทพแห่งสงคราม!
ไม่ว่ายักษ์ชนพื้นเมืองสิบกว่าตนนั้นจะสกัดกั้นอย่างไรก็มิอาจขัดขวางเขาได้ เพียงแต่ว่า…ยักษ์ชนพื้นเมืองที่อยู่บนสนามรบแห่งนี้มีมากเกินไป
ไม่นานยักษ์ชนพื้นเมืองนับร้อยที่อยู่รอบกายเขาก็กรูกันเข้ามาประหัตประหาร ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ม่านแสงคุ้มกันกายของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังพังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่ม่านแสงแตกออก ร่างของเขาก็จะสั่นเยือกหนึ่งครั้ง ทว่าดวงตาของเขากลับเป็นสีแดงก่ำเพราะความคลุ้มคลั่งที่ปะทุมานานแล้ว
“พวกเจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว!”
“คนตั้งเยอะรังแกข้าเพียงคนเดียว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งชนพลางคำรามเดือดดาลไปด้วย ร่างกายของเขาประหนึ่งดาวตกที่กระแทกลงบนหน้าอกของยักษ์ชนพื้นเมืองตนหนึ่งพร้อมเสียงดังตูม หลังจากที่ชนให้ยักษ์ชนพื้นเมืองปลิวละลิ่วออกไป เขาก็เห็นว่ารอบด้านมียักษ์นับร้อยตนที่ตีวงโอบล้อมเข้ามาเป็นชั้นๆ ทั้งยังลงมืออย่างพร้อมเพรียงกันจนเกิดเป็นพลังอำนาจสะท้านสะเทือนแปดทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง มือซ้ายตบลงบนถุงเก็บของ คว้ายาออกมากำมือใหญ่ก่อนจะขว้างออกไปอย่างแรง
พอยาเหล่านี้บินออกมาก็ระเบิดตัวทันที หมอกควันสร้างอาการประสาทหลอนฟุ้งกระจายแทรกซอนเข้าไปในร่างของยักษ์ชนพื้นเมือง ทันใดนั้นการกระทำพิสดารมากมายก็ปรากฏขึ้นบนร่างของยักษ์ชนพื้นเมืองนับร้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรีบฉวยโอกาสนี้ฝ่าวงล้อมออกไป
ทว่าขณะที่เขาฝ่าออกไปนั้นกลับมีชนพื้นเมืองอีกหลายร้อยคนจากสี่ทิศแผดเสียงคำรามพุ่งเข้ามาหมายเอาชีวิตเขา แต่ละคนไอสังหารพวยพุ่งเทียมฟ้า แถมตอนที่ยักษ์สิบกว่าตนซึ่งอยู่หน้าสุดเข้ามาใกล้ยังแผ่ปราณแห่งการระเบิดตัวเองออกมาจากทั้งในและนอกร่างด้วย
ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหดตัว คิดจะหลีกเลี่ยงแต่กลับไม่ทันแล้ว ยักษ์ชนพื้นเมืองสิบกว่าตนนี้ระเบิดตัวพร้อมกัน เสียงตูมตามดังสะท้านฟ้า กรดปริมาณมากสาดกระเซ็นไปทั่ว ทั้งยังมีพลังโจมตีซัดเป็นทอดๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ชั้นแสงคุ้มกันนอกร่างพังทลายลงเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็อาศัยแรงของพลังโจมตีนี้ให้ผลักร่างของตัวเองกระเด็นหนีออกไปไกล!
เพียงแต่ว่าสนามรบนั้นใหญ่เกินไป อีกทั้งยังอยู่ห่างจากม่านแสงค่ายกลอีกไกล ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะหนีห่างมาได้ระยะหนึ่งก็ยังมิอาจสลัดพ้น แทบจะวินาทีที่ร่างของเขาหยุดชะงักลง รอบกายเขาก็มียักษ์ชนพื้นเมืองหลายร้อยล้อมเป็นวงเข้ามาโจมตีอีกครั้ง
“มารป๋าย เจ้าตายแน่!”
“ข้าจะกินเจ้า!!” ชนพื้นเมืองรอบด้านร้องคำราม ขณะที่ขยับเข้ามาใกล้ ไอสังหารก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทิ้ม ทว่าความบ้าคลั่งในดวงตากลับยิ่งมีมาก เมื่อยกมือขวาขึ้น อาวุธรอบกายของเขากลับมีถึงสามส่วนที่ระเบิดตัวพร้อมกันทั้งหมด
การระเบิดตัวของอาวุธวิเศษ อานุภาพน่าตะลึง ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ชนพื้นเมืองหลายร้อยคนนั้นกระอักเลือด แต่ละคนเซถอยไปข้างหลัง แต่ยังไม่ทันรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไปได้อีกครั้งก็มีชนพื้นเมืองอีกหลายร้อยคนพุ่งเข้ามาใหม่
พวกเขาหมายจะใช้วิธีการเช่นนี้เผาผลาญพลังของป๋ายเสี่ยวฉุนให้ตายทั้งเป็นอยู่ตรงนี้
ภาพเหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของพวกหัวหน้าเผ่านับร้อยที่อยู่ไกลออกไป พวกเขาพากันหัวเราะเสียงเย็น รู้ว่าหากไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย หัวหน้าใหญ่หลายคนยังถึงขั้นบินทะยานจากจุดที่ตัวเองอยู่ตรงไปหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างรวดเร็วด้วย
ส่วนหัวหน้าเผ่าคนอื่นๆ ตอนนี้ก็กระจายตัวกันไปสังหารผู้แข็งแกร่งรวมไปถึงผู้บังคับกองพันของกองทัพใหญ่ทั้งห้าที่ถูกดูดตัวออกมา!
ตลอดทั้งสนามรบพลันปะทะกันพัวพันยุ่งเหยิง เฉินเห้อเทียนที่อยู่บนท้องฟ้าร้อนใจ วิธีการทำสงครามเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนี้เมื่อมันปรากฏขึ้นจึงทำให้เขารับมือไม่ทัน รู้สึกอับจนหนทาง เพราะเมื่ออยู่ภายใต้การโรมรันพันตูอย่างเต็มกำลังจากสตรีชุดแดงผู้นั้น เขาก็ยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้
ส่วนพวกป๋ายหลินรวมไปถึงผู้บังคับกองหมื่นอีกหลายคนที่ถึงแม้เวลานี้จะยังอยู่ในค่ายกล ทว่าศัตรูของพวกเขาคือดวงวิญญาณของอาจารย์หลอมวิญญาณ การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงดุเดือดอันตรายมากยิ่งกว่า
เวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว การเปลี่ยนแปลงของทั้งสนามรบล้วนขึ้นอยู่กับการแผ่ขยายของม่านแสงค่ายกล เมื่อมันขยายตัวออกไปจึงมีนักรตได้กลับเข้ามาอยู่ข้างในเป็นระยะ มีเพียงเข้ามาอยู่ในนี้เท่านั้นถึงจะพอคลายใจลงได้บ้าง
ทว่านักพรตของห้ากองทัพนั้นกระจัดกระจายกันไปทั่ว ผู้ที่ได้กลับเข้ามาอย่างราบรื่นถือว่าเป็นส่วนน้อย
สงครามกำลังดำเนินไปด้วยวิธีการที่โหดร้ายทารุณ เลือดสดไหลนองแผ่นดิน!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเสียงแหบไปหมดแล้ว วิกฤตความเป็นความตายรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใด ราวกับเลือดเนื้อทุกชุ่นในร่างกำลังกรีดร้อง เห็นว่าตัวเองถูกล้อมโจมตีอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอยู่กับตัวเอง ล้มเลิกความคิดที่จะร่ายใช้ไอความเย็น
นับตั้งแต่ต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง ทว่าในความเป็นจริงแล้วเขาแค่แสดงให้เห็นถึงพลังของกล้ามเนื้อเท่านั้น อย่างไรซะที่นี่ก็เป็นนอกกำแพงเมือง สัมผัสไม่ได้ถึงพลังวิญญาณใดๆ หากร่ายใช้เวทคาถาแล้วไม่สามารถชดเชยได้ทันเวลา ถ้าเช่นนั้นพลังวิญญาณของเขาก็จะต้องแห้งขอดลงไปอย่างรวดเร็ว
และหากมันแห้งเหือดลงเมื่อใด สิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีเพียงความตาย!
ดังนั้นการร่ายพลังวิญญาณจึงได้แค่เอามาใช้ในช่วงเวลาที่คับขันที่สุดเท่านั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันกรอด คำรามกร้าวแล้วถือโอกาสระเบิดอาวุธวิเศษนอกกายอีกสามส่วน
เสียงกัมปนาทสะเทือนเลือนลั่นปฐพี ยักษ์ชนพื้นเมืองรอบด้านบาดเจ็บหนักกันไปอีกครั้ง แต่ละคนกระอักเลือด ทว่าสิ่งที่เผยออกมาทางดวงตาของพวกเขากลับเป็นความบ้าคลั่งและกระหายเลือด และไม่คิดจะถอยหนี ยังคงทยอยกันระเบิดตัวดังเดิม
เสียงระเบิดปังๆๆ คล้ายเสียงลั่นกลองแห่งความตายที่ตีลงมาบนม่านแสงคุ้มกันกายนอกร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่นัก ม่านแสงนอกกายเขาก็พังทลายจนหมด
ส่วนเสื้อเกราะที่สวมเอาไว้ก็แบกรับได้ไม่นาน เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนอาศัยแรงระเบิดของอาวุธส่วนที่เหลือเป็นครั้งสุดท้ายและสังหารยักษ์ชนพื้นเมืองจนฝ่าวงล้อมหนาแน่นออกมาได้ในที่สุด เสื้อเกราะของเขาก็แตกทลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
ด้านหลังของเขาคือศพที่กองเกลื่อนพื้น อีกทั้งในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เนื่องด้วยความแข็งแกร่งและบ้าระห่ำของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ทำให้พวกยักษ์ชนพื้นเมืองรอบด้านที่เตรียมจะเข้ามาโอบล้อมอีกครั้งถูกเขย่าคลอนจิตวิญญาณ สะท้านสะเทือนไปเพราะเขา!
“มารป๋าย…นึกไม่ถึงเลยว่าด้วยกำลังของเขาคนเดียวจะสามารถฆ่าคนของพวกเราไปได้มากขนาดนี้!”
“สมควรตายเอ๊ย คนผู้นี้ไม่เพียงแต่หลอมยาได้น่ากลัว แม้แต่พลังในการต่อสู้ก็ยังไม่ต่างกัน ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ข้าจะต้องกินเขาให้จงได้!”
“ก็แค่เพราะเขามีการคุ้มกันที่หนาแน่นเกินไปเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่มีการป้องกันแล้ว เขาตายแน่!” ชนพื้นเมืองรอบด้านแผดเสียงคำรามแหบโหย พุ่งเข้ามาโอบล้อมอีกครั้ง ชนพื้นเมืองสามคนในนั้นมีร่างกายใหญ่โตกว่ายักษ์ตนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ความดุร้ายมากกว่า ความเร็วก็ยิ่งมากกว่า พวกเขาพุ่งตัวเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนใคร
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าซีดเผือดอยู่ตลอดเวลา ก้มตัวลงหอบหายใจฮักๆ มองยักษ์ชนพื้นเมืองรอบกายเขาที่พุ่งเข้ามาราวกระแสน้ำขึ้นน้ำลงซึ่งไม่ว่าจะฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด ได้ยินเสียงตะโกนของพวกเขา ได้กลิ่นคาวเลือดที่โชยมาจากปากของพวกเขา เส้นเลือดในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้ตาทั้งคู่ของเขากลายมาเป็นสีแดงฉาน
“ไม่มีการคุ้มกัน พวกเจ้านึกหรือว่าจะสังหารข้าได้อย่างราบรื่น?”
อยู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้แฝงไปด้วยความเหยียดหยามและมากด้วยความบ้าคลั่ง เขาทุ่มสุดตัวแล้ว เขาเข้าใจดีว่าวันนี้อยู่ที่นี่ ตนมีสิทธิ์ตายเก้ารอดหนึ่ง หากไม่สู้สุดชีวิต ถ้าเช่นนั้นแม้แต่โอกาสที่จะมีชีวิตต่อก็ไม่มีเหลือ
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันยืดตัวขึ้นตรง พลังกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งระลอกหนึ่งระเบิดตูมออกมาจากในร่างกายของเขา ก่อนจะรวมตัวขึ้นเป็นลมพายุที่หมุนคว้างกวาดตะลุยไปรอบด้าน ผิวหนังของเขากลายมาเป็นสีทอง ด้านหลังของเขามีเงามายาของร่างวัชระปรากฏขึ้น ขาทั้งสองข้าง แขนทั้งสองข้างมีอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนที่เป็นดั่งการปิดผนึกลอยพรวดขึ้นมา
วิชาอมตะมิวางวายระเบิดออกทุกด้าน!
ท่ามกลางการระเบิดนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าพรวด ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว วินาทีที่เท้าของเขาเหยียบลงพื้น เขาก็กระตุ้นใช้…ชนาเขย่าภูเขา!
กระโจนเข้าใส่ยักษ์ชนพื้นเมืองหนึ่งในสามตนที่พุ่งออกมาก่อนใคร ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เสียงแหวกอากาศเพิ่งจะดังขึ้น ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลายมาเป็นภาพติดตาที่ร้อยเรียงกันเป็นสาย ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะชนลงไปบนกายของยักษ์ชนพื้นเมืองตนนั้น
ยักษ์ชนพื้นเมืองตนนี้มั่นใจในกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของตัวเองจึงแสยะยิ้มชั่วร้าย ทว่าวินาทีที่ชนเข้ากับป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็พลันเบิกตากว้าง ไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง เสียงตูมดังขึ้นหนึ่งครั้ง ร่างของเขาที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งชน…ก็กระเด็นออกไปอย่างแรง!
เสียงกระดูกแตกดังเปรี๊ยะๆ และยังมีเสียงเลือดเนื้อฉีกขาดดังขึ้นพร้อมเสียงร้องโหยหวนของยักษ์ตนนั้น ตัวเขาที่อยู่กลางอากาศยังไม่ทันร่วงลงพื้น เสียงปังดังทีเดียว ร่างทั้งร่างก็ระเบิดกระจุยกระจาย!
เพียงแค่การชนทีเดียวของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็แตกดับไปทั้งกายและจิต!