Skip to content

A Will Eternal 802

บทที่ 802 ต้าเทียนซือเรียกพบ

“เจ้าหุบปาก! ตระกูลของเราอะไร นั่นมันตระกูลของข้า!” ดวงตาราวผลซิ่งของสตรีธุลีแดงถลึงโตมองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเดือดดาล ขณะเดียวกันใบหน้าของนางก็แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม แม้สมองจะพร่าเลือน คิดอะไรได้ไม่แจ่มชัดนัก แต่ก็ยังรู้สึกอับอายจนพานมาเป็นโกรธ

ด้านหนึ่งก็เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนคร่อมทับอยู่บนกาย ความรู้สึกไม่เหมาะไม่ควรยามที่เรือนกายส่วนใหญ่ถูกแตะต้องเช่นนี้ทำให้นางจะเป็นบ้า อีกด้านหนึ่งก็เพราะตอนนี้นางเองก็ตระหนักได้แล้วว่าอาการของตนผิดปกติอย่างมาก หัวสมองมึนๆ งงๆ หากไม่ครุ่นคิดอะไรก็ยังพอทำเนา แต่พอใช้สมองขบคิดถึงปัญหาเมื่อไหร่ก็จะติดๆ ขัดๆ แล้วก็ง่ายต่อการดึงดันไปในทางที่ผิด

“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร ปัญหาง่ายๆ แค่นี้ เหตุใดข้าถึงคิดไม่ออก…”

สตรีธุลีแดงรู้สึกอยู่ในใจว่าตัวเองผิดปกติ นับแต่ที่นางบำเพ็ญตนมาก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ทว่าครั้งนี้กลับโดนพลังโจมตีกลับจนเป็นเช่นนี้ได้ นั่นจึงทำให้นางอดนึกสงสัยในวิชาที่ราชาผียักษ์มอบให้นางไม่ได้ แต่พอนางเริ่มครุ่นคิด ความรู้สึกมึนงงก็โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันนางก็เกิดความดึงดันมั่นใจในความคิดตัวเองอีกครั้ง…

“ต้องเป็นฝีมือของท่านพ่อข้าแน่นอน…” ฟันขาวสะอาดของสตรีธุลีแดงขบกันดังกรอดๆ ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกดวงตานางหงส์ของสตรีธุลีแดงถลึงมองอย่างเกรี้ยวกราดก็ให้รู้สึกคันยิบๆ ประหนึ่งมีมือเล็กๆ มาเกาอยู่ในหัวใจ ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกอย่างอดไม่ได้ แอบพูดกับตัวเองว่าสตรีธุลีแดงผู้นี้ไม่เพียงแต่รูปร่างไม่เลว ดวงหน้ายังน่ามอง พอทำท่าทั้งโกรธทั้งอายเช่นนี้ก็ยิ่งมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

เดิมทีสตรีธุลีแดงก็งามเป็นเอกอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมามีท่าทางเลอะๆ เลือนๆ ขัดเขินเอียงอาย นั่นไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ความงามของนางลดลง กลับยิ่งเผยเสน่ห์ในแบบที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยเห็นมาก่อน นี่จึงทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นรัวดัง “ตึกตักๆๆ” อย่างมิอาจห้ามปราม

ไม่เหมือนเวลาที่โหวเสี่ยวเม่ยเท้าเอวถลึงตา แตกต่างกับความอ่อนหวานแต่ซ่อนหนามแหลมของซ่งจวินหว่าน สตรีธุลีแดงผู้นี้เหมือนกับนางพญางูผู้งดงาม ทำให้คนอดใจอยากจับกดไม่ไหว…

“เป็นนางมารร้ายยิ่งกว่าซ่งจวินหว่านเสียอีก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่น ขณะเดียวกันก็สูดลมหายใจเข้าลึกพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่การแนบชิดระหว่างเรือนกายเช่นนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนค้นพบด้วยความหน่ายใจว่าตนสงบอารมณ์ได้ยากยิ่ง นั่นก็เพราะสตรีธุลีแดงยังดิ้นรนไม่เลิก แม้ว่าจะไม่รุนแรงอย่างก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงขยับดิ้นเบาๆ นี่จึงทำให้เขาใจสั่นหวั่นไหวอย่างอดไม่อยู่

“เฮ้อ วิชามารนี่ร้ายกาจมากเกินไปแล้ว เอาเถอะๆ ขนาดบุรพาจารย์ตระกูลเมี่ยวยังพลีชีพสละตนได้ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ควรด้อยกว่าเขา งั้นก็ให้ข้าสละตัวเองมากำราบนางมารตนนี้ก็แล้วกัน!” ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนเปี่ยมล้นไปด้วยความมีคุณธรรม ครั้นจึงยกมือขวาขึ้นคว้าหมับ…ไปที่หน้าอกของสตรีธุลีแดง…แล้วบีบอย่างแรง

“นางมารร้าย ข้าจะกำราบเจ้าเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่นด้วยท่าทางของคนมากคุณธรรม มือขวาที่กดลงมาอย่างแรงทำให้สตรีธุลีแดงอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลม!

“ปล่อยข้านะ!!”

“นางมารร้ายเจ้ากล้าต่อต้านข้างั้นรึ ดีๆๆ ดูสิว่าข้าจะกำราบเจ้าอย่างไร!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงมีท่าทางเอาจริงเอาจัง เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปในครั้งนี้ก็เพื่อผดุงคุณธรรม ดังนั้นมืออีกข้างหนึ่งจึงกดตามลงไป…

“ป๋ายฮ่าวเจ้ารนหาที่ตาย!!” สตรีธุลีแดงรู้สึกเพียงในสมองมีเสียงตูมดังอื้ออึง ความเดือดดาลในเวลานี้มากจนเกินคำบรรยายไปแล้ว

ศพหุ่นเชิดที่อยู่รอบด้านยืนนิ่งอึ้งสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ตรงนั้น พวกเขาจ้องเขม็งมายังชายหญิงสองคนที่นอนส่ายสู้กันอยู่บนพื้นท่ามกลางวงล้อมของพวกเขา

ภาพนี้นับว่านุ่มนวลงามตาอย่างมาก หากคนไม่เข้าใจสถานการณ์มาเห็นย่อมต้องคิดเตลิดไปไกลแน่นอน…

เพียงแต่ความงดงามอ่อนช้อยนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานนัก บางทีสำหรับสตรีธุลีแดงแล้วนี่คงเป็นการกระตุ้นรุนแรงสุดขีดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตนี้ ด้วยความเดือดดาลสะท้านฟ้า นั่นจึงเป็นเหตุให้ผนึกในร่างของนางถูกกระแทกเปิดออกด้วยตัวเอง

เมื่อตบะของนางถูกปลดปล่อยออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สะดุ้งตกใจ รีบปล่อยตัวสตรีธุลีแดงราวต้องของร้อน หมายจะก้าวถอยหลัง

ทว่าดวงตาของสตรีธุลีแดงมีประกายแสงเย็นเยียบวาบผ่าน นางกระโดดผลุงขึ้น ก่อนจะกระโจนเข้าคว้าจับป๋ายเสี่ยวฉุน

เสียงดังกัมปนาทระเบิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ทั้งยังมีพายุบ้าคลั่งหมุนคว้างพัดตะลุยไปรอบด้าน ท่ามกลางเสียงครืนครั่นมีเสียงร้องโหยหวนของป๋ายเสี่ยวฉุนดังปนเข้ามาด้วย เขาถอยกรูดอย่างรวดเร็ว ส่วนสตรีธุลีแดงที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงราวคนบ้า ใบหน้าดุร้ายก็ไล่กวดตามมาอย่างว่องไวพอกัน

“ป๋ายฮ่าว ข้าจะฆ่าเจ้า!!”

“ทหาร จงสกัดนางมารผู้นี้ให้ข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหายใจคว่ำ ขณะที่ถอยร่นก็ร้องตะโกนดังลั่น ทันใดนั้นศพหุ่นเชิดที่ยืนอึ้งค้างอยู่รอบด้านก็แพร่ปราณดุร้ายตลบอบอวล บินออกมาตามคำสั่งแล้วตรงเข้าขัดขวางสตรีธุลีแดงเอาไว้

สตรีธุลีแดงที่เกรี้ยวกราดคล้ายจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย ศพหุ่นเชิดหลายตัวถูกนางกระแทกจนปลิวกระเด็น ทว่าศพหุ่นเชิดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีมากเกินไป อีกทั้งในนั้นยังมีชายฉกรรจ์เกราะเงินรวมอยู่ด้วย ไม่นานนักสตรีธุลีแดงที่ยังคงบ้าระห่ำและคับแค้นใจก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ ได้แต่มองป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งได้รับการคุ้มกันจากศพหุ่นเชิดอย่างแน่นหนาถอยร่นไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งออกห่างไปจากนาง

“จื่อโม่ เจ้าจะทำอะไรน่ะ ข้าทำไปก็เพราะหวังดีต่อเจ้า คือว่า…ข้าเห็นว่าเจ้าโดนวิชามาร ข้ากำลังจะช่วยคลี่คลายให้เจ้านะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าแดงน้อยๆ ครุ่นคิดว่าด้วยตบะอันมั่นคงของตัวเอง ไม่น่าจะมีท่าทางเช่นเมื่อครู่นี้ได้ เขาจึงพูดกับตัวเองว่าวิชามารของสตรีธุลีแดงผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก

ทว่าปากเขายังไม่ยอมรับ ยังคงละล่ำละลักแก้ตัวให้ตัวเอง

“หุบปาก!” สตรีธุลีแดงอับอายจนพานมาเป็นโกรธ นางหอบหายใจดังฮักๆ แล้วก็เหมือนว่าจะโกรธจนพูดอะไรไม่ออก ยามนี้กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ พอหันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกคุ้มกันไว้ด้านหลังศพหุ่นเชิดอย่างแน่นหนา ฟันขาวสะอาดของนางก็ขบเข้าหากันจนฟันแทบแตก ดวงตานางหงส์เต็มไปด้วยความดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะจึงไอแห้งๆ หนึ่งที

“คือว่า…นี่คือความเข้าใจผิดกัน เมื่อครู่ข้าพูดถึงตรงไหนแล้ว? อ้อ ใช่แล้ว เจ้าพูดว่านั่นไม่ใช่ตระกูลของพวกเรา แต่เป็นตระกูลของเจ้า…จื่อโม่ เจ้าทำตัวห่างเหินกันเกินไปแล้ว ตระกูลเจ้าก็ไม่ใช่ตระกูลข้าหรอกหรือ” ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจลนลานจึงพูดเรื่องนู่นเรื่องนี้ปนกันมั่วไปหมด

ส่วนสตรีธุลีแดงก็สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ก่อนจะหัวเราะหยันใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ตอนนี้แม้นางจะรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นที่ตัวนางเอง และป๋ายฮ่าวผู้นี้ก็พูดจามีเหตุผล อีกทั้งโองการประทานคุณแด่ประชาของเขายังพิจารณาถึงราชาผียักษ์

ทว่าพอนางนึกถึงการกระทำไร้ยางอายของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ นางก็สะกดกลั้นความแค้นเคืองเอาไว้ไม่อยู่

ขณะที่กำลังจะตวาดด่าต่อ ทว่าเวลานี้เอง นางพลันหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้าขึ้นทันใด

ม่านตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็หดตัวเข้าหากัน แล้วก็เงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นเพียงว่าเวลานี้นภากาศบิดเบือน ไม่นานก็มีเงาสีดำพร่าเลือนเงาหนึ่งก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่า

จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่เหนือจวนตรวจการ เงาร่างนี้ถึงได้เปลี่ยนมาเป็นชัดเจน เงาร่างสีดำนี้ปิดบังศีรษะ ปิดบังร่างทั้งร่าง ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนและสตรีธุลีแดงมองเห็นเพียงเงาสีดำเงาหนึ่งเท่านั้น!

ใบหน้าของเงานี้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันรอบกายของเงานี้ก็มีเพียงความมืดมิด ราวกับว่าสถานที่ใดก็ตามที่มีคนผู้นี้อยู่ ฟ้าดินแห่งนั้นล้วนกลายมาเป็นความดำมืด

เขาก็คือ…คนสนิทของต้าเทียนซือ ผู้ตรวจการคนก่อน เฮยหมิง!

หลังจากที่เฮยหมิงปรากฏตัว สตรีธุลีแดงอึ้งงัน ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนก็สูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้ดีว่า สิ่งที่ควรเกิด…สุดท้ายก็ต้องเกิด

ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเฮยหมิง เพียงแต่พอจะมองออกว่าภายใต้ชุดคลุมสีดำนั้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาคล้ายไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ เมื่อเขากวาดตามองผ่านจวนตรวจการ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจสตรีธุลีแดง เพียงจ้องนิ่งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“มอบป้ายคำสั่งคืนมาให้ข้า” เสียงของเฮยหมิงเต็มไปด้วยความเย็นชา เมื่อมันดังก้องออกมา ตลอดทั้งจวนตรวจการก็ราวกับตกอยู่ในเหมันต์ฤดูที่หนาวเหน็บ

ดวงตาของสตรีธุลีแดงเป็นประกายวาบ ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนกลับนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ สำหรับการยึดป้ายตรวจการคืนนี้ เขาไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ

แม้ว่าตอนนี้จะกระวนกระวาย ทั้งยังไม่เป็นสุข แต่ขณะเดียวกันเขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ได้

ดังนั้นจึงยกมือขวาตบถุงเก็บของหนึ่งครั้ง ป้ายคำสั่งตรวจการปรากฏอยู่ในมือของเขา หลังจากที่ก้มหน้ามองครั้งหนึ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันโยนมันออกไป ป้ายคำสั่งตรวจการจึงกลายเป็นรุ้งยาวสีม่วงเส้นหนึ่งที่พุ่งเข้าไปหาเฮยหมิง

เฮยหมิงรับเอาไว้ในชั่วพริบตา หลังจากเก็บมันไปไว้เรียบร้อย เสียงอึมครึมของเขาก็ดังออกมาอีกครั้ง

“ป๋ายฮ่าว ตามข้าผู้อาวุโสมา ต้าเทียนซือรอฟังคำอธิบายจากเจ้าอยู่!”

กล่าวจบเฮยหมิงก็หมุนตัวเดินไปยังพระราชวังที่อยู่กลางอากาศ ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ในสมองครุ่นคิดว่าตนน่าจะเตรียมการไว้พร้อมจนไร้ช่องโหว่แล้ว ดังนั้นจึงผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะกระโดดผลุงขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของสตรีธุลีแดง แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะโกรธแค้นป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไม ในใจถึงเกิดความลังเล ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปไกลพร้อมเฮยหมิง นางก็รีบหยิบแผ่นหยกส่งข้อความเสียงออกมาทันที

ในแผ่นหยกนี้มีข้อความไม่น้อยที่ราชาผียักษ์ทิ้งเอาไว้ ตอนนี้สตรีธุลีแดงไม่มีอารมณ์มาไล่ฟัง เพียงรีบส่งข้อความไปให้ราชาผียักษ์

“เสด็จพ่อ เฮยหมิงยึดป้ายคำสั่งตรวจการของป๋ายฮ่าวไปแล้ว ทั้งยังพาตัวเขาไปด้วย…”

ในนครผียักษ์เวลานี้ ราชาผียักษ์กำลังกลัดกลุ้ม หลังจากที่เขารู้ว่าสตรีธุลีแดงออกจากด่านก็ไพล่นึกไปถึงแผนการที่ตัวเองจัดวางไว้ให้กับนางครานั้น ทว่าสถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน

เขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเดิมทีตนแค่คิดจะล้างสมองลูกสาวของตัวเอง แต่ทำไมพอสตรีธุลีแดงออกจากด่านกลับตรงดิ่งไปสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนเสียได้

ดังนั้นจึงรีบส่งข้อความเสียงไปหาอีกฝ่าย ทว่าด้วยความดื้อรั้นของสตรีธุลีแดง นางจึงไม่คิดจะสนใจเขาแม้แต่น้อย นี่ทำให้ราชาผียักษ์ยิ้มเจื่อนอย่างห้ามไม่ได้ แต่ขณะที่กำลังถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มกลับได้รับข้อความเสียงจากสตรีธุลีแดงกะทันหัน พอเขารับฟัง ดวงตาก็พลันโชนแสงคมกริบทันที

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา…หรือว่าเขามีไพ่ตายอะไร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version