Skip to content

A Will Eternal 738

บทที่ 738 ข้าผู้อาวุโสขอท้าเจ้า

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในห้องกำลังศึกษาตำรับไฟสิบเจ็ดสี หลายวันมานี้ หลังจากที่ยาวิญญาณของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานมีปัญหา แม้ว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายไปได้เพราะโจวหงจ่ายค่าตอบแทน อีกทั้งยังใช้พละกำลังสูงสุดของเขามาบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

ทว่าร้านของพวกเขาทั้งสองคนก็ยังคงได้รับความเสียหายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกวันนี้มีคนแค่ไม่กี่คนที่แวะเวียนเข้าไป เพราะอย่างไรซะต่อให้โจวหงจะพยายามแก้ไขปัญหามากแค่ไหน แต่หายนะครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในเขตพื้นที่ที่แปดสิบเก้าและบริเวณใกล้เคียง เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้พยายามปิดปากคนแค่ไหน คนมากมายก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี

และนี่ก็ทำให้แทบจะไม่มีใครเอ่ยถามถึงซือหม่าเทาและซุนอี้ฝาน กิจการของพวกเขาก็ซบเซาอย่างมาก กลับกลายเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนเสียอีกที่วันนั้นแสดงถึงความกล้าหาญตรงไปตรงมา ทำให้เขาได้ใจคนมากมาย ดังนั้นหลายวันมานี้ร้านของเขาจึงมีคนแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นนักพรตคนใดก็ตามที่ต้องการการหลอมพลังจิตก็จะต้องแนะนำร้านของป๋ายเสี่ยวฉุน

พอเป็นเช่นนี้ กิจการของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ย่อมเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเฟื่องฟูยิ่งกว่าช่วงที่มีการเดิมพันสูงครานั้นเสียอีก

วิญญาณของป๋ายฮ่าวก็เริ่มยุ่งวุ่นวาย ป๋ายเสี่ยวฉุนพึงพอใจอย่างมาก ยิ่งรู้สึกว่าแผนการที่ตนเองเลือกใช้ไร้เทียมทานอย่างยิ่ง และแน่นอนว่าป๋ายฮ่าวมีคุณความชอบสูงยิ่ง

ด้วยความพึงพอใจและปลื้มปริ่มนี้ก็ทำให้การหลอมไฟสิบเจ็ดสีของป๋ายเสี่ยวฉุนราบรื่นขึ้นมาอีกเยอะมาก อีกทั้งเมื่อผ่านการพิจารณามาแล้วหลายเดือน

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเข้าใจไฟสิบเจ็ดสีมากขึ้น ตอนนี้ขาดแค่กุญแจสำคัญสองข้อ หากเขาไตร่ตรองจนทะลุปรุโปร่งเมื่อไหร่ก็สามารถลงมือหลอมจริงได้ทันที

ตอนนี้ขณะที่นั่งขัดสมาธิ ใบหน้าเขาก็บานเป็นกระด้ง ในสมองเริ่มจับจุดของปัญหาที่เป็นกุญแจสำคัญข้อหนึ่งได้แล้ว และแนวความคิดในสมองของเขาก็เริ่มชัดเจน กำลังจะหาวิธีมาแก้ไขกุญแจสำคัญข้อนี้รวดเดียวจบ

ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นวิญญาณป๋ายฮ่าวที่อยู่นอกห้องก็พลันร้องอุทานตกใจ

วินาทีที่เสียงอุทานนี้ดังออกมาก็มีเสียงกัมปนาทสองเสียงทยอยกันดังขึ้น เสียงนี้ดังมากคล้ายเสียงฟ้าที่ผ่าลงพื้นดินสองครั้งติดต่อกัน ทั้งยังสั่นคลอนไปแปดทิศ ร้านของป๋ายเสี่ยวฉุนถึงกับสั่นไหวอยู่หลายที มีพื้นที่หลายจุดที่เกิดรอยปริร้าวคล้ายจะพังถล่มลงมา

ทั้งหมดนี้ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนสะดุ้งโหยง แถมนี่ยังเป็นการขัดจังหวะแนวความคิดในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนที่กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยให้ขาดลงกลางคัน หัวใจเขาพลันมีไฟโทสะพวยพุ่ง ลุกผลุงขึ้นยืน กำลังจะพุ่งออกไป ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงคำรามเดือดดาลของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานดังลอยมา

“ป๋ายฮ่าว จงใสหัวออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”

“ป๋ายฮ่าว เจ้าต่ำช้าไร้ยางอาย ยาวิญญาณนั้นเป็นฝีมือของเจ้า แต่เจ้ากลับใส่ร้ายพวกเรา วันนี้ข้าผู้อาวุโสไม่ยอมเลิกรากับเจ้าง่ายๆ แน่!”

เสียงคำรามนี้ดังอย่างถึงที่สุด ไม่เพียงแต่สั่นสะเทือนจนร้านของป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายไหว ทั้งยังดังกังวานออกไปข้างนอกจนผู้คนที่สัญจรไปมา รวมถึงคนในร้านอื่นๆ ต่างก็ได้ยินกันถ้วนทั่ว

หลังจากที่คนเหล่านั้นได้ยินสองประโยคนี้ก็ถึงกับอึ้งงันไปครู่

“เป็นฝีมือของป๋ายฮ่าว?”

“เขามีแรงบันดาลใจก็จริง แต่ว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ” ทุกคนเริ่มสองจิตสองใจ รีบจับตามองไปทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่คลั่งแค้นกำลังจะพุ่งออกมาจากในห้อง พอได้ยินประโยคนี้เขาก็ใจหายวาบ รู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ แต่กลับไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เพราะวิญญาณป๋ายฮ่าวยังอยู่ข้างนอก เขาไม่สามารถถอยหนีได้ ยามนี้จึงถลาวูบออกไป

ชั่วขณะที่พุ่งตัวออกไปนั้น เขาก็มองเห็นว่าสภาพร้านของตัวเองยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ยังดีที่วิญญาณป๋ายฮ่าวหลบเลี่ยงได้ทันจึงไม่โดนลูกหลง เพียงแต่ว่าร้านนี้รวบรวมแรงกายแรงใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ไม่น้อย พอเห็นว่าร้านตัวเองถูกคนทุบทำลาย ความรู้สึกเหมือนมีคนมาพังบ้านตัวเองจึงทำให้ไฟโทสะของเขาเดือดพล่านจนระเบิดออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้อีก

“ซือหม่าเทา ซุนอี้ฝาน พวกเจ้าตอบแทนบุญคุณด้วยการแก้แค้นงั้นรึ พอชื่อเสียงของตัวเองถูกทำลายเลยคิดจะดึงข้าลงน้ำไปด้วยใช่หรือไม่ พวกเจ้าต่างหากที่ต่ำช้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแผดเสียงตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ

“วันนั้นหากไม่เพราะข้าช่วยพวกเจ้า พวกเจ้าต้องเผชิญกับวิกฤตความเป็นความตาย เป็นข้าที่ช่วยระงับความโกรธแค้นของฝูงชน เป็นข้าที่ช่วงชิงเวลาให้พวกเจ้าได้เตรียมตัว เป็นข้าที่สยบความวุ่นวายครั้งนั้นลงได้!”

“พวกเจ้าไม่ซาบซึ้งใจก็ยังพอว่า แต่นี่กลับยังมาใส่ร้ายข้า พวกเจ้านี่มัน รังแกกันเกินไปแล้ว!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนตะเบ็งเสียงดังลั่น อันที่จริงตอนนี้เขาตึงเครียดอย่างมาก รู้ว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะหาเบาะแสเจอจริงๆ เลยมาหาเรื่องตน ดังนั้นจึงถือโอกาสชิงพูดก่อน เพิ่งจะเดินออกมาก็คำรามดังลั่นไม่หยุด เสียงก็ยิ่งดังกังวาน ข่มเสียงของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานได้อย่างราบคาบ

“ป๋ายฮ่าวเจ้า” ซือหม่าเทาพอได้ยินประโยคนี้ก็อารมณ์เดือดทันใด หมายจะตอกกลับ ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับถลึงตาอย่างดุดัน ก่อนจะแผดเสียงดังลั่นกว่าเดิม

“ข้าทำไม ซือหม่าเทา ครานั้นที่เจ้ามาเปิดร้านแบบเดียวกันข้างร้านของข้า ข้าป๋ายฮ่าวเคยพูดสักคำไหม? ข้าเคยไปทุบทำลายร้านของเจ้าหรือไม่? ข้าเคยชี้หน้าด่าเจ้าไหม?”

“ทุกความไม่เป็นธรรม ข้าเลือกจะเงียบงัน ทุกความขมขื่น ข้าเลือกจะกล้ำกลืนมันไว้ เพราะข้ารู้ว่า ข้าป๋ายฮ่าวเพิ่งมาอยู่ใหม่ ไปมีเรื่องกับพวกเจ้าไม่ได้!”

“ต่อให้เจ้ารังแกข้า ข้าก็เลือกจะอดทนข่มกลั้น แถมพอเจ้าเดือดร้อน ต่อให้ข้าจะรู้ว่านั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดในการเล่นงานพวกเจ้า แต่ข้าป๋ายฮ่าวเป็นคนมีบรรทัดฐาน รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ!”

“ข้าไม่สามารถทนมองสหายนักพรตที่อยู่ในร้านรอบด้านเดือดร้อนเพราะพวกเจ้าได้ ดังนั้นถึงได้ช่วยเจ้า แต่วันนี้เจ้ากลับมาใส่ร้ายข้า ซือหม่าเทา เจ้ามีหัวใจหรือไม่ หากเจ้าไม่มี ข้าอยากจะควักดูให้เห็นนัก แต่หากเจ้ามีใจ หัวใจของเจ้าก็ช่างคดเคี้ยวดำทมิฬยิ่ง!”

“คนไม่รู้จักบุญคุณคน รังแกความดีไม่เกรงความชั่วร้าย เห็นแก่ตัวไม่เห็นหัวใครอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้า!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนหนักแน่น พลังอำนาจน่าเกรงขาม

พอกล่าวจบก็มีกระบี่ไร้รูปลักษณ์หลายเล่มพุ่งทะยานเข้าโจมตีซือหม่าเทาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซือหม่าเทาหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด ทั้งยังถอยกรูดออกห่างไปก้าวด้วยความหวาดผวาในอานุภาพของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง ตัวสั่นเทิ้ม อ้าปากเผยิบๆ แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“ป๋ายฮ่าวเจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล!”

ซุนอี้ฝานเห็นว่าซือหม่าเทาสั่นเทิ้มไปทั้งร่างทั้งยังพูดไม่ออกเพราะโดนคำพูดคมกริบของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็ตวาดด่าป๋ายเสี่ยวฉุนทันที

“ซุนอี้ฝานเจ้าหุบปาก!”

“อย่านึกนะว่านายท่านป๋ายของเจ้าไม่รู้ว่าเจ้ากับซือหม่าเทาสมคบคิดกันมาเปิดร้านขนาบสองฝั่งร้านข้า พวกเจ้าสองคนต่ำช้าได้ขนาดนี้เพราะมีซื่อจื่อหนุนหลัง เพราะอาศัยว่าตัวเองมีประสบการณ์ด้านการหลอมวิญญาณ อาศัยที่ตัวเองแก่กว่า มาคอยกดหัวข้าอย่างต่อเนื่อง!”

“ข้าอยากจะถามเจ้านักว่าข้าป๋ายฮ่าวเคยไปล่วงเกินเจ้าตอนไหน!! พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เจ้ากลับคิดจะตัดทางทำมาหากินของข้า พอทำไม่ได้ก็ยังว่าไปอย่าง แต่นี่เพื่อชำระล้างชื่อเสียงฉาวโฉ่ของตัวเอง กลับหันมาใส่ความข้า ข้าบอกพวกเจ้าไว้เลยนะ ข้าป๋ายฮ่าวเดินก็ตรงนั่งก็ตรง ไม่เคยกลัวความชั่วร้าย!”

ประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนพูดได้อย่างคล่องปาก เต็มไปด้วยเหตุด้วยผล พลังอำนาจก็ไต่ทะยานสูงไปตามน้ำเสียงที่ดังสะท้อนฟ้า ทำเอาซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานสะอึกอึ้ง รู้สึกแค่ว่าหน้าอกใกล้จะระเบิดออก แต่กลับเถียงป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ส่วนพวกคนที่อยู่ข้างนอกและคนในร้านรวงต่างๆ บริเวณใกล้เคียงยามนี้ต่างก็เหมือนได้เปิดหูเปิดตา เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนช่างพูดจาได้คมกริบบาดลึกยิ่งนึก อีกทั้งการโจมตีด้วยปากและวาจาครั้งนี้ของเขาก็เรียกได้ว่าตระการตายิ่งกว่าการประลองเวทด้วยซ้ำ

แม้แต่วิญญาณป๋ายฮ่าวที่อยู่ข้างกันก็ยังมองเซ่อ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วอาจารย์ของตนช่างฝีปากกล้าวาจาเผ็ดร้อน ทำเอาเขาปากอ้าตาค้าง

เขาไม่รู้ว่าเมื่อเทียบกับวันนี้แล้ว ครานั้นที่ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้ตัวตนของป๋ายฮ่าวในงานพิธีของตระกูลป๋ายต่างหากนั่นถึงจะเรียกว่าวาจาคมกริบดั่งกระบี่ ทุกถ้อยคำฆ่าคน ทุกวจีบั่นใจอย่างแท้จริง!

“เจ้า .. เจ้า” ในสมองของซุนอี้ฝานมีเสียงดังอึงอล คำพูดก็ติดๆ ขัดๆ เพราะเขากับซือหม่าเทาไม่เชี่ยวชาญการปะทะด้วยฝีปากอย่างแท้จริง เพราะอย่างไรซะสำหรับพวกเขาแล้ว ฐานะและตัวตนของพวกเขาต่างหากถึงจะสำคัญที่สุด พวกเขาไม่สามารถลืมว่าตัวเองคือผู้แข็งแกร่งก่อกำเนิดแล้วพูดจาหรือกระทำการดั่งตนเป็นนักพรตตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างป๋ายเสี่ยวฉุนได้

ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเป็นผู้แข็งแกร่งก่อกำเนิดอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นสุดยอดแห่งยอดฝีมือ พลังการต่อสู้สะท้านฟ้า แล้วนี่ดันมามีฝีปากคมกล้าดั่งกระบี่ นี่จึงยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหมดเรี่ยวแรงให้ต้านทาน

“ป๋ายฮ่าว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้ายอมรับก็ดี ไม่ยอมรับก็ช่าง วันนี้ ข้าผู้อาวุโสขอท้าเจ้า พวกเราไม่สู้กันด้วยเวทคาถา เรามาสู้กันด้วยการหลอมไฟ! คนที่แพ้ต้องไสหัวออกไปจากนครจักรพรรดิขุย ทั้งยังห้ามหลอมไฟไปอีกตลอดชีวิต!” พอระงับอารมณ์เดือดดาลได้แล้ว ซือหม่าเทาก็กัดฟันกรอดแล้วเอ่ยขึ้นทันที

ซุนอี้ฝานเองก็ตั้งสติได้เช่นกัน รู้ดีว่าหากยังเถียงกันเรื่องยาวิญญาณไม่เลิกรา ย่อมไม่ส่งผลดีต่อพวกเขา เรื่องนี้กว่าจะคลี่คลายได้ไม่ใช่เรื่องง่าย การฟื้นฝอยหาตะเข็บ เดิมทีก็ถือเป็นเรื่องโง่เขลา ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือการแก้แค้น ขอแค่ข่มเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้เอาไว้ได้ พวกเขาก็สามารถชำระล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ และเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป พวกเขาก็ต้องขจัดภาพน่าสมเพชของเมื่อหลายวันก่อนออกจากใจของผู้คนได้แน่นอน

คิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงคำรามกร้าวไม่ต่างกัน

“ถูกต้อง ป๋ายฮ่าว ข้าผู้แซ่ซุนขอท้าเจ้า ในเมื่อเจ้ามีวิธีเล่นตุกติกกับยาวิญญาณของพวกข้า ถ้าเช่นนั้นข้าผู้อาวุโสก็ขอดูด้วยตาตัวเองสิว่าความสามารถด้านการหลอมไฟของเจ้ามีมากสักแค่ไหนกัน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version