Skip to content

A Will Eternal 798

บทที่ 798 ข้าก็ให้เจ้าสิบชั่วลมหายใจ

วินาทีที่เจดีย์พระยาสวรรค์พังถล่มลงมา รอบด้านเหลือเพียงความเงียบสงัด คนตระกูลโจวทุกคนเบิกตาค้าง ในสมองปานประหนึ่งมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา สำหรับตระกูลพระยาสวรรค์ตระกูลหนึ่งแล้ว เจดีย์พระยาสวรรค์ก็คือสัญลักษณ์แห่งความสูงส่งอันสูงสุดของตระกูล!

และเจดีย์นี้ก็คือการสืบทอดที่สำคัญที่สุดของทั้งตระกูล ถูกถ่ายโอนให้กับผู้สืบทอดรุ่นแล้วรุ่นเล่าเพื่อใช้ในการปกป้องตระกูลสืบไป

ทว่าตอนนี้ เจดีย์พระยาสวรรค์ของตระกูลโจว…ล่มสลายลงแล้ว!!

แม้ว่าเจดีย์นี้จะไม่ใช่เจดีย์แรกของราชวงศ์จักรพรรดิขุยที่พังถล่มหลังจากได้ย้ายมาอยู่ในแดนทุรกันดาร แต่กลับเป็นเจดีย์หลังแรกที่พังลงในรอบพันปีมานี้! เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่มากแค่ไหน ไม่ต้องจินตนาการมากก็พอจะรู้ได้!

ขนาดพวกเขายังตื่นตกใจกันขนาดนี้ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกสายลับของแต่ละฝ่ายรวมไปถึงกลุ่มคนที่มามุงดูเหตุการณ์อยู่รอบตระกูลโจวเลย ยามนี้พวกเขาทุกคนต่างก็อ้าปากค้างตาเหลือกถลน

“เจดีย์พระยาสวรรค์ตระกูลโจว…พังแล้ว…”

“เจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้เขาถึงขนาดกล้าทำลายเจดีย์พระยาสวรรค์เชียวหรือนี่!!”

และขณะที่คนมากมายกำลังฮือฮาแตกตื่น โจวอู่เต้าที่อยู่ในเจดีย์พระยาสวรรค์ก็กำลังกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ร่างของเขาแก่ชราทรุดโทรมลงไปอีกหลายเท่าตัว ฉับพลันนั้นเขาก็ถลาพรวดออกมา ไม่ได้พุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน แต่กลับ…เผ่นหนี!

เขาไม่หนีไม่ได้ เพราะหมัดนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนเขย่าคลอนจิตวิญญาณของเขาอย่างลึกล้ำ เขามิอาจจินตนาการได้เลยว่านั่นมันคือหมัดแบบใดกันแน่ ถึงได้ทำลายเจดีย์พระยาสวรรค์ที่สูงส่งไร้เทียมทานให้พังถล่มย่อยยับได้!

ในสายตาของเขานี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก มันพลิกคว่ำความสามารถในการคิดของเขาไปอย่างสิ้นเชิง คนนอกเข้าใจเจดีย์พระยาสวรรค์เพียงแค่ผิวเผิน แต่ในฐานะที่เขาเป็นพระยาสวรรค์ อีกทั้งเจดีย์นี้ยังเป็นของเขา ความเข้าใจที่เขามีต่อมันจึงลึกล้ำอย่างถึงที่สุด!

เขาเข้าใจดีว่าที่มันเรียกว่าเจดีย์พระยาสวรรค์ หาใช่เพราะพระยาสวรรค์เป็นผู้สร้าง แต่เพราะ…นครจักรพรรดิขุยกลั่นหลอมมันออกมาด้วยตัวเอง หรือจะพูดให้แน่ชัดก็คือ นี่คือการจัดวางรอบนอกของค่ายกลบางอย่างที่เกิดขึ้นจากตัวของนครจักรพรรดิขุยซึ่งเป็นอาวุธวิเศษสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เพราะอย่างไรซะตลอดทั้งนครจักรพรรดิขุยที่โผล่พ้นออกมาข้างนอกให้เห็นกันทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ยังมีส่วนที่มากกว่านั้นซึ่งถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน และเจดีย์พระยาสวรรค์ก็คือการแผ่ขยายของพลังแห่งอาวุธวิเศษชิ้นนี้ มันสามารถทำให้พระยาสวรรค์ที่มีตบะครึ่งก้าวคนฟ้าอาศัยพลังการต่อสู้ที่เทียบเท่าคนฟ้ามาสำแดงพลังซึ่งเหนือกว่าพลังดั้งเดิมของตัวเอง

ส่วนเจดีย์เจ้าพระยาสวรรค์ก็ยิ่งมีอานุภาพสูงยิ่งกว่า!

เพียงแต่ว่าอานุภาพเช่นนี้ ในสถานการณ์ทั่วไปมักจะถูกกำจัดเอาไว้ เว้นเสียแต่ว่าราชวงศ์จักรพรรดิขุยตกอยู่ในวิกฤตความเป็นความตาย หาไม่แล้วจะไม่อนุญาตให้คนดึงพลังมาใช้เกินความจำเป็นเด็ดขาด

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้…ระดับความแข็งแกร่งของเจดีย์นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถโจมตีให้พังทลายลงได้ ต่อให้เมื่อหนึ่งพันปีก่อนหน้านี้จะเคยมีตัวอย่างเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าครั้งนั้น…เกิดขึ้นเพราะศึกของครึ่งเทพ!

ดังนั้นก่อนหน้านี้โจวอู่เต้าจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจดีย์พระยาสวรรค์จะพังทลายลงได้ เขาหาคำตอบไม่ได้ แต่ในความประหลาดใจกลับแฝงเร้นไว้ด้วยความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง

“หากไม่ใช่สาเหตุเรื่องตบะ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นเพราะความพิเศษของเวทอภินิหารที่คนผู้นี้ฝึก…หมัดนั้นคือเวทลับอะไรกันแน่!!” โจวอู่เต้าหน้าซีดขาว เขาแอบรู้สึกว่าตนได้ไปมีเรื่องกับบุคคลที่ลำพังอาศัยกำลังของตัวเอง ตนไม่สามารถต้านทานได้เลย เวลานี้เขาจึงพุ่งทะยานออกมาหมายเผ่นหนีอย่างไม่ลังเลใจ

ประกายเย็นเยียบเปล่งวาบในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเจดีย์พระยาสวรรค์มากนัก แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าการที่เจดีย์พระยาสวรรค์หลังหนึ่งพังไปจะสร้างความสะเทือนขวัญให้กับโจวอู่เต้าได้มากขนาดนี้ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมจะหนี เขาก็เพียงขยับกายไล่กวดตามไปทันที

ทว่าชั่วขณะที่เขาไล่ตามไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ…ทันใดนั้นพื้นดินของพื้นที่แห่งหนึ่งตรงริมขอบของตระกูลโจวก็พลันพังถล่มลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะกระโจนออกมาด้วยความเร็วน่าตกใจ ร่างของเขาเหมือนกึ่งโปร่งแสงซึ่งพุ่งพรวดตรงไปหาศพหุ่นเชิดซึ่งโอบล้อมปิดผนึกที่แห่งนี้เอาไว้

ความเร็วของเขามีมาก ทั้งยังเหมือนจะมีเวทอภินิหารบางอย่างอยู่ในมือถึงทำให้พวกศพหุ่นเชิดรับสัมผัสได้ช้ากว่าปกติ ทำให้เงาร่างพร่าเลือนนี้ทำท่าจะฝ่าออกไปจากการปิดผนึก

ทว่าชั่วขณะนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เห็นๆ อยู่ว่าไล่ตามไปโจมตีโจวอู่เต้า ร่างของเขาไม่ได้หยุดชะงัก ทั้งยังไม่มีความผิดปกติอะไร แต่ชั่วพริบตาที่เขาปรากฏตัวนั้น กลับมาโผล่อยู่เบื้องหน้าเงาร่างที่พร่าเลือนแล้ว!

ราวกับรู้แต่แรกแล้วว่าในเวลานี้จะมีคนคิดหนี ซึ่งเขาได้คาดการณ์ไว้อย่างแม่นยำ!

“ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาเสียที!” ไอเย็นเยียบในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนลุกโชติช่วง น้ำเสียงนั้นเย็นชาประหนึ่งมีน้ำแข็งแผ่ออกมาปิดผนึกโลกใบนี้ ส่วนจิตสังหารนั้นก็ยิ่งชัดเจนจนเขย่าคลอนฟ้าดินให้เกิดเสียงกึกก้อง ทั้งรอบกายเขายังมีคลื่นอากาศหมุนคว้างราวพายุที่ก่อตัวพัดกระหน่ำขึ้นมา

ความเข้มข้นของจิตสังหารนี้รุนแรงดุเดือดยิ่งกว่าตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือกับโจวอู่เต้าก่อนหน้านั้นมากมายหลายเท่านัก!

“เจ้า!!” เงาพร่าเลือนพลันหน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบถอยกรูดไปข้างหลัง เขาคือผู้เฒ่าคนหนึ่งที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกระคนลนลาน เห็นได้ชัดว่าเขานึกว่าหลังจากที่เจดีย์พระยาสวรรค์พังถล่มแล้วโจวอู่เต้าหนีไป เวลาที่ตนใช้หลบหนีจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไล่ตามไปโจมตีอีกฝ่าย

หากเขาหนีไปเวลานั้น บวกกับวิชาพิเศษของตัวเองทำให้ศพหุ่นเชิดรู้ตัวช้า ก็มีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะฉวยโอกาสนี้หนีรอดไปได้

แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตนเพิ่งจะปรากฏตัว อีกฝ่ายกลับตรงเข้ามาขัดขวางรวดเร็วเหมือนคาดการณ์ไว้ได้แต่แรกแล้ว นี่ทำให้เขารับมือไม่ทันแม้แต่น้อย

พอเห็นผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องหน้า ไอสังหารของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่มีกั๊ก เพราะอันที่จริงแล้วตอนที่เขามาถึงตระกูลโจวแล้วพบว่าอำนาจจิตของตนมิอาจค้นเจอที่ซ่อนตัวของอีกฝ่าย อีกทั้งชายฉกรรจ์เกราะเงินก็ยังหาไม่เจอ เวลานั้นในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คิดแผนนี้ขึ้นมาได้แล้ว

ที่เขาสังหารพระยาสวรรค์น้อย ด้านหนึ่งก็เพื่อระบายความโกรธแค้น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพื่อบีบโจวอู่เต้า ไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสถ่วงเวลา เพื่อตนจะได้เปิดฉากต่อสู้ในทันที

และกุญแจสำคัญของศึกนี้หาใช่การฆ่าคนไม่ แต่เป็นโอกาสในการหนีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจงใจสร้างให้กับปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์ สิ่งที่เขาคิดก็คือในเมื่อตนหาอีกฝ่ายไม่เจอ ถ้าเช่นนั้นก็มีเพียงทำให้เรื่องลุกลามไปสุดกู่ จนอีกฝ่ายรู้สึกว่าตนบ้าคลั่งไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว นั่นถึงจะทำให้อาจารย์หลอมวิญญาณคนนั้นฉวยโอกาสหนีไปได้

ดังนั้นการลงมือของเขาถึงได้รวดเร็วราบรื่นถึงขั้นที่ว่าเปิดฉากมาก็ใช้หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญไปโดยตรง และในความเป็นจริงแล้วนับแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในตระกูลโจว อำนาจจิตของเขาก็ไม่เคยจางหายแม้แต่เสี้ยวเดียว ทว่าคอยจับจ้องไปที่ศพหุ่นเชิดทั้งหมดของตนที่ล้อมวงอยู่รอบนอก!

เพราะเขาเข้าใจดีว่าภายใต้การปิดผนึกนี้ หากอีกฝ่ายคิดจะหนีไปก็มีเพียงฝ่าออกไปเท่านั้นถึงจะได้ และสิ่งที่เขารออยู่ก็คือการกระทำเช่นนั้นของอีกฝ่าย!

ยามนี้พอเห็นว่าอีกฝ่ายถอยหลังเร็วรี่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ก้าวยาวๆ ไล่ตามไป ทั้งยังออกคำสั่งให้กองทัพศพหุ่นเชิดที่อยู่รอบด้านระเบิดตบะพลางก้าวมาข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นการตีวงล้อมให้แคบลง ขณะเดียวกันพวกศพหุ่นเชิดอย่างชายฉกรรจ์เกราะเงินก็ยิ่งกระแทกตบะคนฟ้าออกมาดังตูมตาม จำแลงตบะให้กลายเป็นพลานุภาพสยบแล้วพุ่งกระโจนเข้าหาผู้เฒ่า!

บัดนี้บนฟ้าบนดิน สี่ด้านแปดทิศถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาราวกับมีตาข่ายสวรรค์ปกคลุมลงมา ไม่ว่าเวทลับของผู้เฒ่าจะพิเศษแค่ไหน หรือต่อให้เขาติดปีกก็ยังยากจะหนีไปได้!

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ทางฝ่ายโจวอู่เต้าก็ถูกบีบให้หยุดการเผ่นหนี จำต้องก้าวถอยหลังเช่นกัน เพราะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เขาจะฝ่าวงล้อมรอบด้านนี้ออกไปได้

พอเห็นว่าวิกฤตมาเยือน ปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำระดับสูงสุดก็หน้าขาวเผือด ทว่านัยน์ตากลับเผยความบ้าคลั่ง ขณะที่ก้าวถอยหลังก็พลันหันมาคำรามใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ขยับเข้ามาใกล้

“ป๋ายฮ่าว ปล่อยข้าผู้อาวุโสไปซะ หาไม่แล้วแค่ความคิดเดียวของข้าผู้อาวุโส วิญญาณทาสของเจ้าก็ไม่เหลือซากแน่!”

ขณะที่พูดก็เหมือนเขาจะกังวลว่าป๋ายเสี่ยวฉุนอาจไม่เชื่อว่าวิญญาณป๋ายฮ่าวยังไม่ตายจึงทำมุทราไปด้วย ทันใดนั้นกลางหว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏเงาวิญญาณกลุ่มหนึ่งขึ้นมา

เงาวิญญาณนั้นก็คือป๋ายฮ่าว เขาถูกกักตัวเอาไว้กลางหว่างคิ้วของผู้เฒ่า กำลังถูกไฟวิญญาณของคนผู้นี้เผามอดไหม้ ตกอยู่ในวงล้อมแห่งอันตราย

ป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักฝีเท้า มองเห็นเงาวิญญาณป๋ายฮ่าว ใจของเขาก็พลันบีบรัดตัว ศพหุ่นเชิดรอบด้านที่ตีวงล้อมเข้ามาก็หยุดฝีเท้าเช่นกัน ชายฉกรรจ์เกราะเงินเองก็ทำไม่ต่างจากคนอื่นๆ ทว่าคลื่นคนฟ้าของเขาที่แผ่ออกมายังคงดุเดือดดังเดิม

“เจ้าปล่อยข้าไปซะ แล้วข้าจะคืนวิญญาณทาสให้แก่เจ้า!” ผู้เฒ่าตึงเครียดอยู่ในใจ เขาไม่เพียงแต่มองไปทางป๋ายเสี่ยวฉุน ยังคอยจ้องไปที่ชายฉกรรจ์เกราะเงินซึ่งมีตบะคนฟ้านั่นด้วย พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยอมหยุด ในใจก็คลายลงได้ทันที อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็พอจะวิเคราะห์ได้แล้วว่าในสายตาของอีกฝ่าย วิญญาณดวงนี้เกรงว่าคงสำคัญไปไม่น้อยกว่าตน พอเห็นภาพนี้จึงยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิม

“รีบถอยไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะให้เวลาเจ้าแค่สิบชั่วลมหายใจเท่านั้น!” ดวงตาของผู้เฒ่าเป็นประกายวาบ น้ำเสียงที่คำรามดังลั่นเริ่มแข็งกระด้าง โจวอู่เต้าที่อยู่ข้างกันก็เริ่มหายใจหายคอได้คล่องขึ้น อดไม่ได้ที่จะรอคอย

ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนสายตากลับมาจากวิญญาณป๋ายฮ่าว ข่มกลั้นความร้อนใจเอาไว้ มองอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำที่อยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาของเขาก็เหี้ยมเกรียมขึ้นมาอีกอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่น้ำเสียงเย็นชาจะดังก้องไปรอบด้าน

“ข้าเองก็จะให้เวลาเจ้าสิบชั่วลมหายใจเช่นกัน เจ้าจะตายเอง หรือให้สายเลือดตระกูลเมี่ยวของเจ้าวอดวายกันหมด เลือกเอา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเบื้องหน้าของเขาก็มีม่านแสงผืนหนึ่งแผ่ขึ้นมา ม่านแสงนั้นบิดเบือนอยู่ชั่วครู่ก็เผยภาพเหตุการณ์หนึ่งให้เห็น!

ในภาพนั้นคือจวนตรวจการ เวลานี้ที่นั่นมีผู้ฝึกวิญญาณหลายหมื่นคน ทั้งชายและหญิงกำลังยืนกันตัวสั่น เมี่ยวหลินเอ๋อร์ก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย นางหน้าซีดขาว นัยน์ตาแฝงเร้นไว้ด้วยความหวาดกลัวล้ำลึก

และรอบกายพวกเขาก็คือศพหุ่นเชิดหนึ่งพันนายที่แผ่ปราณดุร้ายอบอวลไปทั่วร่างซึ่งล้อมพวกเขาให้อยู่ในวง ผู้นำกองทัพนี้ก็คือโจวอีซิง!

ชั่วขณะที่มองเห็นภาพนี้ ปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์ก็หน้าเปลี่ยนสีไปในบัดดล และดูเหมือนว่าตอนนี้คนพวกนั้นก็มองเห็นผู้เฒ่าเหมือนกัน ทุกคนจึงพากันละล่ำละลักเปิดปาก

“บุรพาจารย์ช่วยด้วย!!”

“ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย!!”

“บุรพาจารย์ ข้าคือถันเอ๋อร์ ช่วยด้วย!!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version