Skip to content

A Will Eternal 59

บทที่ 59 เจ้าตายข้ารอด!

แทบจะวินาทีที่เสียงของเฉินเหิงดังลอยมา ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ร่างถูกปักไว้บนต้นไม้อยู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นพรวด นัยน์ตาของเขาเผยแววเหี้ยมเกรียม มือซ้ายยกขึ้นคว้าจับบนลูกธนูที่ไหล่ขวา แล้วกระชากออกมาอย่างรุนแรงโดยไม่สนว่าธนูดอกนี้ปักเข้าไปในร่างตนเอง

ขณะที่เลือดสดๆ จำนวนมากพุ่งทะลัก ธนูดอกนั้นถูกเขากระชากออกมาพร้อมเลือดและเนื้อหลายก้อน ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ็บปวดรุนแรงจนตัวสั่น แต่กลับไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ลมปราณม่วงควบคุมกระถางระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่ รวมตัวกันกลายเป็นยกเบาเสมือนหนัก เขาซัดลูกธนูตรงไปยังคนตระกูลลั่วเฉินที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดซึ่งกำลังเข้ามาใกล้

เสียงแหลมคมกรีดผ่านอากาศลอยออกมาทันใด ดังสะท้อนไปทั่วสี่ทิศ ธนูดอกนี้คำรามตรงไปหาคนตระกูลลั่วเฉินที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งกว่าเดิม

ภายใต้พลังยกเบาเสมือนหนัก แรงกำลังของธนูดอกนี้มากพอๆ กับภูเขาทั้งลูก

เวลาเดียวกันนั้นร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ร่วงลง มือทั้งคู่ทำมุทราชี้ไป กระบี่ไม้พลันคำรามบินออกมาทันใด กลายเป็นคู่พิฆาต ไอสังหารเหี้ยมโหดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน การเข่นฆ่ากับคนตระกูลลั่วเฉินแต่ละครั้งในหลายวันมานี้ ทำให้ประสบการณ์การสู้รบของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มขึ้นพรวดพราดด้วยความเร็วที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังสัมผัสไม่ถึง ราวกับว่าในกระดูกของเขาเดิมทีก็มีพรสวรรค์แห่งการสู้รบเช่นนี้ดำรงอยู่แล้ว แต่ในเวลาปกติไม่เคยแสดงออกมา ตอนนี้เมื่อถูกวิกฤตความเป็นความตายกระตุ้นติดต่อกันไม่หยุด สุดท้ายจึงระเบิดออกมาเต็มกำลัง

คนตระกูลลั่วเฉินที่กำลังจะยิงธนูดอกที่สองยามนี้หน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ พอตอนนี้มาย้อนคิดดู การที่เมื่อครู่อีกฝ่ายเลือกโดนยิง ก็เพื่อหลบเลี่ยงการรัดพันจากเชือกเลือดเนื้อ และยามนี้ที่โจมตีกลับอย่างรวดเร็ว บางทีก็คงจะเป็นจุดมุ่งหมายตั้งแต่แรก

ร่างเขาถอยกรูดอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่เป็นคนในตระกูลซึ่งมีพลังรวมลมปราณขั้นแปดสมบูรณ์แบบ เขามักจะต่อสู้กับสัตว์ร้ายในเทือกเขาลั่วซิงเป็นประจำ จากประสบการณ์มากล้น ยามนี้แม้จะเสียกำลังใจในการเป็นฝ่ายรุกด้วยตกอยู่ในวิกฤต แต่ขณะที่เขาก้าวถอยกลับไม่ได้ป้องกันตัวทันที แต่ใช้ช่วงเวลาอันมีค่าที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนี้…ดึงธนูที่เดิมทีขึ้นสายแค่ครึ่งแล่งให้รั้งออกเต็มเหยียด!

“แกจะรับหรือไม่รับ!” ขณะที่เขาคำรามเสียงต่ำ ธนูดอกที่สองก็คำรามตรงดิ่งไปหาป๋ายเสี่ยวฉุน นัยน์ตาฉายความดุร้าย

ในสายตาของเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องใช้กระบี่ไม้มาสกัดกั้นอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ต้องเผชิญกับการสังหารคู่ สามารถลดวิกฤตลงได้ เปลี่ยนจากฝ่ายรับมาเป็นฝ่ายรุก

แต่ในเวลานี้ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนแดงฉาน เขาไม่มีทางเหลือโอกาสใดๆ ไว้ให้อีกฝ่าย หากถูกรัดพันยื้อยุดไว้ ไม่นานคนอื่นๆ ก็ต้องตามมาทัน พอถึงเวลานั้นตนเองต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เขากัดฟันกรอด ไม่ได้ควบคุมกระบี่บินให้เข้าไปสกัดกั้น แต่ปล่อยให้ลูกธนูดอกนั้นเข้าใกล้และทะลุผ่านหน้าท้องของตนเองไป ส่วนลูกธนูของเขาก็ระเบิดพลังออกมาในพริบตานั้น ทิ่มเข้าไปที่หน้าอกของคนตระกูลลั่วเฉินอย่างแรง คนผู้นั้นเปล่งเสียงร้องโหยหวนขณะที่เลือดสดไหลริน สายตาเผยความตกตะลึง คิดอาศัยแรงถอยร่นไปด้านหลัง

แต่ยามนี้กระบี่ไม้ของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งเข้ามาราวกับจะเอาชีวิต ทันทีที่เข้ามาใกล้ก็ตวัดรอบลำคอของคนพลังรวมลมปราณขั้นแปด พริบตาเดียวศีรษะก็ร่วงลงพื้น

ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนพ่นเลือดสดออกมาหนึ่งคำ แต่เขาไม่ได้หยุดพัก หมุนตัวพุ่งถลาเข้าไปในผืนป่าที่อยู่ด้านหลัง แปบเดียวก็หายเข้าไปในป่า

และแค่สิบกว่าชั่วลมหายใจ เงาร่างของคนตระกูลลั่วเฉินในแต่ละเส้นทางก็ตรงมายังสถานที่ต่อสู้นี้ดังสวบสาบ แต่ละคนพากันตกตะลึง เมื่อครู่นี้พวกเขาเห็นภาพทุกภาพด้วยตาของตัวเอง พวกเขาล้วนอกสั่นขวัญหายต่อความเหี้ยมโหดของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ใช้อาการบาดเจ็บมาแลกกับการฆ่าอีกฝ่าย

เฉินเหิง นายน้อยตระกูลลั่วเฉินเองก็สะบัดร่างหนึ่งครั้งมาปรากฏตัวอยู่ริมผืนป่า

เขามองอย่างเงียบงันไปยังคนพลังรวมลมปราณขั้นแปดที่หัวขาดและคนที่ร่างกลายเป็นเชือกเลือดเนื้อผู้นั้น ในดวงตายิ่งมีแววสังหารที่รุนแรงเพิ่มขึ้น

“เฉินเฟิง เฉินกู่ พวกเจ้าสองคนไปตามหาในพื้นที่อื่น ป้องกันไม่ให้โดนแผนล่อเสือออกจากถ้ำ คนอื่นๆ…เข้าไปพร้อมกับข้า ไม่ได้หัวคนผู้นี้ ห้ามกลับออกมาเด็ดขาด!” เฉินเหิงสะบัดปลายแขนเสื้อ เข้าไปในผืนป่าเป็นคนแรก เบื้องหลังเขา คนตระกูลลั่วเฉินห้าคน สามคนมีพลังรวมลมปราณขั้นแปด สองคนพลังรวมลมปราณขั้นเจ็ด

สองคนที่มีรวมพลังลมปราณขั้นเจ็ดก้าวถอย รับคำสั่งของเฉินเหิง ออกไปตามหาด้านนอก สามคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปด นัยน์ตาแต่ละคนล้วนมีไอสังหารหลอมรวมหนาแน่น พุ่งเข้าไปในผืนป่าตามเฉินเหิง

ในผืนป่าเทือกเขาไร้นาม ป๋ายเสี่ยวฉุนเวียนศีรษะจนตาพร่ามัว ไหล่ ท้อง และขาขวาของเขา ในเวลานี้ล้วนบาดเจ็บหนัก เมื่อต้องมาเปียกปอนอยู่ท่ามกลางสายฝน ทำให้ร่างกายเขาที่เดิมทีก็สั่นไหวอยู่แล้วยิ่งสะท้านเยือกเข้าไปใหญ่

“จะตายแล้วเหรอ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะขื่น เขามองบาดแผลมากมายที่อยู่บนร่างตัวเอง ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้าไปถึงกระดูก ทำให้น้ำตามาคลออยู่ในหน่วยตาของเขา

ในสมองเขามีภาพแต่ละภาพของพ่อแม่ที่ป่วยตาย และตนเองมองดูศพพวกเขาที่ค่อยๆ เย็นชืดด้วยความหวาดกลัว

บางที อาจจะนับตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำให้เขาเริ่มกลัวตายเป็นพิเศษ

“ข้าต้องมีชีวิตอยู่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือซ้ายขึ้นมาเช็ดน้ำตา เขากัดฟันที่เย็นเฉียบ ห้อตะบึงด้วยความรวดเร็วอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ เขาไม่รู้ว่าต้องไปที่ใด และไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร ยามนี้ในสมองของเขามีเพียงความคิดดุเดือดเพียงอย่างเดียว

‘มีชีวิตอยู่ต่อไป!’

สำหรับความหวาดกลัวที่มีต่อความตาย ในยามนี้ก็กระตุ้นให้เกิดพลังมหาศาลคอยประคองป๋ายเสี่ยวฉุนให้ห้อทะยานไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็วท่ามกลางสายฝนได้เช่นเดียวกัน

ถึงขั้นที่เขาค่อยๆ ค้นพบว่า หลังจากผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง ตบะของเขาเกิดการคลายตัวลง เหมือนว่าอยู่ห่างจากการฝ่าทะลุขั้นหกของการรวมลมปราณอีกไม่ไกลแล้ว

ไม่นาน ขอบฟ้าที่ห่างไกลปรากฏแสงอรุณแรกออกมา แสงอาทิตย์ทะลุลอดผ่านใบไม้ออกมาเป็นลำ ตกกระทบลงบนเม็ดฝนที่อยู่ระหว่างป่า สะท้อนออกมาเป็นแสงงามประณีต เพียงแต่ว่าสายพิรุณกลับยังไม่หยุดพร่างพราย

เบื้องหลังป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเฉินเหิงสี่คนที่อยู่ในผืนป่าเองก็กำลังบินทะยานอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเฉินเหิงยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป แม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ว่ายังไงพวกตนก็ไล่ตามไม่ทันเสียที ถึงขั้นที่ว่ายามนี้ไล่ตามกันมาหนึ่งคืนแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมุ่งไปในทิศทางใด

โดยเฉพาะฝนตกฟ้าร้องครั้งนี้ได้ชะล้างร่องรอยทั้งหมดออกไป ต่อให้พวกเขาเป็นคนในตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในเทือกเขาลั่วซิง มักจะไปผจญกับพวกสัตว์ร้ายในผืนป่าบ่อยครั้ง แต่เนื่องจากฝนที่ตกหนักก็ทำให้มิอาจมองเห็นร่องรอยได้

“แยกกันไปตามหา คนผู้นี้บาดเจ็บหนัก หนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก พวกเจ้าสามคนอยู่ห่างกันคนละหนึ่งร้อยจั้ง หากพบคนผู้นี้เมื่อไหร่ไม่ต้องจู่โจม ให้รีบถอยทันที แล้วส่งข้อความมาบอกข้า!” เฉินเหิงกัดฟัน เอ่ยปากเน้นย้ำทีละคำ คนในตระกูลพลังรวมลมปราณขั้นแปดสามคนที่อยู่เบื้องหลังเขาลังเลกันเล็กน้อย แต่ก็พากันพยักหน้าแยกย้ายกันไป

เวลาผันผ่าน หนึ่งวันผ่านไป ป๋ายเสี่ยวฉุนอ่อนล้าไปทั้งตัว ใกล้ถึงจุดแตกดับแล้ว หากไม่เพราะปณิธานในการมีชีวิตอยู่อันแข็งแกร่งคอยประคับประคองเอาไว้ ก็คงล้มลงไปนานแล้ว

ริมฝีปากของเขาแห้งแตก สีหน้าซีดเซียว ขนาดความเร็วก็ยังช้าลง หลังจากรุดหน้าไปได้อีกหนึ่งก้านธูป อยู่ๆ เขาก็หน้าเปลี่ยนสี หันพรวดไปมองทางขวามือ เขามองเห็นเงาร่างหนึ่งบินทะยานมาจากทางนั้น ไม่ได้พุ่งเข้าหาตัวเอง แต่หนีร่นไปด้านหลัง

นี่คือชายหนุ่มใบหน้ายาวคนหนึ่ง ซึ่งก็คือหนึ่งในคนตระกูลลั่วเฉินที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปด เวลานี้เขาถอยร่นไปข้างหลัง มือขวาหยิบแผ่นหยกออกมาหนึ่งแผ่น จับเอาไว้แน่นและส่งข้อความออกไปทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนใจร่วงลงตาตุ่ม ร่างกายพลันเพิ่มความเร็ว ห้อทะยานเข้าไปยังส่วนลึกของผืนป่า

ชายหนุ่มหน้ายาวหน้าถอดสี เดิมเขาก็รู้สึกหวาดเกรงป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้ว ขณะที่กำลังลังเลว่าควรไล่ตามไปหรือไม่ พลันนัยน์ตาก็เผยความดีใจ เห็นเพียงว่าระยะร้อยจั้งของทั้งสองฝั่ง เวลานี้มีเงาร่างสองร่างกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

คนสองคนนี้ก็คือผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปด แต่ที่ห่างออกไปไกลอีกหน่อย สายรุ้งยาวเส้นหนึ่งกำลังบินผ่านท้องฟ้ามา ซึ่งก็คือเฉินเหิง

สามคนคำรามพุ่งเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้ ดูจากความเร็วของพวกเขา คนในตระกูลสองคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดนั้น สิบชั่วลมหายใจก็เข้ามาใกล้ได้ ส่วนเฉินเหิง อย่างมากที่สุดยี่สิบลมหายใจก็คงปรากฏตัว

ชายหนุ่มหน้ายาวหัวเราะร่า ตัดสินใจได้ในทันที ตบะตลอดทั่วร่างระเบิดออก แสงคุ้มกันที่มีพลังยิ่งกว่าเดิมปรากฏออกมา มือขวาตบถุงเก็บของ กระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งก็เพิ่มขึ้นมาในมือ

กระบี่ใหญ่นี้ยาวพอเจ็ดฉื่อ มองจากภายนอกแล้วดูธรรมดามาก ถูกชายหนุ่มหน้ายาวถือไว้ในมือ โบกสะบัดกรีดผ่าอากาศไปสี่ทิศ แหลมคมไร้สิ่งใดเปรียบ แววสังหารในดวงตาของเขากะพริบวาบ เร่งความเร็วเต็มกำลัง ตรงเข้าไล่กวดป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

“ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของสำนักธาราเทพ เมื่อฆ่าได้ต้องน่าปิติยินดียิ่งนัก ย่อมรู้สึกประสบความสำเร็จยิ่งกว่าฆ่าพวกบำเพ็ญเพียรทั่วไปเหล่านั้นแน่นอน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มหน้ายาวดังลอยมา กระบี่ยาวในมือฟันลงไปด้านหน้าแรงๆ หนึ่งที ทันใดนั้นแสงกระบี่เส้นหนึ่งก็กรีดผ่าอากาศไปสี่ทิศ กลายเป็นเสียงลมหวีดหวิว มือซ้ายทำมุทราชี้ไปด้านหน้าหนึ่งครั้ง พลันมีลูกไฟกลมขนาดเท่ากำปั้นหนึ่งลูกบินตรงไปหาป๋ายเสี่ยวฉุน

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง แม้ฝนจะตก แต่ตอนที่ลูกไฟกลมระเบิดออกก็ยังคงมีไอร้อนแผดเผาแผ่ซ่านออกมาเช่นเดิม ทำให้พลังโจมตีเกิดขึ้นรอบด้าน ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนหยุดชะงัก เมื่อหันหน้ากลับมาแววตาฉายไอสังหาร เขารู้ว่าหากไม่กำจัดอีกฝ่าย ตนเองก็ไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้

แต่พริบตาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหันมานั้น ชายหนุ่มหน้ายาวพลันถอยกรูดกะทันหัน ดวงตาเผยแววเย้ยหยัน เขาไม่มีทางให้โอกาสป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแน่นอน และไม่มีทางเข้าไปใกล้ เป้าหมายของเขามีเพียงแค่อย่างเดียว รั้งป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้

ป๋ายเสี่ยวฉุนกำหมัดแน่น สะบัดร่างหนึ่งทีก็ห้อทะยานออกไปอีกครั้ง แต่ชายหน้ายาวผู้นั้นก็เข้ามากวนเขาอีกอย่างรวดเร็ว หลังผ่านไปไม่กี่อึดใจ คนพลังรวมลมปราณขั้นแปดอีกสองคนก็พากันเข้ามาใกล้ พอมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน ตบะของคนทั้งสองก็ระเบิดออก ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนทันควัน

เวลานี้เองที่ชายหนุ่มหน้ายาวหัวเราะร่า ไม่หลบหลีกอีกต่อไป แต่เพิ่มความเร็วเต็มขั้น พุ่งเข้าเข่นฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมกับอีกสองคนจากสามทิศทาง

ผู้มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดสามคนยามนี้ร่วมกันพุ่งเข้าเข่นฆ่า เฉินเหิงที่ยังบินอยู่ห่างไกลก็คลายใจลง รู้ว่าคราวนี้ต่อให้อีกฝ่ายมีกลเม็ดอีกแค่ไหน ก็ย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย

“น่าเสียดาย เจ้าไม่อาจมีวันได้เติบโตขึ้นอีกแล้ว” เฉินเหิงเอ่ยปากราบเรียบ แต่พริบตาเดียวสีหน้าเขาก็พลันถอดสี

เห็นเพียงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ห่างออกไปไกล รอบด้านเขามีเงาสามร่างคำรามเข้าใกล้ แต่ละคนต่างสำแดงวิชาเพื่อหมายปลิดชีวิต มือขวาป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทรา กระบี่ไม้บินคำรามออกมาและพุ่งเข้าหาคนหนึ่ง ขณะเดียวกันมือขวาก็กำหมัดแน่น ต่อยกระแทกไปที่อีกคนดังตูม

เสียงกัมปนาทดังสะท้อน กระบี่ไม้ถูกสกัด เมื่อหมัดนั้นของเขาตกกระทบลง ทำให้คนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดผู้หนึ่งมีเลือดสดไหลจากมุมปาก แม้ร่างกายจะถอยหลังไป แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน บาดแผลก็ปริแตก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถอยหลัง ชายหนุ่มหน้ายาวพลันเข้าใกล้ กระบี่ยาวในมือกระจายแสงคมกริบ ทิ่มตรงเข้ามาหา

วิกฤตร้ายแรงมาเยือน ป๋ายเสี่ยวฉุนฝืนโยกตัวหลบให้พ้นตำแหน่งหัวใจ พริบตาเดียวกระบี่ยาวเล่มนั้นก็แทงทะลุหน้าอกของเขา ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเหงื่อแตกพลั่กทั้งตัวอย่างไม่อาจควบคุม ขณะที่เขาตัวสั่นอยู่นั้น เสียงหัวเราะของชายหน้ายาวดังลอยมา ขณะกำลังจะดึงกระบี่ยาวกลับ ฉับพลันนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือคว้าหมับเข้าที่กระบี่ยาวตรงหน้าอก ร่างถลันไปข้างหน้า ปล่อยให้กระบี่ยาวทะลุผ่านร่างกายไปจนมิดด้าม

ด้วยค่าตอบแทนเช่นนี้ ทำให้ทั้งร่างของเขาพลันมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าชายหน้ายาว ชายหน้ายาวหลังจากอึ้งตะลึงก็กลายมาเป็นหวาดผวา หนังศีรษะแทบจะระเบิดออก ถูกวิกฤตแห่งความเป็นความตายเข้าครอบคลุม รีบปล่อยมือคิดจะถอยกลับ แต่มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันมีแสงสีดำกะพริบวิบวับ คว้าหมับเข้าที่ลำคอของชายหน้ายาว

“เจ้า…” ชายหน้ายาวเบิกตากว้าง แต่ยังไม่ได้ทันได้พูดจบ…

กร๊อบ!

ลำคอถูกบีบละเอียดในทันที!

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version