บทที่ 691 ไม่ได้ ข้าจะแก้แค้น
กาหลอมวิญญาณในเวลานี้กึกก้องไปด้วยเสียงอึกทึก หมอกควันทั่วด้านกลิ้งซัดตลบ เงาผีร้ายมากมายที่อยู่ด้านในต่างก็เผยแววกระหายออกมาจากดวงตาราวกับว่าเลือดลมของศิษย์แห่งความภาคภูมิใจกลุ่มนี้คือของบำรุงชั้นเลิศสำหรับผีร้ายอย่างพวกมัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนอึดอัดคับแค้นใจยิ่งนัก ยามนี้กำลังฝ่าวงล้อมอย่างเร่งด่วนหมายจะบุกไปให้พ้น ทว่าตบะของเขาถูกตราผนึกนั่นดูดออกไป แถมผู้มากฝีมือรอบกายก็ยังมีมาก ไม่นานเบื้องหน้าของเขาก็มีเงาร่างที่กระโจนเข้ามาสังหารเพิ่มขึ้นมาอีกเจ็ดแปดเงา
ป๋ายเสี่ยวฉุนหนังตากระตุกเพราะหนึ่งในนั้นก็คือโจวหงที่มีตบะก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ!
นัยน์ตาของโจวหงผู้นั้นอบอวลไปด้วยไอสังหาร เหยียดตาลงต่ำคล้ายมองมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง พริบตาเดียวเขาก็พุ่งเข้ามาพร้อมเสียงกัมปนาทที่ดังก้องอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจหนักหน่วง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ร่างของเขาประหนึ่งมังกรพิโรธที่พุ่งชนไปข้างหน้าอย่างไร้ความลังเล
พลังอำนาจทะยานสูง เสียงเกริกก้องสะเทือนฟ้าดิน ทุกคนเพียงแค่สัมผัสโดนเล็กน้อยก็ถูกชนให้ถอยกรูดออกไปไกล เลือดลมในร่างเดือดพล่าน
เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมีท่าทางบ้าระห่ำเช่นนั้น โจวหงเองก็หน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเร็วเกินไป พวกเขาวิเคราะห์ผิดพลาดจึงไม่อาจสกัดขวางอีกฝ่ายเอาไว้ได้เลย
และพละกำลังของป๋ายเสี่ยวฉุนก็แกร่งกร้าวอย่างมาก ยิ่งบ้าคลั่งอย่างนี้เขาจึงยิ่งฝ่าตะลุยราบเป็นหน้ากลอง
พลังกล้ามเนื้อระเบิดออกหมดทุกด้าน ตบะก็ยิ่งแผ่กระจาย ก่อกำเนิดวิถีฟ้าทำให้เขาเป็นเหมือนเทพสงครามที่ไม่ว่าผ่านที่ได้ก็ไม่มีใครกักกั้นเขาเอาไว้ได้
แต่เขาเองก็ไม่กล้าหยุดเหมือนกัน เพราะด้านหลังมีแต่เสียงดังโครมครามของเวทคาถา หากเขาหยุดเมื่อไหร่ ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังใจหายใจคว่ำ ทำได้เพียงบุกฝ่าไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังยกมือขวาขึ้นคว้าทวนยาวหลอมพลังจิตสิบหกครั้งมาไว้ในมือ เมื่อแทงทวนไปข้างหน้าประสานกับความเร็วสุดขีดนี้ พริบตาเดียวเขาก็ตะลุยไปอย่างเหี้ยมหาญ ไม่มีใครสามารถต่อกร
ตูมๆๆ!
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะฝ่าวงล้อมของคนรอบด้านออกไปได้แล้ว ทว่าทันใดนั้นเสียงแค่นเย็นชาก็พลันดังมาจากเบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงนั้นมาจากกงซุนอี้!
เขายืนอยู่ตรงนั้น มือขวายกขึ้นทำมุทราชี้มาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน การชี้ครั้งนี้มาพร้อมกับพลังแห่งการผนึกที่ระเบิดออก ก่อนจะกลายมาเป็นยันต์มายาจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน พริบตาเดียวก็ล้อมวนไปรอบด้านของเขาแล้วกลายมาเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่หุบเข้าหากันในฉับพลัน!
การหุบครั้งนี้ทำให้เสียงกัมปนาทดังสะท้านฟ้า ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมิอาจหลีกพ้น เขาจึงชนลงไปบนตาข่ายอย่างจัง เนื่องจากตบะในร่างถูกดูดเอาไปมากเกิน ทำให้เขาไม่สามารถตีตราผนึกนี้ให้แตกได้ทันทีทันใด เพียงแค่ชนให้ตาข่ายใหญ่เกิดเป็นรอยร้าวนับไม่ถ้วนเท่านั้น
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้กงซุนอี้หน้าเปลี่ยนสี ในใจก็ยิ่งตื่นตะลึง ขณะที่กำลังจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตราผนึก ทว่าเนื่องจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนถูกสกัดเอาไว้ ทำให้ด้านหลังมีเงาร่างอีกหลายสิบเงาปรากฏขึ้น และด้านหลังเงาร่างเหล่านี้ก็ยังมีศิษย์แห่งความภาคภูมิใจจำนวนมากกว่าเดิมทยอยไล่กวดตามมาอย่างรวดเร็ว
คนเหล่านั้นพากันลงมืออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง เวทลับวิชาอภินิหารที่เป็นราวกับท่าไม้ตายจำนวนมากล้วนพุ่งดิ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงผู้เดียว โจวหงที่อยู่ในกลุ่มคนสีหน้าดำคล้ำ ยามลงมือแสงกระบี่สยบฟ้าเส้นหนึ่งก็ถูกตวัดฟันพุ่งเข้าแสกหน้า!
และยังมีเสี่ยวหลางเสิน คนผู้นี้แปลงกายพร้อมร้องคำราม เขากลายมาเป็นครึ่งคนครึ่งหมาป่า ระเบิดความเร็วเผ่นโผนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!
หลี่เทียนเซิ่ง คนผู้นี้อำมหิตไร้ปราณี เมื่อเห็นว่าคนมากมายต่างลงมือ เขาจึงหัวเราะหยัน มือขวาทำมุทราชี้ไป ทันใดนั้นควันพิษห้าสีก็แผ่อบอวลแล้วก่อตัวขึ้นเป็นหัวกะโหลกห้าหัวที่หัวเราะเสียงชวนขนหัวลุกดังคลอไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ไวเหนือแสง
คนเหล่านี้ล้วนเป็นนักพรตก่อกำเนิด ในจำนวนนั้นแม้มีไม่น้อยที่เป็นก่อกำเนิดช่วงต้น ทว่าก่อกำเนิดช่วงกลางก็มีมากไม่ต่างกัน
อย่างเสี่ยวหลางเสินและหลี่เทียนเซิ่งนี้ก็ยิ่งเป็นก่อกำเนิดช่วงท้าย ส่วนโจวหงยิ่งร้ายกาจ เพราะเป็นถึงก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ เดิมทีพวกเขาก็คือศิษย์แห่งความภาคภูมิใจอยู่แล้ว วิชาที่ฝึกฝนจึงแข็งแกร่ง พอร่วมมือกันโจมตี ต่อให้เป็นคนฟ้าก็ยังหน้าเปลี่ยนสี
ยามนี้วิกฤตความเป็นความตายรุนแรงระเบิดขึ้นกลางใจของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะเตรียมใจมาก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรรวดเร็วถึงเพียงนี้
“รังแกกันมากเกินไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ็บแค้นอยู่ในใจ แหงนหน้าแผดเสียงคำรามดังลั่น ก่อนจะหยิบเอาร่มราตรีนิรันดร์ออกมากางดังพรึ่บ สกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ ชั่วขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ด้านหลังเขาก็มีเสียงหวีดแหลมดังขึ้นมา
ซวี่ซานบินมาถึงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หยุดอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน มือขวากำเป็นหมัดแล้วเหวี่ยงออกมาอย่างไร้เมตตา
“ไสหัวกลับไปซะ!” เสียงของซวี่ซานแฝงเร้นไว้ด้วยความหนักแน่น การลงมือของนางก็ยิ่งฟ้าสะท้านดินสะเทือน พลังกล้ามเนื้อในหมัดนี้แข็งแกร่งอย่างที่เปรียบไม่ได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกกักตัวอยู่ในตาข่ายตราผนึกกำลังร้อนใจจึงคำรามเดือดดาล หันหลังให้กับร่มราตรีนิรันดร์แล้วสวมหมัดต่อยออกไปเช่นกัน
หมัดของคนทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันโดยมีตาข่ายตราผนึกกางกั้น เวลาเดียวกันนั้นเวทคาถาอภินิหารจำนวนมากก็กระแทกลงมาบนร่มราตรีนิรันดร์
เสียงตูมตามดังสั่นสะเทือนไปทั้งนภากาศ ท่ามกลางแสงหลากสีพร่างพราว ตาข่ายยักษ์พลันแตกทลาย ซวี่ซานถอยหลังกรูด แม้แต่กงซุนอี้ก็ยังหน้าเปลี่ยนสีรีบเบี่ยงตัวหลบเพราะพลังการลงมือของคนเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด
มุมปากของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเลือดไหลซึม ร่างม้วนตลบไปพร้อมกับร่มราตรีนิรันดร์ ด้านหลังของเขายังมีเวทอภินิหารอีกนับไม่ถ้วนตามมาโจมตีจึงกระแทกลงบนร่างของเขาจังๆ ทำให้เขากระเด็นลิ่วไปไกล หายเข้าไปอยู่ในหมอกควันสีดำ
ภาพนี้มากพอจะทำให้จิตวิญญาณของทุกคนสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าป๋ายฮ่าวจะทนมือทนไม้ได้ขนาดนี้ ทุกคนลงมือพร้อมกัน เขากลับแค่บาดเจ็บ แต่ไม่ถึงกับตาย!
และเวลานี้เอง ดวงตาคู่งามของเมี่ยวหลินเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้กลุ่มคนพลันฉายแสงวาววับ ริมฝีปากทั้งคู่ขยับไหวน้อยๆ แล้วจู่ๆ นางก็พ่นคลื่นลูกหนึ่งออกมาจากปาก วินาทีที่คลื่นนี้แผ่ออกมาเหมือนจะทำให้จิตวิญญาณของผู้คนแกว่งไกว คลื่นนั้นตรงเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถอยกรูดออกห่างแล้วพลันดังสะท้อนอย่างรุนแรง
เหมือนมีเสียงสวรรค์ที่ดูดดึงทุกคนให้มิอาจต้านทานดังขึ้นข้างหูคล้ายกำลังเรียกขาน จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายไหว อาการบาดเจ็บในร่างกายของเขาก็ยิ่งระเบิดออกทุกด้านอย่างน่าแปลกใจ เขามิอาจระงับมันเอาไว้ได้เลย จึงเป็นเหตุให้กระอักเลือดออกมาไม่หยุด เท้าก็ถอยซวนเซถอยไปหลายก้าว
ขณะเดียวกันดวงตาของโจวหงก็เปล่งแสงเย็นเยียบ เมื่อยกมือขวาขึ้น ปลายนิ้วมือของเขาก็มีแสงสีดำเส้นหนึ่งปรากฏ แสงนี้เพิ่งจะโผล่ออกมากลับมีปณิธานคนฟ้าระลอกหนึ่งระเบิดตูมทำเอาทุกคนหวาดผวา ครั้นโจวหงก็ชี้นิ้วเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
ทันใดนั้นแสงสีดำนี้ก็พุ่งทะยานแหวกทะลวงความว่างเปล่าออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่ายังไม่ทันที่จะเข้ามาใกล้ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันมีแสงสีดำเส้นหนึ่งระเบิดออกมาเสียก่อน
นั่นก็คือหม้อกระดองเต่า ท่ามกลางเสียงกึกก้อง แสงสีดำแหลกสลาย หม้อกระดองเต่าม้วนตลบหอบร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปไว้ด้านใน ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงอาศัยกำลังนี้ถอยกรูดออกห่างไปอีกครั้ง ทั้งยังหยิบยาวาสนาทลายฟ้าเม็ดหนึ่งออกมาใส่ปากอย่างไม่ลังเล ความเร็วของเขาไม่ลดลง กลับยิ่งมากขึ้นจนบุกเข้าไปในกลุ่มหมอกอบอวล
“จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้!!”
“ป๋ายฮ่าวไม่ตาย ตราผนึกไม่ถูกทำลาย!!” ทุกคนร้อนใจกันขึ้นมาทันที
พวกกงซุนอี้ โจวหง ซวี่ซานไล่กวดไปติดๆ พวกเสี่ยวหลางเสินเองก็กัดฟันแล้วไล่ตามไป
ไม่นานทุกคนก็ล้วนพุ่งเข้าไปสังหารอยู่ในกลุ่มหมอก องค์ชายสองมองภาพนี้พร้อมยิ้มหยันแล้วก็ไล่ตามไปโจมตีเช่นกัน และยังมีเฉินม่านเหยาอีกคน เวลานี้ลมหายใจของนางถี่กระชั้น
มองร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่หายเข้าไปในกลุ่มหมอกด้วยดวงตาฉายแววแปลกใจ ก่อนหน้านี้นางไม่ทันสังเกต แต่พอได้เห็นป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ นางก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายให้ความรู้สึกบางอย่างที่ตัวเองคุ้นเคย…
ป๋ายเสี่ยวฉุนทะยานหนีอย่างไว เขาห้อตะบึงอยู่ในหมอกหนาไปตลอดทาง ส่วนในร่างก็มีพลังงานความร้อนแผ่ขึ้นมา อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ประสานตัวอย่างรวดเร็ว เวลาแค่ไม่กี่อึดใจพลังก็ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพอจะคลายใจลงได้บ้าง
ทว่าตบะในร่างยังคงถูกดูดออกไปอย่างต่อเนื่อง แล้วพอนึกขึ้นได้ว่าตนถูกราชาผียักษ์เล่นงาน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หงุดหงิดอีกครั้ง ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งโมโหก็ยิ่งแค้นใจ แต่ไม่กล้าหยุดชะงัก ได้แต่ทะยานสุดฝีเท้า
เขาเผ่นหนีเร็วเกินไป หากพวกคนที่ไล่ตามมาทีหลังคิดจะตามให้ทันจึงยังไม่อาจทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่นานทั้งสองฝ่ายจึงทิ้งระยะห่างต่อกัน บวกกับที่ในโลกกาหลอมวิญญาณแห่งนี้อบอวลไปด้วยหมอกควันหนาแน่น ทั้งด้านในยังมีผีร้าย พอทุกคนเข้ามาแล้ว แรกเริ่มผีร้ายพวกนั้นยังอำพรางตัว ทว่าเมื่อคนมากมายบุกตะลุยเข้ามาในหมอกนี้ ผีร้ายทั้งหลายจึงค่อยๆ เปล่งเสียงร้องคำรามและเริ่มโจมตีในที่สุด เหตุการณ์ชุลมุนทันใด เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจรวมไปถึงเสียงกัมปนาทกึกก้องดังออกมาไม่หยุด
ทว่ากลับไม่มีผีร้ายตัวใด…สกัดขวางป๋ายเสี่ยวฉุน พวกมันทำราวกับมองไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น ปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเผ่นหนีอยู่ในหมอกแห่งนี้ได้ตามใจชอบ เรื่องนี้พวกคนที่ไล่ตามมามองไม่เห็น แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเห็นอย่างชัดเจน
“หึ ข้าผู้อาวุโสมีหน้ากาก พวกเจ้าอย่าได้หวังว่าจะไล่ตามข้ามาทัน!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนทำเสียงขึ้นจมูก ความเร็วยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า ด้านหลังของเขาถึงได้สงบลง ไม่มีคนตามมาอีก
ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงนั่งแปะอยู่กลางเทือกเขาแห่งหนึ่งแล้วกินยาวาสนาทลายฟ้าไปอีกหนึ่งเม็ด จนกระทั่งสัมผัสได้ว่าพลังดึงดูดตบะในร่างค่อยๆ ลดน้อยลงจนกระทั่งหยุดชะงักอย่างแท้จริง และไม่มีการดูดตบะของตนไปอีก ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้กินยายาวาสนาทลายฟ้าอีกหนึ่งเม็ด นั่นถึงทำให้พลังของเขาฟื้นคืนสู่จุดสูงสุด มองไปรอบด้าน ย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาก็ทั้งแค้นใจทั้งเศร้าอาดูร
“คนมากมายขนาดนี้พากันไล่สังหารข้า พวกเราไม่มีแค้นต่อกันเสียหน่อย รังแกกันเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้วจริงๆ แน่จริงก็มาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ!!”
“ท่านย่ามันเถอะ ไม่ได้ ข้าจะแก้แค้น!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดยิ่งโมโห รู้สึกเพียงหน้าอกจุกแน่นไปด้วยโทสะจนแทบจะหายใจไม่ออก เขากัดฟันกรอดด้วยความคับแค้นใจ และดูเหมือนว่าความกล้าของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอีกนิดจนถึงขั้นคิดทำเรื่องร้ายกาจระบายโทสะ