บทที่ 839 ศึกไร้เทียมทาน
“ต้องตาฝาดแน่นอน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนอกสั่นขวัญแขวน เขารู้สึกว่าหากคนเฝ้าสุสานมองมาที่ตนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตนก็เสี่ยงอันตรายมากๆ นี่มันเกี่ยวพันกับศึกระหว่างคนเฝ้าสุสานและเทียนจุนเชียวนะ
“คนตัวเล็กๆ อย่างข้ารับความสนใจจากบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่ไหวหรอกนะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบก้มหน้าก้มตา ยิ่งถอยห่างเร็วกว่าเดิม และขณะที่เขากำลังรีบร้อนเผ่นหนีอยู่นี้ พลานุภาพน่าเกรงขามของแผ่นดินทงเทียนที่อยู่บนท้องฟ้าก็ผงาดง้ำขึ้นมาอีกครั้ง พอจะมองเห็นได้รำไรว่าด้านหลังภาพสะท้อนของแผ่นดินทงเทียนมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
แม้เงาร่างนี้จะเป็นเพียงภาพมายา แต่คนมองก็ยังจำได้ว่านั่นคือเทียนจุน ดูเหมือนว่าเขากำลังควบคุมทุกอย่างที่อยู่ในแผ่นดินทงเทียน เวลานี้มือทั้งคู่ของเขายกขึ้นแล้วโบกหนึ่งครั้ง ภาพสะท้อนของแผ่นดินทงเทียนก็ส่งเสียงดังครืนครั่นพร้อมตรงเข้ากระแทกใส่คนเฝ้าสุสาน!
นกกระเรียนกระดาษสีดำของเด็กหญิงก็แผ่ปราณสีดำที่เข้มข้นกว่าเดิมกระโจนเข้าใส่คนเฝ้าสุสานเช่นกัน
วิกฤตคับขัน ชั่วขณะที่จิตวิญญาณของทุกคนสะท้านไหว คนเฝ้าสุสานที่ถอนหายใจก็ฉายประกายเด็ดเดี่ยวออกมาทางดวงตา อันที่จริงเขาเองก็เข้าใจดีว่ามาถึงขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลอีกแล้ว เมื่อแผนการครั้งนี้เทียนจุนจะตั้งใจล่อให้เขาปรากฏตัว ทว่าขณะเดียวกันเขาเองก็คิดจะแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของโลกทงเทียนไปในครั้งนี้ด้วย!
“แม้ว่าจะฉุกละหุกไปหน่อย แม้จะทำลายสมดุล สร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงให้กับโลกใบนี้ แต่เวลาของข้า…ก็เหลืออีกไม่มากแล้ว ยังไงก็ต้องทำอะไรไว้ให้คนรุ่นหลังบ้าง”
คนเฝ้าสุสานถอนหายใจอยู่ในใจ ความเด็ดเดี่ยวในดวงตายิ่งแรงกล้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ชั่วขณะที่นกกระเรียนกระดาษและภาพสะท้อนของแผ่นดินทงเทียนตรงเข้ามาใกล้ เขาก็พลันหลับตาทั้งคู่ลง!
วินาทีที่ดวงตาทั้งคู่ของคนเฝ้าสุสานปิดเข้าหากัน ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทเสียงหนึ่งที่ดังไปทั่วทั้งแดนทุรกันดาร ดังไปทั่วทุกสำนักในแผ่นดินใหญ่ทงเทียน ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดของโลกใบนี้ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นนักพรตก็ดี สัตว์ร้ายก็ช่าง หรือแม้แต่คนธรรมดาก็ยังได้ยินกันหมดก็พลันระเบิดออกมา!
ตูม!!
เสียงนี้ดังมากเกินไป มากเกินกว่าที่โลกใบนี้จะแบกรับได้ไว้ แผ่นดินของตลอดทั้งแดนทุรกันดารจึงสั่นไหวอย่างรุนแรง ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเพียงว่ามีพลังมหาศาลขุมหนึ่งที่เหมือนระเบิดออกมาจากใต้ดิน เขาหน้าเปลี่ยนสี ขวัญหนีกระเจิดกระเจิง ขณะเดียวกันผู้คนที่อยู่ในนครจักรพรรดิขุยของแดนทุรกันดาร สี่มหานครราชา รวมไปถึงชนเผ่าและตระกูลจำนวนนับไม่ถ้วนที่สัมผัสได้ว่าเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง พวกเขาก็พากันร้องอุทานแตกตื่น
“เสียงอะไร!!”
“แผ่นดินไหว…หรือว่ามังกรดินพลิกตัว!!”
ไม่เพียงแต่แดนทุรกันดารเท่านั้น แม้แต่กำแพงเมืองที่สี่สำนักใหญ่ต้นแม่น้ำสร้างไว้ มาบัดนี้ก็ยังสั่นคลอนอยู่หลายที กองทัพใหญ่ของนักพรตที่ตั้งฐานทัพเฝ้าอยู่สี่แม่น้ำต่างก็ใจแกว่ง ยิ่งพอแผ่นดินไหวแล้วเห็นว่ากำแพงเมืองที่ถูกค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมกลับเกิดรอยปริแตกเล็กละเอียดลามไปทั่ว พวกเขาก็พากันฮือฮาตื่นตระหนก
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”
“ศัตรูลอบโจมตี!!”
ไม่เพียงแต่แดนทุรกันดารและกำแพงเมืองเท่านั้น ยังมีขอบเขตทั้งหมดของเขตแม่น้ำทงเทียนซึ่งไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำตอนปลาย แม่น้ำตอนล่าง แม่น้ำตอนกลางหรือแม้แต่สำนักต้นแม่น้ำก็ล้วนเป็นเช่นเดียวกันหมด แม้แต่สายรุ้งของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราก็ยังสั่นไหวอยู่หลายที
เสียงฮือฮาดังออกมาจากปากของคนนับไม่ถ้วน นาทีนี้ ทุกสรรพชีวิตบนโลกใบนี้ต่างตะลึงพรึงเพริดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
บัดนี้มีเพียงแค่สี่คำเท่านั้นที่สามารถบรรยายเวทอภินิหารน่าครั่นคร้ามของคนเฝ้าสุสานนี้ได้ นั่นก็คือ…แผ่นดินสะท้านภูเขาสะเทือน!
เทียนจุนหน้าเปลี่ยนสี นกกระเรียนกระดาษที่เด็กหญิงจำแลงออกมาก็ชะงักกึก วิกฤตความเป็นความตายรุนแรงทำให้จิตใจของนางสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง
“นี่มันเวทคาถาอะไรกัน!!” นกกระเรียนกระดาษที่เด็กหญิงจำแลงออกมาไม่กล้าบุกเข้าหาคนเฝ้าสุสานอีกต่ไป แต่กลับถอยกรูดอย่างรวดเร็ว ทว่าวินาทีที่นางถอยนั้นเอง หลังจากเสียงตูมเสียงแรกที่ดังกึกก้องไปทั่วโลกทั้งใบก็ทำให้บนนภากาศมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลอยมา ก่อนจะเห็นเป็นเพียงรอยปริแตกขนาดใหญ่ยักษ์เส้นหนึ่ง…ที่ปรากฏขึ้น พอเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่น มันก็แผ่ขยายลุกลามออกไป ระดับความยาวนั้นยากจะบรรยาย เกรงว่าคงไม่ต่ำกว่าแสนจั้งแน่นอน!!
คนของแดนทุรกันดารมองเห็น คนของกำแพงเมืองมองเห็น แม้สำนักในแผ่นดินใหญ่ทงเทียนจะมองไม่เห็น แต่กลับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของท้องฟ้าได้โดยสัญชาตญาณ!
รอยปริแตกนั้นเป็นเหมือนแผลเป็นเส้นหนึ่งที่จะ…ติดอยู่บนท้องฟ้าของโลกทงเทียนไปตลอดกาล!
และชั่วขณะที่รอยปริแตกขนาดใหญ่ยักษ์นี้ปรากฏขึ้น ดวงตาของคนเฝ้าสุสานก็พลันเบิกโพลง ปากของเขาเปล่งคำสองคำที่ดังเกินอสนีบาต!
“ม้าม ดิน!”
วินาทีที่สองคำนี้ถูกปล่อยออกมา รอยแตกยิ่งขยายใหญ่ เสียงอื้ออึงหนักหน่วงดังก้องออกมาจากด้านใน เวลาแค่ชั่วพริบตาในรอยแตกนั้นก็มี…ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งหล่นลงมา!!
ภูเขานี้ใหญ่เกินไป มองดูแล้วราวกับพระอาทิตย์ที่กลิ้งหลุนๆ ตกลงมาจากในรอยแตกบนท้องฟ้า ภาพที่น่าเหลือเชื่อนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนและทุกคนรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“มีภูเขาลูกหนึ่งหล่นลงมาจาก…ท้องฟ้า?” ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งค้าง สตรีธุลีแดงที่ยืนอยู่ข้างราชาผียักษ์ก็ยืนบื้อไปเช่นกัน
ภูเขาลูกนี้ไม่ใช่ภูเขาลูกใดบนพื้นแผ่นดินทั้งสิ้น แต่มันตกลงมาจากท้องฟ้า…อย่างแท้จริง!
เสียงกัมปนาทราวแก้วหูจะดับดังมาพร้อมกับภูเขาที่ร่วงลงมาจากในรอยแยก ทุกคนที่มองไปเห็นว่าภูเขาลูกนี้เป็นสีดำ อบอวลไปด้วยความรู้สึกหนาหนัก ซึ่งมันตรงลงมากระแทกเข้าใส่ภาพสะท้อนแผ่นดินทงเทียนของเทียนจุนและนกกระเรียนกระดาษของเด็กหญิง!
เทียนจุนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เขาไม่ได้เพิ่งเคยต่อสู้กับคนเฝ้าสุสานแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ทว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายร่ายใช้เวทอภินิหารแบบนี้มาก่อน มือทั้งสองข้างของเขาจึงรีบยกขึ้นทำมุทราควบคุมให้ภาพสะท้อนแผ่นดินทงเทียนพุ่งเข้าโจมตีอย่างเต็มกำลัง
ทว่าชั่วขณะที่การโจมตีของเขาปะทะเข้ากับภูเขาใหญ่กลับลอดทะลุผ่านมันไปเหมือนอยู่คนละโลกกับภูเขาลูกนั้น ไม่สามารถสร้างผลกระทบใดๆ ให้กับภูเขาใหญ่ลูกนั้นได้แม้แต่นิดเดียว
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ภูเขาลูกนี้กลับลอดทะลวงภาพสะท้อนแผ่นดินทงเทียน พอปรากฏตัวอีกครั้งกลับมาอยู่เหนือนกกระเรียนกระดาษของเด็กหญิงแล้ว
เด็กหญิงกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด นางรู้ดีว่ามิอาจหลบเลี่ยงได้ ยามนี้ดวงตาจึงเผยความดุร้ายอำมหิต ครั้นจึงควบคุมนกกระเรียนกระดาษให้ระเบิดควันสีดำที่เข้มข้นมากกว่าเดิมแล้วพุ่งชนเข้ากับภูเขาใหญ่จังๆ
พริบตานั้นสองฝ่ายก็ปะทะเข้าด้วยกัน เวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าตั๊กแตนขวางอยู่หน้ารถ!
ความหนาหนักของภูเขาใหญ่ลูกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เด็กหญิงจะต้านทานได้เลย ทุกคนเห็นคาตาตัวเองว่านกกระเรียนกระดาษที่นางจำแลงมาพลันแตกสลาย ระเบิดออกอย่างไม่เหลือดี ส่วนวิญญาณของเด็กหญิงที่กรีดร้องโหยหวนก็ถูกภูเขาใหญ่ลูกนั้น…กระแทกดังตูม แล้วถูกภูเขาใหญ่กดทับบดอัดอยู่บนพื้นแผ่นดิน!
วิญญาณของนางแตกสลายอีกครั้ง คราวนี้…มีเพียงแสงสว่างครึ่งเดียวที่รอดออกมาจากพลังการบดขยี้ของภูเขาใหญ่ได้ ซึ่งพอแสงเหล่านั้นกระจายตัวออกไปก็มารวมตัวกันเป็นร่างของเด็กหญิงใหม่อีกครั้งในจุดที่ห่างไปไกล เพียงแต่ว่าคราวนี้ร่างของนางพร่าเลือนยิ่งกว่าเดิมราวกับว่าแค่ลมเป่าพัดก็ปลิวสลาย ดวงตาของนางฉายความตกใจและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็หันหลังเผ่นหนีไปอย่างไม่เหลียวหลัง
คนเฝ้าสุสานทอดสายตามองตามไปไกลๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายวาบ ทว่ากลับไม่ได้สนใจ เพียงเอ่ยประโยคที่สองออกมาเบาๆ
“ไต น้ำ!”
ประโยคนี้หลุดออกจากปาก แผ่นดินของโลกทงเทียนก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นครั้งที่สอง
เสียงนี้ดังขึ้นก็เขย่าคลอนจิตใจผู้คนอีกครั้ง ทำให้ยอดเขาจำนวนนับไม่ถ้วนพังถล่มทลาย แผ่นดินก็เกิดร่องลึก รอยปริแตกบนกำแพงเมืองสี่ด้านยิ่งมากกว่าเดิม แม้แต่เทือกเขาจำนวนมากมายในเขตแม่น้ำทงเทียนก็ยังสั่นคลอนตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าก็มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นเป็น…รอยที่สอง หลังจากรอยแตกนี้ปรากฏออกมาตามหลังเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ท่ามกลางเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของเทียนจุน แม่น้ำสายใหญ่ก็พลัน…หล่นลงมาจากฟากฟ้า!!
นี่ไม่ใช่แม่น้ำทงเทียน แล้วก็ไม่ใช่แม่น้ำอเวจี แต่เป็น…แม่น้ำเลือดสายหนึ่ง!!
ประหนึ่งเลือดสดจำนวนมากมารวมอยู่ด้วยกันแล้วไหลกรากเข้าหาเทียนจุน พลานุภาพแข็งแกร่งเขย่าคลอนแปดทิศ จิตวิญญาณของเทียนจุนสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาแผดเสียงร้องคำรามแหบโหยแล้วควบคุมภาพสะท้อนของแผ่นดินทงเทียนพุ่งเข้าชนอย่างแรง
ทว่าวินาทีที่สองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกัน แม่น้ำเลือดสายนั้นเหมือนได้รวบรวมขุมกำลังที่ต่อให้เป็นเทียนจุนก็ยังมิอาจต้านทานได้ ภาพสะท้อนของแผ่นดินทงเทียนนี้จึงมิอาจต่อกรกับมัน ท่ามกลางเสียงอึกทึกเกริกก้อง ภาพสะท้อนของแผ่นดินทงเทียนจึงแหลกสลายไปทีละชั้น ก่อนจะพังราบเป็นหน้ากลอง!!
เศษชิ้นส่วนปลิวว่อนกระจัดกระจาย!
ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมองตาค้างบื้อใบ้ ครั้งแรกเขาได้เห็นภูเขาร่วงลงมาจากท้องฟ้า แล้วนี่ยังได้มาเห็นแม่น้ำร่วงลงมาอีก…
เวลานี้ตลอดทั้งนภากาศเหลือเป็นเพียงเงามายาขนาดใหญ่ยักษ์ของเทียนจุน สีหน้าของเขาน่าเกลียดถึงขีดสุด ดวงตายิ่งฉายความเหลือเชื่อและตะลึงลาน แต่เขากลับไม่ได้หนีไปอย่างเด็กหญิง เพียงสะบัดกายพุ่งกระโจนเข้าใส่คนเฝ้าสุสาน!
“วิชาอภินิหารที่สร้างบาดแผลไว้ให้โลกตลอดกาลเช่นนี้ ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะร่ายใช้ได้กี่ครั้งกัน!” เสียงของเทียนจุนแฝงเร้นไว้ด้วยความเย็นเยียบ ทั้งยังมีไอสังหารที่บ้าคลั่ง พริบตาที่เข้ามาใกล้ มือขวาของเขาก็ยกขึ้นหมายจะตบเข้าใส่คนเฝ้าสุสาน
สีหน้าของคนเฝ้าสุสานมีความหดหู่ หลังจากถอนหายใจก็เอ่ยประโยคที่สามออกมา!
“หัวใจ ไฟ!”
ขาดคำของเขา โลกทั้งใบก็มีเสียงกัมปนาทดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม กำแพงเมืองสี่ทิศที่ตัดขาดแดนทุรกันดารกับเขตทงเทียนซึ่งเดิมทีเต็มไปด้วยรอยปริแตก มาบัดนี้เมื่อเจอกับเสียงสะเทือนเลือนลั่นเป็นครั้งที่สาม ไม่ว่านักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนจะอยากซ่อมแซมเพียงใดก็มิอาจยืนหยัดเอาไว้ได้อีก ตามหลังเสียงกัมปนาทกึกก้องจึงตามมาด้วยภาพที่กำแพงเมือง…ยุบถล่มลงมา!!
นับตั้งแต่ที่ถูกสร้างขึ้น กำแพงเมืองทั้งสี่สายเคยถูกโจมตีมาก่อน เคยเสียหายมาก่อน แต่กลับไม่เคยพังถล่ม ทว่าตอนนี้กำแพงเมืองสี่ทิศอย่าง…ตะวันออก ตะวันตก เหนือ ใต้ ล้วนพังทลายไม่มีเหลือ!
นักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนใจสั่น รู้สึกเพียงว่าเรื่องทุกอย่างนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป สร้างความหวาดผวาพรั่นพรึงให้กับพวกเขาถึงขีดสุด
“ฟ้าเปลี่ยนแล้ว!!”
“กำแพงเมือง…พังถล่มแล้ว…”
ไม่เพียงแต่กำแพงเมืองเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ภูเขาในเขตทงเทียนจำนวนไม่น้อยที่โยกคลอนอย่างรุนแรงก็ยุบยวบทลายลงมา ขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวฉุนก็เห็นกับตาตัวเองว่าบนท้องฟ้าของแดนทุรกันดารพลันปรากฏเป็น…รอยปริแตกขนาดใหญ่ยักษ์เส้นที่สาม!
และหลังจากที่ภูเขาลูกหนึ่ง แม่น้ำสายหนึ่งหล่นลงมาจากในรอยแตก…บัดนี้ก็ได้ตามมาด้วย…ลูกกลมเปลวเพลิงขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง!!
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ นั่นคือดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง