Skip to content

A Will Eternal 58

บทที่ 58 สู้แบบหมาจนตรอก!

ค่ำคืนฝนตก ฟ้าร้องดังเลื่อนลั่น สายฟ้าแลบพาดผ่านท้องนภา ทำให้ระหว่างฟ้าดินเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เสียงกัมปนาทดังก้อง หยาดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วร่วงหล่นลงสู่พื้นดินอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดเสียงซ่าๆ

เมื่อมองจากที่ไกลๆ ระหว่างฟ้าและดินล้วนถูกปกคลุมอยู่ในม่านสายฝน มองดูสลัวเลือนราง ไอหนาวเย็นเยียบแผ่กระจายอย่างไร้ขอบเขต

บนพื้นดิน ร่างกายป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน ดวงตาทั้งคู่แดงฉาน กำลังระเบิดความเร็วทั้งหมดที่มีห้อทะยานไปข้างหน้า บางครั้งก็ย่ำเท้าลงพื้นแรงๆ บางครั้งก็กระโดดขึ้นกลางอากาศ ตลอดทางที่ผ่านมาเหมือนลูกศรที่พุ่งออกจากแล่ง คำรามพุ่งไปข้างหน้า

“มีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเราต้อง…มีชีวิตอยู่ต่อไป!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น ปากท่องประโยคนี้ไม่หยุด เงาร่างของตู้หลิงเฟยและโหวอวิ๋นเฟยลอยขึ้นมาในสมองของเขา

เงามืดแห่งความตายใกล้เข้ามา คล้ายว่าได้หลอมรวมเข้ากับน้ำฝน ทำให้รอบด้านยิ่งหนาวสะท้าน

รอบกายเขาในยามนี้แต่ละตำแหน่งล้วนมีเงาร่างเก้าร่างกำลังไล่กวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเฉินเหิง ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ห่างที่สุด ตามหลังทุกคน แต่ความเร็วกลับเร็วอย่างยิ่ง กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวมาจากไกลๆ ลอดผ่านม่านฝน ความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นทำให้ม่านฝนเบื้องหน้าเขาส่งเสียงระเบิดดังเป็นระลอก

“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ไม่มีใครหนีรอดจากค่ายกลที่บรรพบุรุษตระกูลลั่วเฉินของข้าวางเอาไว้ได้!” ไอสังหารในดวงตาเฉินเหิงเปล่งวาบ

ตลอดทางที่ไล่ฆ่าสามคนของอีกฝ่ายมานี้ แม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าลูกศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักธาราเทพจะหนีเอาตัวรอดเก่งถึงเพียงนี้ ถึงตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็อาจจะถึงขั้นหนีพ้นจากเขตค่ายกลของผู้อาวุโสไปได้ โดยเฉพาะคนที่ตนกำลังไล่ฆ่าอยู่ตอนนี้ พลังตบะไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่ฆ่าเฉินเยว่ได้เลย ตลอดทางมานี้เขายังเข่นฆ่าคนตระกูลลั่วเฉินที่ตนพามาด้วยได้อีกหลายคน

นี่ยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นซ่างกวานเทียวโย่ว หรือหลู่เทียนเหล่ยคนใดคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วชายฝั่งทิศใต้ของสำนักธาราเทพอย่างแน่นอน เพราะขอบเขตพื้นที่บริเวณนี้อยู่ในความควบคุมของชายฝั่งทิศใต้ โดยทั่วไปแล้วคนจากชายฝั่งทิศเหนือจะไม่ปรากฏตัว

“ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของสำนักธาราเทพ…” ไอสังหารในดวงตาเฉินเหิงยิ่งเข้มข้น ถึงขั้นมีความฮึกเหิมปรากฏให้เห็นเลือนรางด้วย

ฟ้าผ่าดังสะเทือนเลื่อนลั่น ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันห้อตะบึง เขาหายใจถี่กระชั้น พลังวิญญาณในร่างกายของเขากำลังเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ฟ้าดินเบื้องหน้าพร่าเลือน ประหนึ่งมีสัตว์ร้ายยุคดึกดำบรรพ์กำลังอ้าปากกว้างปกคลุมนภากาศสี่ทิศ

ทันใดนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ในดวงตาสีเลือดปรากฏแววโหดเหี้ยม เมื่อมองไปเบื้องหน้าห่างจากเขาไปหลายสิบจั้ง สายฝนเกิดการเคลื่อนไหวเป็นลูกคลื่นอย่างกะทันหัน พละกำลังมหาศาลส่งเสียงดังตึงตังลอยมา ทำให้เม็ดฝนจำนวนไม่ถ้วนแตกละเอียดแล้วพุ่งกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

เบื้องหลังม่านฝนนั้น ปรากฏร่างคนตระกูลลั่วเฉินที่ไล่ทันมายืนขวางเส้นทางของป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ได้เป็นคนแรก!

นั่นเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง บนใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นหนึ่งเส้น ตลอดทั้งร่างมองดูแล้วดุร้ายอย่างมาก มีพลังการรวมลมปราณขั้นเจ็ดที่สมบูรณ์แบบ ยามนี้กำลังก้าวเท้าเข้ามาใกล้ มือขวาถือขวานขนาดยักษ์หนึ่งเล่ม พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้รวดเร็วราวกับลมคลั่ง คำรามเสียงดังหนึ่งครั้ง มือทั้งสองจับขวานยกขึ้นสูงแล้วฟันฉับลงมาแรงๆ เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

“ไสหัวกลับไป!” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนดุจฟ้าผ่า ดังก้องไปสี่ทิศ

ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนแดงก่ำ แต่ร่างกายไม่ได้หยุดลงแม้แต่นิด วินาทีที่ขวานของอีกฝ่ายตวัดลงมา เขาก็ยื่นหัวพุ่งออกไป มือซ้ายยกพรวดขึ้นไปรับขวานที่ฟันลงมา!

ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงเย็น รวมลมปราณลงบนมือทั้งสองมากขึ้น ทำให้ตอนที่ขวานร่วงลงมาเกิดลมพัดอย่างบ้าคลั่ง

ชั่วขณะที่มือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนยกขึ้นนั้น แสงสีดำกะพริบวาบ ผิวหนังเหล็กคงกระพันระเบิดออกมาในวินาทีนี้ ทำให้มือซ้ายของเขามองดูแล้วกลายเป็นสีดำ พริบตาเดียวก็กระแทกเข้ากับหัวขวาน

เสียงเคร้งดังหนึ่งครั้ง มือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าหมับเข้าที่คมขวาน พละกำลังที่มากมายทำให้น้ำฝนรอบด้านโหมซัดสาดกระเซ็นไปทั่ว

ความเจ็บปวดรุนแรงส่งผ่านมา เลือดสดไหลริน แต่ความแข็งแกร่งของผิวหนังเหล็กคงกระพัน โดยเฉพาะยามนี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแผ่พลังออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้ถึงแม้ฝ่ามือของเขาจะมีเลือดไหล แต่กลับไม่ปริแตกเหวอะหวะ

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว ออกแรงกระชากหนึ่งครั้ง แต่มือของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ต่างอะไรไปจากคีมเหล็ก หนีบขวานใหญ่เอาไว้แน่น ทั้งๆ ที่ชายวัยกลางคนสะบัดเต็มแรง แต่กลับไม่ขยับเลยสักนิด

ภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีได้ทันควัน เมื่อเขาเงยหน้าก็มองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ใกล้ตนเองมีสายตาบ้าคลั่ง!

ความบ้าคลั่งประเภทนี้เขาไม่เคยเห็นจากคนผู้ใดมาก่อน มีเพียงแค่สายตาของสัตว์ร้ายจนตรอกของในเทือกเขาลั่วซิงเท่านั้นที่มีความคล้ายคลึงอยู่บ้าง

ภายนี้ทำให้ใจของชายวัยกลางคนเต้นโครมคราม ตลอดทั้งร่างเกิดแสงคุ้มกันหลายเส้นปรากฏขึ้นมา มือทั้งสองคลายออกจากขวานอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ถอยหลังกรูดโดยพลัน

เขาเร็ว แต่ป๋ายเสี่ยวฉุน…เร็วยิ่งกว่า!

พริบตาที่มือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนขัดขวานใหญ่ด้ามนี้เอาไว้ มือขวาก็ปรากฏแสงสีดำขึ้นมาเช่นเดียวกัน จังหวะที่สายฟ้าแลบผ่านท้องฟ้านั้น มือขวาสีดำสนิทของเขาก็ปรากฏพรวดต่อหน้าชายวัยกลางคนผู้นี้

แวบเดียวก็เข้ามาใกล้ และทะลุลอดเข้าไปในวงแสงคุ้มกันนอกกายชายวัยกลางคน เสียงคึ่กๆ ดังสะท้อน แสงคุ้มกันเหล่านั้น…แตกออก มือขวาป๋ายเสี่ยวฉุนบุกไปข้างหน้าราวพายุ พริบตาเดียวก็ทะลุเข้าไปได้หมด และยามนี้เอง เหมือนว่าภายใต้สภาวะปลดปล่อยพลังถึงขีดสุดเช่นนี้ ทำให้ตรวนสลายลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุนต่างออกไปจากเวลาปกติ!

มันถึงขั้น…มีแรงดึงดูดระลอกหนึ่งระเบิดออกมาจากฝ่ามือ ทำให้การก้าวถอยหลังของชายวัยกลางคนชะงักกึก ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้ โลกเบื้องหน้าก็ถูกแทนที่ด้วยมือสีดำสนิทของป๋ายเสี่ยวฉุนไปเสียสิ้น!

เสียงขวับดังหนึ่งครั้ง มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนตรงเข้าไปกักลำคอของชายวัยกลางคน บีบเค้นลงไปสุดแรงด้วยใบหน้าอำมหิต!

กร๊อบ!

สายตาชายวัยกลางคนเผยแววไม่อยากเชื่อ เลือดไหลซึมออกจากปาก ไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้องโหยหวนดังลอดออกมา จากการที่กระดูกทุกชิ้นในลำคอถูกบีบจนแหลกละเอียด หัวของเขาจึงห้อยลงมาทันที สิ้นลมขาดใจตาย!

แม้จะตายแล้วแต่ดวงตาของเขาก็ยังฉายความตกตะลึงพรึงเพริด แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง และตนก็มีการเตรียมพร้อมรับมือ เมื่อครู่ที่ลงมือไม่ใช่เพราะต้องการโจมตีอีกฝ่าย แต่ต้องการขัดขวางเอาไว้เพื่อถ่วงเวลา แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ลูกศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักธาราเทพตัวผอมแห้งผู้นี้จะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้

และพริบตาที่ชายวัยกลางคนสิ้นชีพนั้นเอง ห่างไปไกลมีเงาร่างสองร่างกำลังพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นมีพลังรวมลมปราณขั้นแปดเช่นเดียวกับเฉินเยว่

“เฉินจง!!” เห็นว่าชายวัยกลางคนสิ้นใจ สองคนที่เพิ่งมาถึงตะโกนก้องด้วยความโศกสลดทันที

“พวกเจ้าบีบบังคับข้าเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดมือขวาโยนศพชายวัยกลางคนทิ้งไป เขาหายใจถี่กระชั้น โยกร่างหนึ่งทีก็เปลี่ยนทิศทาง ห้อตะบึงต่อไปอีกครั้ง เขาสั่นไปทั้งตัว ความเหี้ยมเกรียมในดวงตาทั้งคู่เข้มข้นยิ่งกว่าก่อนหน้ามากนัก

เขารู้ว่าตัวเองจะถูกสกัดกั้นให้หยุดลงไม่ได้ และแผนเดิมของเขาก็คือล่อคนตระกูลลั่วเฉินให้ห่างออกไป ยามนี้จึงพลันเปลี่ยนทิศทาง ซึ่งทางที่ไปนั้นมองไกลๆ จะเห็นว่าเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวยาวติดต่อกัน

เทือกเขาแห่งนี้ไม่ใช่เขตชายแดน ดังนั้นจึงไม่มีชื่อ แต่การทอดตัวของเทือกเขาไม่ด้อยไปกว่าเทือกเขาลั่วซิง ถึงขั้นที่ว่ามองดูแล้วมีพลังมหาศาลมากยิ่งกว่าด้วยซ้ำ ที่น่าตกตะลึงก็คือสายฝนของที่นั่นดูเหมือนว่าจะหนักกว่า แม้แต่สายฟ้าที่ทั้งร้องทั้งผ่าส่วนใหญ่ก็ไปรวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนั้น

เมื่อเงยหน้ามองไปยังสามารถมองเห็นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแลบติดต่อกันกลายเป็นลูกกลมสายฟ้า ซึ่งในเวลานี้กำลังระเบิดดังตูมตามพร้อมสายฝน

เสียงฮูมดังหนึ่งครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนบินทะยาน คนตระกูลลั่วเฉินสองคนที่อยู่ข้างหลังเขากำลังไล่กวดเข้ามากระชั้นชิดไม่เลิกรา ยามนี้รอบด้านยังสามารถมองเห็นเงาร่างของคนตระกูลลั่วเฉินคนอื่นๆ ได้ไกลๆ อีกด้วย

โดยเฉพาะสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่ห่างออกไปไกลซึ่งกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว หรือก็คือเฉินเหิง

คนตระกูลลั่วเฉินรอบกายเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง ระยะห่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกับผืนป่าของเทือกเขาแห่งนั้นก็ยิ่งใกล้กันมากยิ่งขึ้น เหลือไม่ถึงสิบจั้งแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาเปียกปอน กัดฟันกระทืบเท้าแรงๆ หนึ่งที ร่างกระโดดเหินพรวดขึ้น อีกนิดเดียวก็จะฝ่าเข้าไปในผืนป่าของเทือกเขาแล้ว

“ขวางมันเอาไว้!” เสียงทะมึนของเฉินเหิงที่อยู่ห่างไกลดังลอยมา

และในเวลานี้เอง คนตระกูลลั่วเฉินสองคนที่อยู่ใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนมากที่สุด หนึ่งในนั้นคือชายผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดก็คำรามเสียงต่ำหนึ่งครั้ง เอามือคว้าจับคนในตระกูลที่มีพลังรวมลมปราณขั้นเจ็ดซึ่งอยู่ด้านข้าง สองคนสบตากัน เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายทันที เมื่อคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นเจ็ดหดตัวกลายเป็นลูกกลม ก็ถูกชายผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดโยนออกไปข้างหน้าแรงๆ

เสียงตูมดังขึ้นหนึ่งครั้ง พลังรวมลมปราณทั้งหมดก็ระเบิดขึ้นในทันใด ร่างของคนที่หดตัวเป็นก้อนกลมพลันขยายขนาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คำรามลอดผ่านม่านสายฝน พริบตาเดียวก็ตามทันป๋ายเสี่ยวฉุน

วินาทีที่เข้ามาใกล้นั้น คนของตระกูลที่มีพลังรวมลมปราณขั้นเจ็ดผู้นี้แผ่ตบะออกมาทันใด พุ่งโจมตีเข้ามา เสียงกัมปนาทดังก้อง ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนหยุดชะงัก หมุนตัวทำมุทราชี้ไป กระบี่ไม้คำรามพุ่งไปด้านหน้า แต่คนพลังรวมลมปราณขั้นเจ็ดผู้นั้นกลับไม่สนชีวิต ปล่อยให้กระบี่ไม้บินทะลุร่างกาย ชั่วขณะที่เขาสิ้นใจ มุมปากกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

ร่างของเขาระเบิดดังตูมหนึ่งครั้ง กลายเป็นเนื้อและเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่รวมตัวกันเป็นเชือกเลือดเนื้อเส้นหนึ่ง จะพุ่งเข้ารัดพันป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังกรูดทันที แต่วินาทีที่เขาถอยหลังอยู่นั้น เสียงแหลมคมก็แหวกอากาศเข้ามายังเบื้องหลังเขา นั่นคือลูกศรหนึ่งดอก!

ผู้ที่ยิงก็คือคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดผู้นั้น ในมือเขาถือคันธนูอันใหญ่ เวลานี้สายธนูยังคงไม่หยุดสั่น

เขาคว้าเอาช่วงเวลาสำคัญตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อาจหลบหลีก ร่วมมือกับคนพลังรวมลมปราณขั้นเจ็ดที่ก่อนหน้านี้ตายไปอย่างไม่เสียดายชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยม!

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวิกฤต ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งแสงวาบ เขาฝืนหยุดร่าง ทำเหมือนจะเป็นฝ่ายพุ่งเข้ารับลูกศรแหลมคมที่แหวกอากาศเข้ามาใกล้นั้นเสียเอง

เสียงฮูมดังหนึ่งครั้ง ลูกธนูแหลมคมที่กรีดผ่านอากาศจนเกิดเป็นเสียงปักเข้าบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ความเจ็บปวดรุนแรงส่งผ่านมา ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าซีดขาว

และเมื่อลูกธนูดอกนี้ปักเข้ากระดูกสะบักไหล่ขวาของเขานั้น ก็ถูกกั้นไว้ด้วยกระดูกอย่างพอดิบพอดี ศรดอกนี้ไม่ธรรมดา ทั้งยังถูกยิงออกมาจากมือของผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปด พละกำลังจึงมีมาก ครั้นถูกกระดูกสกัดกั้นเอาไว้แล้ว จึงพาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนลอยกระเด็นออกไป หลบพ้นเชือกเลือดเนื้อเส้นนั้น!

เสียงตึงดังหนึ่งครั้ง!

ธนูดอกนี้พาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนปักทิ่มลงบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างอย่างแรง ทำให้ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนถูกปักไว้ด้านบนแน่น!

คนในตระกูลผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีความดีใจอย่างบ้าคลั่งเผยชัดในดวงตา เขาเคลื่อนไหวร่างกายพุ่งเข้าหา ขณะเดียวกันกับที่เข้าใกล้อย่างรวดเร็ว มือขวาก็รั้งเชือกตั้งท่ายิงธนูดอกที่สองเพื่อคร่าชีวิตป๋ายเสี่ยวฉุน!

ห่างออกไป คนตระกูลลั่วเฉินคนอื่นๆ ก็ล้วนเผยสีหน้าโหดเหี้ยม คำรามพร้อมกับเข้าใกล้ แต่เวลานี้เอง เฉินเหิงที่เข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วกลับหน้าถอดสี

“ระวัง!!”

———

** หมายเหตุ แก้ชื่อตัวละครจาก ลวี่เทียนเหล่ย เป็น หลู่เทียนเหล่ย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version