บทที่ 609 บุรพาจารย์ลงมือ
“เขาจะออกมาแล้ว!!”
“กลับมาพร้อมทะเลเพลิงสิบสองสี…สวรรค์” ทุกคนของตระกูลป๋ายที่อยู่นอกประตูหินต่างก็ตัวสั่นด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว โดยเฉพาะพวกคนรับใช้ในตระกูลที่อยู่ห่างออกไปไกลก็ยิ่งตัวสั่นเทิ้มพร้อมสีหน้าที่ซีดหมองราวขี้เถ้ามอด ในบรรดาคนเหล่านั้นมีหัวหน้าสาวใช้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเจอในวันแรกที่กลับมายังตระกูลป๋ายซึ่งเวลานี้นางกำลังเกิดความหวาดกลัวจนถึงขั้นสิ้นหวัง
สายตาทั้งหมดล้วนมารวมกันอยู่บนประตูหินโดยไม่ได้นัดหมาย!
บัดนี้ตรงกลางประตูใหญ่ของพื้นที่บรรพชนตระกูลป๋าย ประมุขตระกูลป๋ายกำลังก้าวเข้าไปด้านในพร้อมคำรามกร้าว ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนก็พกพาเอาทะเลเพลิงสิบสองสีพุ่งพรวดออกมาจากด้านใน
อุณหภูมิร้อนสูงของทะเลเพลิงสิบสองสีทำให้ประมุขตระกูลป๋ายหน้าเปลี่ยนสี ทั้งยังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเสี้ยวหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาข่มกลั้นความคลุ้มคลั่งในใจไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เขาต้องมาเห็นลูกชายที่รักของตัวเองถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา
เห็นคาตาว่าป๋ายฮ่าวที่ตัวเองมองเป็นเศษขยะไร้ค่าลุกผงาดมีหน้ามีตา เห็นกับตาว่าป๋ายฮ่าวเหยียบย่ำทุกอย่างของตนอย่างไม่เหลือดี…บัดนี้ความโกรธและความบ้าคลั่งของเขาจึงมิอาจพรรณนาได้ เขาต้องการฆ่าคน เขาต้องการฆ่าป๋ายฮ่าว ตบะทั้งหมดของเขาจึงพากันระเบิดออก
พลังในการต่อสู้ที่แกร่งกร้าวของก่อกำเนิดช่วงกลางทำให้ร่างของเขาประหนึ่งกลายมาเป็นกระบี่แหลมคมที่ทะยานอู้ตรงเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
“เจ้าลูกทรยศ ตายซะเถอะ!!” ท่ามกลางเสียงคำราม กระบี่ที่กลายร่างมาจากประมุขตระกูลป๋ายก็แทงสวบเข้าไปในไฟสิบสองสี ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาทะลุทะลวงเข้าไปถึงด้านใน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โบกมือหนึ่งครั้งก่อนที่อานุภาพสยบของไฟสิบสองสีจะก่อตัวกลายมาเป็นลมพายุ เสียงดังตูมตามมาพร้อมกับพายุที่หมุนคว้างกระแทกโจมตีใส่ประมุขตระกูลป๋ายผ่านความว่างเปล่า
เสียงตูมๆๆ สะเทือนไปยันท้องฟ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เขาไม่มีเวลาให้มาสนใจประมุขตระกูลป๋าย ยามนี้เขาระเบิดความระเร็วถึงขีดสุด ความรู้สึกที่ทุกอย่างรอบด้านเปลี่ยนมาเป็นเชื่องช้ามีเพียงเขาคนเดียวที่ปกติจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
ความเร็วของเขาเร็วจนเรียกว่าไร้คำบรรยาย พัดหอบเอาทะเลเพลิงสิบสองสีมาพร้อมกัน ชั่วขณะที่ประมุขตระกูลป๋ายถูกพายุเปลวเพลิงพุ่งเข้ามาขัดขวาง ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พุ่งผ่านสวนทางห่างไปจากอีกฝ่ายหลายพันจั้ง เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง…ก็มาอยู่ตรงรอยแยกประตูหินและเดินออกไปอยู่ใต้นภากาศภายนอกของตระกูลป๋ายแล้ว!
เพิ่งจะปรากฏตัว ทะเลเพลิงสิบสองสีก็ระเบิดตูมแล้วแผ่กระจายเป็นวงกว้าง อาบย้อมให้ท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน ขณะเดียวกันพลานุภาพสยบและพลังอำนาจที่ก่อตัวขึ้นก็ทำให้คนแทบทั้งตระกูลป๋ายสูดลมหายใจเฮือกๆ ไม่หยุดพร้อมใจที่เต็มไปด้วยความสะท้านสะเทือน
ไม่มีอะไรที่จะมีพลังอำนาจเกรียงไกรได้อย่างภาพเหตุการณ์ที่พวกเขาได้เห็นเบื้องหน้านี้อีกแล้ว โดยเฉพาะลมพายุเปลวเพลิงที่เกิดจากผืนทะเลไฟก็ยิ่งขับให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ตรงกลางวงล้อมของเปลวเพลิงประหนึ่งดั่งจ้าวแห่งอัคคี!
วินาทีที่เขาเดินออกมา ชั่วขณะที่ทุกสายตาจ้องมองนิ่ง ในบรรดาพวกผู้อาวุโสที่อยู่รอบด้าน คนเจ็ดแปดคนที่ถือเป็นสายหลักก็พลันระเบิดไอสังหารออกมาจากดวงตา ก่อนจะกระโจนเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนทันควัน!
เพราะรอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนมีทะเลเพลิงสิบสองสี พวกผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างก็กริ่งเกรง แม้ว่าจะพุ่งเข้าใส่ แต่เห็นได้ชัดว่าต้องระวังตัวกันด้วย
ทว่าที่เร็วกกว่าพวกเขาก็คือมือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุน นาทีนั้นมือซ้ายของเขาพลันบีบแผ่นหยกเจ็ดแปดแผ่นให้แตกละเอียดพร้อมกัน นาทีที่แผ่นหยกแตกกระจาย ตะปูวิญญาณร้ายที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจัดวางไว้หลายร้อยตำแหน่งก่อนหน้านี้ก็ระเบิดขึ้นพร้อมกัน เสียงตูมๆๆ พลันดังอึกทึกกึกก้อง
เมื่อมองไป หลายร้อยพื้นที่ของตระกูลป๋ายล้วนมีปราณดุร้ายพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน พวกมันตรงเข้าไปกระแทกใส่ค่ายกลปกป้องตระกูลป๋าย เวลาแค่พริบตาเดียวค่ายกลที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดของตระกูลป๋ายก็ถึงกับบิดเบือน เมื่อเริ่มบิดเบือนก็ยิ่งเกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะๆๆ พร้อมรอยร้าวปริไล่ไปทั่วราวใยแมงมุม
ค่ายกลใหญ่…เกิดลางว่าจะแตกสลาย!!
ขณะที่สัญญาณนี้เกิดขึ้นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่แผ่นหยกชิ้นที่สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปดทยอยกันแตกออก
พลังนำส่งระลอกหนึ่งปะทุขึ้นมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ซึ่งแผ่นหยกรอบหลังนี้ก็คือยันต์นำส่งทั้งหมด!
ทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นในเวลาชั่วสายฟ้าแลบ ค่ายกลใหญ่ปริร้าว การนำส่งเกิดขึ้นอย่างอึกทึก พริบตาเดียวร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พร่าเลือน พวกผู้อาวุโสเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะหยัน ต่างคนต่างแผ่อำนาจจิตของก่อกำเนิดออกมาผสานรวมเข้าไปในความว่างเปล่ารอบด้านพร้อมๆ กัน และนี่ก็คือวิธีที่พวกเขาใช้พลังของอำนาจจิตไปก่อกวนความว่างเปล่าทำให้ยันต์นำส่งเสียประสิทธิผล!
นี่ถือเป็นวิธีที่รบกวนการนำส่งของยันต์นำส่งซึ่งพบเห็นได้บ่อยที่สุด ยิ่งตอนนี้ก่อกำเนิดหลายคนร่วมกันร่ายพลังด้วยแล้ว ต่อให้ไม่ถึงกับห้วงมิติปั่นป่วน ทว่าก็ทำให้ฟ้าดินของที่นี่พร่าเลือน ลมและเมฆพัดตลบ
พลังนำส่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเพราะการชักนำจากยันต์นำส่งพลันขาดหายไปกลางคัน ม่านตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัว หัวใจเต้นกระหน่ำรัวเร็ว ทว่าทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในการคาดเดาของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่เหลือความลังเล แหงนหน้าแผดเสียงคำรามหนึ่งครั้งก็เดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ชั่วขณะที่ผู้อาวุโสก่อกำเนิดพุ่งเข้ามาเข่นฆ่า และประมุขตระกูลป๋ายในพื้นที่บรรพชนก็หันขวับกลับมาพร้อมคำรามคับแค้นใจ เท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหยียบลงไปพอดี
เท้านี้เขาร่ายใช้เวทลับผนึกมิวางวายโดยตรง ร่างจึงพร่ามัวคล้ายจะสลายตัวออกจากกัน ทั้งยังมองข้ามการพลิกผันของห้วงมิติที่เกิดขึ้นโดยรอบอย่างไม่แยแส
ภาพนี้ทำให้พวกผู้อาวุโสสายหลักและประมุขตระกูลป๋ายพากันหน้าเปลี่ยนสี ทว่าหากแม้แต่การพลิกผันห้วงมิติก็ยังมิอาจสกัดกั้นไว้ได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีวิธีอื่นรั้งตัวป๋ายเสี่ยวฉุนไว้แล้วจริงๆ เพราะอย่างไรซะรอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีภัยคุกคามจากทะเลเพลิงสิบสองสีอยู่ซึ่งต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ยังรู้สึกหวาดผวา
ทว่าขณะที่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะสลายตัวหายไปนั้น เสียงแค่นเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังมาจากตำหนักใต้ดินของตระกูลป๋าย ซึ่งก็คือเสียงของบุรพาจารย์คนฟ้าผู้นั้น
เขาอยู่ในห้องลับ นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางเทียนเจ็ดเล่มที่มีไฟสีเขียวลุกโชน บัดนี้ประกายแสงในดวงตาของเขาคมกริบ มือขวาพลันยกขึ้นคว้าผ่านความว่างเปล่า ทันใดนั้นกลางอากาศของตระกูลป๋ายก็เกิดบิดเบือนคล้ายมีเจตจำนงไร้คำบรรยายระลอกหนึ่งกำลังเยื้องกรายมาถึง เข้ามาแทนที่ปณิธานแห่งฟากฟ้า กลายมาเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่งที่คว้าจับป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้อย่างแรง!
“อยู่ต่อเถอะ!”
การคว้าจับครั้งนี้ยังปิดผนึกความว่างเปล่ารอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนด้วย ถึงแม้เวทลับผนึกมิวางวายของเขาจะไม่ถูกตัดขาด แต่กลับช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ภาพนี้ทำให้พวกผู้อาวุโสสายหลักและประมุขตระกูลป๋ายเผยความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่งออกมาทันที
“บุรพาจารย์!”
“บุรพาจารย์ลงมือแล้ว!!”
“ป๋ายฮ่าว วันนี้เจ้าตายแน่!!”
วินาทีที่บุรพาจารย์คนฟ้าของตระกูลป๋ายลงมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หน้าเปลี่ยนสีไปเหมือนกัน กระนั้นทุกอย่างนี้ก็ยังคงอยู่ในการคาดเดาของเขา บัดนี้ดวงตาของเขาจึงแผ่ไอเย็นเยียบ นัยน์ตามีความบ้าคลั่งสาดส่อง ทั้งยังคำรามกร้าวเสียงดังลั่น
“รอเจ้าอยู่ทีเดียว!” ระหว่างที่พูดป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกมือขวาคว้าไปยังทะเลเพลิงสิบสองสีรอบกาย การคว้าครั้งนี้มีพละกำลังมหาศาลแผ่ออกมาคล้ายต้องการบีบบังคับให้ทะเลเพลิงมารวมตัวเข้าด้วยกันแล้วกลายมาเป็นไฟสิบสองสีจริงๆ
ทว่าหากไม่ฝืนบังคับให้ทะเลเพลิงผืนนี้รวมตัวกันก็ยังพอว่า แต่เมื่อมันหดเข้ามารวมกันแล้วด้านในจึงเกิดความไม่มั่นคงทันที ความไม่มั่นคงนี้ระเบิดตัวในชั่วพริบตา ทะเลเพลิงทั้งผืนคล้ายจะเริ่มร้องคำรามดังเอ็ดอึง
วิกฤตรุนแรงระลอกหนึ่งทำให้พวกผู้อาวุโสสายหลักและประมุขตระกูลป๋ายที่อยู่ใกล้เคียงหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ทว่ายังไม่ทันรอให้พวกเขาตั้งตัวได้ ในที่สุดด้านในของทะเลเพลิงผืนนั้นที่หดตัวเข้าหากันอย่างต่อเนื่องก็เริ่มสั่นคลอนจนพังทลาย ก่อนที่มันจะระเบิดออกด้วยเสียงที่…สั่นสะเทือนราวแก้วหูจะดับ!
ตูมๆๆๆ!
ทะเลเพลิงสิบสองสีแตกกระจายไปทั่วรัศมีร้อยจั้งรอบด้าน กวาดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ผู้อาวุโสสายหลักเจ็ดแปดคนและยังมีประมุขตระกูลป๋ายต่างก็พากันถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทะเลเพลิงที่ระเบิดออกนี้ก็ปะทะเข้ากับมือใหญ่ของบุรพาจารย์คนฟ้าที่เอื้อมมาคว้า
เสียงดังสะเทือนไปยันเก้าชั้นฟ้า!
ความว่างเปล่าในรัศมีร้อยจั้งพังถล่มลงมาทันที ทะเลเพลิงมอดดับจางหาย แม้มือใหญ่ที่แปลงมาจากบุรพาจารย์คนฟ้าจะยังคงอยู่ท่ามกลางการพังทลายนี้ ทว่ากลับหม่นแสงลงไปไม่น้อย ยามนี้ยังคงลอดทะลุทะลวงทุกอย่างเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วคว้าหมับ
ทว่าวิชาอภินิหารของคนฟ้าที่ถูกลดทอนกำลังลงเช่นนี้ไม่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาพลันเงยหน้าขึ้น ร่างปรากฏเป็นเงาทับซ้อน พริบตาเดียวร่างจำแลงทั้งสามของเขาก็บินพรวดออกมาแล้วพุ่งเข้าหามือใหญ่
ร่างจำแลงทั้งสามร้องคำรามพร้อมกัน ก่อนจะระเบิดพลังทั้งหมดมาสกัดกั้นเอาไว้
ตูม!
ร่างจำแลงไม้ปะทะเข้ากับมือใหญ่ก่อนใคร เลือดสดพุ่งกระเซ็นกลายมาเป็นจุดแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนที่บินกลับเข้ามาในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่ากลับทำให้มือใหญ่นั้นหยุดชะงักไปเล็กน้อยและหม่นแสงลงอีกนิดหน่อย
ตูม!!
ร่างจำแลงน้ำตามหลังมาติดๆ ขัดขวางมือใหญ่เอาไว้อีกครั้ง แม้ว่าร่างจะพังทลายลงไปเกินครึ่ง แต่กลับทำให้มือใหญ่หยุดชะงักได้อีกหน และก็ยิ่งดับแสงลงเข้าไปอีก!
สุดท้ายคือร่างจำแลงไฟที่ถึงกับไม่ยอมแค่เอาตัวไปสกัดกั้นเท่านั้น แต่พอมือใหญ่หยุดชะงักกลับเป็นฝ่ายชิงลงมือ ระเบิดพลังทั้งหมดที่มีโจมตีลงไปบนมือใหญ่ที่พุ่งเข้ามาหา
ตูม!!!
เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้า ร่างจำแลงไฟกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ถอยกรูดมาด้านหลัง ส่วนมือใหญ่นั้นเมื่อถูกลดทอนกำลังครั้งแล้วครั้งเล่า
สุดท้ายจึงเหลือเป็นเพียงเค้าโครงร่างที่ยังคงซัดเข้ามาพร้อมเสียงดังตูมๆๆ เมื่อมากระแทกลงบนร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้จะทำให้เกิดเสียงดังเกริกก้อง แต่กลับได้แค่ทำให้ร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดคำเดียวเท่านั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ปากยังมีคราบเลือดติดเงยหน้าหัวเราะร่าเสียงดัง
“คนฟ้ามีฝีมือแค่นี้เองน่ะหรือ!!” ระหว่างที่พูดร่างของเขาก็สลายไปอย่างรวดเร็ว…และกำลังจะผสานรวมเข้าไปในความว่างเปล่า!!