บทที่ 504 ห้ากองทัพแย่งตัว
นี่คือชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งที่สวมชุดเกราะหนาหนัก มองดูเหมือนภูเขาลูกเล็ก เรือนกายบึกบึนกำยำ ดวงตาทั้งคู่ที่เปล่งแสงแห่งความดุดันหันมาถลึงใส่ผู้เฒ่าและชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างกันคนละที ก่อนจะหันมาพูดกับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยเสียงดังกระหึ่ม
แม่ทัพกองปีศาจดำและชายวัยกลางคนกองเจ็ดพิฆาตเองก็หันขวับมามองชายร่างใหญ่ด้วยดวงตาขุ่นเคือง ดูเหมือนคนทั้งสามจะถูกกระตุ้นอารมณ์ในการต่อสู้
“หา?” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ในที่สุดก็มองออกสักทีว่าแม่ทัพทั้งสามกองนี้ต่างก็มาเพื่อแย่งชิงตน…ขณะเดียวกันในใจก็เกิดความสนใจ เขารู้สึกว่ากองสังหารทุรกันดารคือทางเลือกที่ดีที่สุดของตัวเอง
แต่เวลานี้เอง เสียงแค่นเย็นชาอีกเสียงหนึ่งก็ดังมาจากความว่างเปล่า ที่มาพร้อมกันยังมีลมพายุบ้าคลั่งที่ส่งเสียงดังตูมตามไปรอบด้าน ทั้งยังม้วนตลบนภากาศจนกระทั่งสายฟ้าหลายเส้นแลบปลาบ และในสายฟ้าเส้นหนึ่งก็มีนักพรตผมขาวผู้หนึ่งเดินออกมา
นักพรตผมขาวผู้นั้นมาถึงอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ เสียงเปรี้ยงดังหนึ่งทีก็ปรากฏอยู่ในลานบ้านของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เมื่อเขาเยื้องกรายมาถึง สายฟ้าผืนหนึ่งก็แผ่กระจายไปรอบด้านจากใต้ฝ่าเท้าของเขา ทำให้ที่พักแห่งนี้กลายมาเป็นเหมือนบ่อสายฟ้า
แต่กลับไม่ได้ทำอันตรายพวกป๋ายเสี่ยวฉุนแม้แต่นิดเดียว มีเพียงแม่ทัพสามกองเท่านั้นที่หน้าเปลี่ยนสีกันหมด แต่ละคนโคจรตบะเพื่อขับไล่สายฟ้ารอบกายของพวกเขา
“เมี่ยหุนจื่อ (ผู้ดับวิญญาณ) เจ้าคิดจะทำอะไร!” ชายร่างใหญ่ของกองสังหารทุรกันดารคำรามเกรี้ยวกราด
“ทำอะไร? แน่นอนว่าต้องมาแย่งคนน่ะสิ ปรมาจารย์ป๋าย เข้ามาอยู่กองสลายวิญญาณของข้า ข้าจะให้ค่าตอบแทนเจ้าห้าสิบเท่า ทั้งยังรับรองความร่ำรวยหลังจากเจ้ากลับไปอยู่สำนัก และยังจะใช้พืชหญ้ากับทรัพยากรทั้งหมดที่เจ้าต้องการ
แถมที่ข้ายังมียาก่อกำเนิดเม็ดหนึ่งที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุดด้วยนะ แค่เจ้าพยักหน้า ยาก่อกำเนิดนี้จะเป็นของเจ้าทันที!” ขณะที่นักพรตผมขาวผู้นี้เอ่ยเนิบนาบก็ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นกลางมือของเขาก็มียาเม็ดหนึ่งที่ราวกับผลึกหินปรากฏขึ้นมา!
ยาเม็ดนี้เพิ่งจะปรากฏก็กรุ่นกำจายกลิ่นหอมของยาอย่างน่าตะลึง
ทำให้พวกจ้าวหลงแสดงความสนใจออกมาทางสีหน้า…ต้องรู้ว่ายาก่อกำเนิดนั้นถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญอย่างถึงที่สุดสำหรับการฝึกบำเพ็ญตบะ ต่อให้เป็นในสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราเองก็ยังมีไม่มาก ไม่ว่าเม็ดไหนก็ล้วนมีบันทึกไว้ว่ามีมูลค่ามหาศาล เป็นรองแค่วิญญาณสัตว์ฟ้าเท่านั้น
อีกทั้งทุกคนยังปรารถนามันมากยิ่งกว่าวิญญาณสัตว์ฟ้าเสียอีก เพราะอย่างไรซะการเป็นก่อกำเนิดโดยวิญญาณสัตว์ฟ้า ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่า ทว่าก็ยังจำเป็นต้องรวบรวมให้ครบทั้งห้าธาตุอย่างทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดินถึงจะใช้ได้
แต่สำหรับนักพรตรวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ยาก่อกำเนิดนี้แค่เม็ดเดียวก็มีอัตราความสำเร็จที่แน่นอนว่าตบะจะฝ่าทะลุขั้น เหยียบย่างเข้าสู่ก่อกำเนิด ถึงแม้จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในภายภาคหน้าเล็กน้อย แม้ว่าในด้านศักยภาพจะเทียบก่อกำเนิดสัตว์ฟ้าไม่ได้ แต่ก็เป็นก่อกำเนิดเหมือนกัน!
เพราะอย่างไรซะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสรวบรวมวิญญาณสัตว์ฟ้าได้ครบทั้งห้าธาตุ!
ป๋ายเสี่ยวฉุนมาอยู่กำแพงเมืองจนถึงกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่ได้ยาก่อกำเนิดมาครองแม้แต่เม็ดเดียว นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าของยานี้ได้เป็นอย่างดี ทว่าตอนนี้ยาเม็ดนี้ที่อยู่กลางฝ่ามือของนักพรตผมขาว ขอแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนพยักหน้าเขาก็จะได้มันไปครองทันที!
มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่หวั่นไหว ดวงตาของเขาที่มองยาเม็ดนั้นฉายประกายเร่าร้อน ต่อให้เขาไม่ได้วางแผนว่าจะก่อกำเนิดด้วยยาเม็ดนี้
แต่ประสิทธิผลอีกอย่างหนึ่งของยาเม็ดนี้ก็คือเมื่อกินลงไปตอนที่ยังไม่รวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบจะทำให้ตบะของเขาทะยานขึ้นสูงจนกลายมาเป็นรวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบได้โดยตรง!
นี่จะประหยัดเวลาการฝ่าทะลุจากช่วงท้ายสู่ช่วงสมบูรณ์แบบของป๋ายเสี่ยวฉุนไปอีกเยอะมาก
มองเห็นว่านักพรตผมขาวถึงขนาดเอายาก่อกำเนิดออกมา แม่ทัพของอีกสามกองต่างก็ใจสั่นไหว ใช่ว่าพวกเขาจะหายาก่อกำเนิดมาไม่ได้ เพียงแต่สำหรับพวกเขาแล้วยานี้มีมูลค่าสูงเกินไป จึงทำให้พวกเขารู้สึกลังเลอย่างอดไม่ได้
มองยาก่อกำเนิดกลางฝ่ามือของนักพรตผมขาว ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ส่องแสงเรืองรอง สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เห็นว่าอีกสามคนที่เหลือต่างเงียบงัน เขาก็คิดว่าหากรอต่อไปอาจจะดูเห็นแก่ได้จนน่าเกลียด ดังนั้นจึงคิดจะพยักหน้าตอบรับ แต่เวลานี้เอง ทันใดนั้นเสียงคำรามเดือดดาลก็พลันดังมาจากท้องฟ้า
“เจ้าพวกระยำ ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าผู้อาวุโสกันให้หมด!!”
“บัดซบ พวกเจ้าบังอาจมาแย่งคนของข้าผู้อาวุโสถึงในกองถลกหนังของข้าเชียวรึ!”
“ก็แค่ยาก่อกำเนิดมิใช่หรือ เสี่ยวฉุน อย่าไปฟังพวกเขา ข้าจะให้เจ้าสามเม็ดเลย!!” ขณะที่เสียงดังราวอสนีบาตก้องกังวาน ป๋ายหลินก็ก้าวยาวๆ มาถึงในชั่วพริบตา บนใบหน้าของเขามีความขุ่นเคือง แต่ความขุ่นเคืองนี้ไม่ใช่สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน แต่สำหรับคนทั้งสี่
ในสายตาของเขา การที่อีกฝ่ายมาแย่งคนของตนอย่างหน้าด้านๆ ในถิ่นของตัวเองเท่ากับฉีกหน้าตนชัดๆ เวลานี้พอมาถึง ปราณดุร้ายก็พลันระเบิดพวยพุ่งเทียมฟ้า เพิ่งจะเข้ามาใกล้เขาก็สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นลมพายุก็หมุนคว้างไปโจมตีคนทั้งสี่โดยตรง
ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถอยห่างทันที ส่วนพวกจ้าวหลงนั้นได้หนีไปไกลนานแล้ว
พวกนักพรตผมขาวสี่คนหน้าเปลี่ยนสี นึกไม่ถึงว่าป๋ายหลินจะเอาจริง คนทั้งสี่จึงรีบแผ่ตบะออกมา เห็นว่าแม่ทัพของทั้งห้ากองจะตีกันขึ้นมาจริงๆ ในดวงตายักษ์เหนือเจดีย์สูงที่ห่างออกไปไกลก็พลันสาดลำแสงลงมาที่ร่างของแม่ทัพทั้งห้า
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง พลังของลำแสงที่มากมหาศาลกลายมาเป็นการโจมตีที่ทำให้พวกป๋ายหลินห้าคนถอยกรูด เวลาเดียวกันนั้นเสียงแก่ชราของเฉินเห้อเทียนที่แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบก็ดังมาถึงที่แห่งนี้
“กลับไปกันให้หมด ตัวเป็นถึงแม่ทัพ ทำตัวเหลวไหล มีอย่างที่ไหนกัน!”
ป๋ายหลินขบฟัน มองนักพรตผมขาวสี่คนด้วยสายตาแค้นเคือง คนทั้งสี่นั้นรู้ดีว่าตัวเองทำไม่ถูก หลังจากไอแห้งๆ หนึ่งครั้งก็พากันหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความคาดหวัง ก่อนจะขยับร่างจากไปไกล
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองคนทั้งสี่จากไปแล้วหันมามองป๋ายหลินตาปริบๆ รู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะเล็กน้อยจึงเปิดปากอธิบายอย่างอดไม่อยู่
“คือว่า…พวกเขามาหาข้าเองนะ…”
ป๋ายหลินหน้าดำทะมึน เดินมาหยุดอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วจึงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เสี่ยวฉุน เจ้าสี่คนนั้นไม่มีเจตนาดี เจ้าอย่าไปฟังพวกเขา อยู่กับข้าที่นี่เจ้าวางใจได้ เรื่องความปลอดภัยนั้นไม่มีปัญหา พืชหญ้าก็ไม่มีปัญหา ค่าตอบแทนก็ยิ่งไม่มีปัญหาเช่นกัน ส่วนยาก่อกำเนิดก็…ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!” ป๋ายหลินกล่าวจบก็ข่มกลั้นความเสียดาย หยิบเอายาก่อกำเนิดสองเม็ดออกมาจากในถุงเก็บของแล้วส่งให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างอาลัยอาวรณ์
“ที่ข้ามีอยู่แค่สองเม็ด เจ้าให้เวลาข้าอีกหน่อย ข้าจะคิดหาวิธีหามาให้เจ้าอีกหนึ่งเม็ด” ในใจลึกๆ ป๋ายหลินเองก็กลัดกลุ้มไม่น้อย
ครุ่นคิดว่าตัวเองควรจะใช้วิธีการใดหายาก่อกำเนิดอีกหนึ่งเม็ดมาได้ เพราะอย่างไรซะถึงแม้ของสิ่งนี้จะแลกเอามาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องรอนานมากถึงจะมีทรัพยากร
ป๋ายเสี่ยวฉุนถือยาก่อกำเนิดสองเม็ดไว้ในมือด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ แล้วก็หันมามองป๋ายหลินอีกครั้ง นึกได้ว่าอีกฝ่ายก็ดีกับตนไม่น้อย อีกทั้งวันหน้าก็ยังต้องช่วยงานอีกฝ่าย ดังนั้นสีหน้าจึงเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า
“ท่านขุนพลเห็นข้าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนเช่นไร! หากข้าอยากไปอยู่ที่กองทัพอื่นจริงๆ เมื่อครู่ตอนที่ท่านขุนพลยังไม่มาถึงข้าก็คงตอบรับไปนานแล้ว ที่ถ่วงเวลาล่าช้าเช่นนี้ ท่านขุนพลยังไม่เข้าใจสาเหตุอีกงั้นหรือ?”
“แม่ทัพทั้งสี่คนนั้น ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนไปมีเรื่องด้วยไม่ได้จึงไม่อยากปฏิเสธซึ่งๆ หน้า ข้ากำลังรอให้ท่านขุนพลมาถึง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง สีหน้ายิ่งเอาจริงเอาจังมากกว่าเดิม
“ท่านขุนพลมีบุญคุณท่วมหัวข้า มีหรือที่ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนจะทำให้ท่านลำบากใจ ยาก่อกำเนิดสองเม็ดก็ถือว่าล้ำค่าอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้แล้ว เม็ดที่สามนั่น ขอท่านขุนพลเก็บเอาคืนไปเถอะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนโค้งตัวคารวะต่ำๆ ลำพองใจเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดประโยคนี้ของตนช่างเป็นการเป็นงาน แถมยังรัดกุมไม่มีช่องโหว่ ร้ายกาจอย่างแท้จริง
ประโยคนี้ของเขาไม่ว่าป๋ายหลินจะเชื่อหรือไม่ แต่ก็ยังรู้สึกประทับใจอย่างห้ามไม่ได้และจำต้องรับน้ำใจครั้งนี้ มองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ่งรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนรู้จักวางตัว เขาจึงสูดลมหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง ใคร่ครวญพักหนึ่งก็พลันพูดขึ้นว่า
“เสี่ยวฉุน หากเป็นไปได้ ในสองปีนี้จงพยายามสะสมคุณความชอบในการรบที่มากพอแล้วกลายมาเป็น…ผู้บังคับกองหมื่น!”
“หากเจ้าได้กลายเป็นผู้บังคับกองหมื่น ถ้าเช่นนั้นสถานะของเจ้า ตำแหน่งของเจ้า หรือแม้แต่สำนักสยบธารของเจ้าก็จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผู้บังคับกองหมื่นของห้ากองทัพใหญ่เรา ไม่ว่าใครก็ตาม…หลังจากกลับไปยังสำนักก็ล้วนกลายมาเป็นผู้อาวุโสของศาลาเลือดเหล็ก นั่นคือศาลาที่สูงศักดิ์ยิ่งกว่าศาลาใดๆ!”
“หากเจ้าสามารถทำได้ ถ้าเช่นนั้น…นับแต่นี้ก็ถือว่าเจ้าได้เหยียบย่างเข้าสู่อิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา! ขอแค่ไม่ทรยศต่อสำนัก ก็มากพอให้เจ้าวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นไรก็ได้!” ป๋ายหลินไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากชี้นำเป็นนัยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจบก็หมุนกายจากไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนทำท่าทางครุ่นคิด มองส่งป๋ายหลินแล้วตัวเองก็กลับเข้าไปในหอเรือน หยิบเอาป้ายตัวตนขึ้นมาตรวจสอบดูจำนวนคุณความชอบในการรบที่ผู้บังคับกองหมื่นจำเป็นต้องมี เพียงแค่มองครั้งเดียวเขาก็สำลักลมหายใจทันที
“เยอะขนาดนี้เชียว…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าผู้บังคับกองหมื่นคนอื่นเลื่อนยศกันอย่างไร แต่ดูจากคุณความชอบในการสู้รบแล้ว นั่นคือคุณความชอบที่มากกว่าการเป็นผู้บังคับกองพันนับร้อยเท่า ความมากมหาศาลของมันจำเป็นต้องให้เขาเผชิญหน้ากับสงครามเช่นก่อนหน้านี้อย่างน้อยสองครั้งถึงจะได้
“ไม่เอาแล้วดีกว่า เป็นผู้บังคับกองพันก็พอแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนทดท้อเล็กน้อย หลังจากส่ายหัวก็เก็บป้ายตัวตนกลับไปไว้ที่เดิม ก่อนจะหันมามองยาก่อกำเนิดที่อยู่ด้านข้าง ดวงตาจึงค่อยๆ เปล่งประกายเร่าร้อน
“รวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนปรับลมหายใจของตัวเอง ปิดผนึกหอเรือนเรียบร้อยก็สั่งความบอกพวกจ้าวหลงเรื่องที่ตนจะปิดด่าน กว่าจะเตรียมการเรียบร้อยก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว
เขาหยิบเอายาก่อกำเนิดเม็ดหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงวางลงไปในปากช้าๆ!
เมื่อยาเข้าปาก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่างทันที ในสมองก็ยิ่งดังอื้ออึงเหมือนมีสายฟ้าหลายเส้นระเบิดอยู่กลางจิตวิญญาณ ก่อนที่มันจะแผ่พลังเขย่าคลอนฟ้าดินไปทั่วร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งไปผสานรวมอยู่ในตำแหน่งยาอายุวัฒนะสีทองของเขา